วันที่ 20 มิถุนายน 2568 นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ระบุว่า ในการเจรจาความเมืองระดับประเทศ ต่างฝ่ายต่างสวมหัวโขนในฐานะผู้นำ หรือ ผู้มีอำนาจของปท.นั้นๆที่ได้รับมอบหมายมาให้เจรจา
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเจรจาทางการ หรือไม่ทางการ สิ่งนึงที่ต้องยึดมั่นให้มากที่สุดของผู้นำแต่ละประเทศ คือ ศักดิ์ศรี และ เกียรติภูมิของประเทศ (ซึ่งหมายถึงกองทัพ และผลปย.ของประชาชนแต่ละประเทศ)
คู่เจรจาหรือ Counterpart ของแต่ละประเทศ ต้องยึดสถานะความเท่าเทียมกันเป็นหลัก ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อยกว่า
ต่อให้ผู้นำการเจรจาของทั้งสองฝ่ายนั้นรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีมาก่อน เป็นเพื่อนกัน เป็นญาติเป็นดองกัน
แต่บนโต๊ะเจรจาจะต้องไม่มีความเป็นพี่น้อง ลุง ป้า น้า อา หลาน ของใครเด็ดขาด หลักการที่ต้องยึดมั่นคือทั้งสองฝ่ายมีสถานะและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน
คำสรรพนามที่ใช้ในการเจรจาแบบที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ จะเรียกอีกฝ่ายว่า ท่าน หรือ ฯพณฯท่าน ได้ เป็นการให้เกียรติ
แต่จะไม่ใช้สรรพนามเรียก ลุง ป้า น้า อา หลาน เป็นอันขาด เพราะนี่คือการเจรจาความเมืองในหลักการหรือวาระที่สำคัญของชาติ ไม่มีการนับญาติกับใครทั้งสิ้น !
ถ้าอยากนับญาติก็ไปคุยส่วนตัวกันที่บ้าน แต่ไม่ใช่บนโต๊ะเวทีการเจรจาระหว่างประเทศ
ขอยกตัวอย่างกรณีล่าสุดสดๆร้อนๆ ถ้าผมเป็นผู้นำรัฐบาลในการเจรจา ผมจะเรียกแค่ ท่านสมเด็จ….เท่านั้น จะไม่เรียกลุงเพื่อนับญาติบนโต๊ะเจรจาโดยเด็ดขาด !
เนื่องจากผมเคยประจำการที่ลาว เคยผ่านการประชุมเจรจาปักปันเขตแดนมาแล้วหลายครั้ง จะมีหลักการในการเจรจาอันนึงที่ผมได้ยินจาก ผู้ใหญ่ คู่เจรจา ทั้งสองฝ่ายในการหาข้อสรุปเพื่อตกลง
ในหลักการร่วมกันให้ได้นั่นคือ
“ Make Everybody Equally Unhappy”
หรือพูดง่ายๆ คือไม่มีใครได้ 100 % หรือ เสีย 100 % การทำให้ unhappy เท่าๆกันทั้งสองฝ่าย จะเป็นข้อสรุปที่ลงตัวที่สุด
ในการเจรจาผู้นำของทั้งสองฝ่ายจะต้องมีท่าทีที่ strong น่าเกรงขาม แต่สุภาพ โอนอ่อนหรือยืดหยุ่นได้แบบมีเหตุผลรองรับ
แต่ไม่ใช่แสดงท่าที ”หงอ“ ยอมเสนอให้ฝ่ายคู่เจรจาว่าอยากได้อะไรให้บอกมา จะจัดให้ได้หมด แบบนี้ไม่ควรพูดอย่างยิ่ง
การจะยืดหยุ่นยอมให้หรือไม่ให้ ต้องมี tactics หรือลูกล่อลูกชนกับฝ่ายตรงข้าม คือเราต้อง รุก ด้วยไม่ใช่ตั้งรับอย่างเดียว
ในการเจรจาถ้ามี ”กึ๋น“ พอ จะต้องไม่ยอมให้ฝ่ายคู่เจรจาเล่นแต่บทพระเอกที่ถูกรังแก แต่จะต้องมีสติในการโต้แย้งโต้ตอบให้ได้ว่า ฝ่ายเราก็โดนกระทำแบบไม่เป็นธรรมเช่นกัน และต้องตอบสวน
ให้ทันเหตุการณ์ด้วย
และที่สำคัญที่สุดของที่สุด ไม่ว่าจะอ้างว่าเป็นเทคนิคในการเจรจา คือ ต้องไม่ด้อยค่าหน่วยงานในความดูแลในฐานะผู้นำของตัวเองให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินเป็นอันขาด
เพราะนี่เป็นเรื่องทาง จิตวิทยา ที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถยืมคำพูดเอาไปใช้ทำสงครามจิตวิทยาย้อนตีเราได้ต่อไป ว่า
เป็นถึง ผู้นำประเทศ แต่มีกองทัพอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตัวเอง โดยเล่าจากปากของผู้นำเองให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยิน
แบบนี้เสียหมดครับทั้งหลักการในการเจรจา หลักการทางยุทธศาสตร์ และหลักการในทางพิธีการทูต
ใครไม่อาย แต่ผมอาย !
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี