วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
เดินหน้าปกป้องชาติ แม่ทัพ2ย้ำการเมืองไม่กระทบทหาร รักษาความมั่นคงของประเทศ

เดินหน้าปกป้องชาติ แม่ทัพ2ย้ำการเมืองไม่กระทบทหาร รักษาความมั่นคงของประเทศ

วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : การเมืองไม่กระทบทหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา แนวหน้าออนไลน์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มุ่งเน้นการรักษาอธิปไตย แม่ทัพภาคที่ 2
  •  

เดินหน้าปกป้องชาติ
แม่ทัพ2ย้ำการเมืองไม่กระทบทหาร
รักษาความมั่นคงของประเทศ
ห้ามศัตรูรุกล้ำเข้ามาเด็ดขาด
‘สมเด็จฮุนเซน’เฮี้ยนกลางดึก
ท้าขับไล่แรงงาน/งดส่งน้ำมัน

“ฮุนเซน” โพสต์กลางดึก ท้าไทยไล่แรงงานกัมพูชากลับ เย้ยถ้าจะหยุดส่งน้ำมันระวังทำลายตัวเอง จ่อระงับนำเข้าสินค้ากระป๋องของไทย ขณะที่ “แม่ทัพภาคที่ 2” ระบุ สถานการณ์ชายแดนยังคงสงบ ไม่มีเหตุรุนแรง กองทัพยังคงมุ่งเน้นการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ ส่วนความเคลื่อนไหว ทางการเมืองภายในประเทศ ไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาชายแดน

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 ที่ จ.นครพนม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงสงบ ความตึงเครียดส่วนใหญ่เป็นการเมืองภายใน ระบุไม่กระทบการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพ ภายหลังเป็นประธานในพิธีถวายพระพุทธรูป และประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดสว่างสุวรรณาราม จ.นครพนม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ว่า ยังคงสงบ ไม่มีเหตุรุนแรงหรือการขยับกำลังทหารที่น่าเป็นห่วง ฝ่ายกัมพูชายังอยู่ในเขตแดนของตนไม่มีการรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย ความตึงเครียดส่วนใหญ่เกิดจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทยมากกว่า ซึ่งทางกองทัพจะยังคงมุ่งเน้นการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ การเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในประเทศ ไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพในการดูแลรักษาชายแดน


ยันรัฐบาล-ทหารไร้ปัญหาขัดแย้ง

ส่วนข่าวความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีกับแม่ทัพนั้น เป็นเพียงความเข้าใจผิดและได้มีการชี้แจงและขอโทษกันแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของกองทัพแต่อย่างใด

ขณะที่เหตุการณ์กลุ่มชาวกัมพูชาร้องเพลงที่ปราสาทตาควายนั้น กองทัพไทยได้ประสานกับทางการกัมพูชาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางทหารโดยตรง

“ฮุนเซน”ชี้ไทยตัดส่งน้ำมันเสี่ยงพังเอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ประณามข้อเสนอฝ่ายค้านของไทย ที่เรียกร้องให้รัฐบาลตัดการส่งน้ำมันให้กัมพูชา โดยเรียกข้อเสนอนี้ว่า “เกมอันตรายที่อาจนำไปสู่การทำลายตัวเอง”

“วันนี้ พรรคฝ่ายค้านของไทย ได้เสนอให้รัฐบาลไทยหยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา เพื่อกดดันให้กัมพูชายอมจำนน ในการตอบสนอง เราขอประกาศอย่างหนักแน่นว่าเราจะไม่ล่มสลาย เพียงเพราะเราไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากไทย ในทางตรงกันข้าม บริษัท ปตท. ของไทยเองอาจต้องเผชิญผลที่ตามมา”

“คุณตั้งใจจริงหรือที่จะให้ บริษัท ปตท.ของไทย ล่มสลาย หากเป็นเช่นนั้น ก็ดำเนินการตามแผนของคุณต่อไป” เขากล่าวในทางโซเชียลมีเดียในช่วงค่ำ

โวกัมพูชาพร้อมรับมือทุกสถานการณ์

ฮุนเซน ยังยืนยันว่า กัมพูชาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะรับมือสถานการณ์ที่ฝ่ายไทยขู่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า และ แรงงาน ขณะนี้ น้ำมันกำลังถูกนำมาเป็นอาวุธอีกชนิดหนึ่งในการต่อสู้กับกัมพูชา

“ในอดีต เมื่อเป็นเรื่องแรงงานต่างด้าว คุณได้เลือกปฏิบัติต่อแรงงานกัมพูชาอย่างไม่ดี แม้กระทั่งใช้พวกเขาเป็นตัวประกัน และข่มขู่ แต่ตอนนี้ที่กัมพูชา ประกาศว่าจะรับแรงงานกลับคืนมา คุณได้เปลี่ยนน้ำเสียงของคุณโดยพยายามเอาใจและปลอบโยนพวกเขา ทำไมหนะหรือ?

“หากแรงงานกัมพูชาออกจากโรงงาน ฟาร์ม บริษัท และ ไซต์ก่อสร้าง ธุรกิจเหล่านี้หลายแห่งจะต้องปิดตัวลงเนื่องจากขาดแคลนแรงงาน หากคุณกล้าจริง ๆ ก็ไล่คนงานชาวกัมพูชาออกไปทั้งหมด แล้วมาดูกันว่าสิ่งนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างไร

“ลองแบบเดียวกันกับน้ำมันดูก็ได้ แต่ก็ควรปรึกษา บริษัทปตท.ของไทยก่อน เพราะธุรกิจอาจจะล้มได้ โดยเฉพาะเมื่อ ปตท. ดำเนินการสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชาอยู่ในขณะนี้ หรือบางทีพวกเขาอาจต้องหาซื้อน้ำมันจากประเทศอื่นมาขายที่นี่ก็ได้”

แนะเปลี่ยนเส้นทางนำเข้าสินค้าไทย

ฮุนเซน ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้แนะนำให้รัฐบาลพิจารณาอย่างจริงจัง ที่จะเปลี่ยนเส้นทางการนำเข้าสินค้าจากไทย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มีเหตุผลที่จะออกมาขู่ต่อไป

นอกจากนี้ เขายังระบุว่า หากสถานการณ์ชายแดนไม่คลี่คลาย กัมพูชาควรระงับการนำเข้าสินค้ากระป๋องทุกประเภทจากไทย รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิด ตลอดจนปลากระป๋องและเนื้อกระป๋องทุกประเภท และเปลี่ยนเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศหรือนำเข้าจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ไทยแทน

“ชาวกัมพูชาต้องมองไปไกลกว่าพรมแดน และไกลกว่าปี 2030” ฮุนเซนกล่าวเน้นย้ำ

แก๊งขนคนไทยไปกัมพูชาเหิมยิงใส่จนท.

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 มิ.ย. พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา(ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา) เผยว่าเมื่อเวลา 00.30 น.ชุดปฏิบัติการร่วมกองกำลังบูรพา ซึ่งประกอบด้วย ฉก.อรัญประเทศ(หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ),ชค.ทพ.12(ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12) โดย ร้อย ทพ.1206,นฝด.11(หน่วยเฝ้าระวังชายแดนที่11),ตร.สภ.คลองน้ำใส,กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สนธิกำลังเฝ้าตรวจในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามมาตรการคุมเข้มชายแดนของกองกำลังบูรพา

ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบข้ามแดนบริเวณช่องทางธรรมชาติริมชายแดนท้ายหมู่บ้านแสนสุข ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบทันที พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกว่า20คน กำลังเดินเท้าฝ่าความมืดจากฝั่งไทยมุ่งหน้าจะข้ามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติออกไปฝั่งกัมพูชา ซึ่งอยู่ห่างถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดนประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญานให้หยุดเพื่อตรวจสอบแต่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 3 นัดมาจากริมชายแดน จนท.จึงใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเป็นการเตือนไป 1 นัด

คุมตัวไปสอบสวน-ดำเนินคดี

หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและสามารถควบคุมคนไทยได้จำนวน 23 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 14 คน โดยใน 23 คนไทยมีผู้นำพาชาวไทย 1 คนชื่อ นายไกร จันทร์ทา อายุ 38 ปี ชาว อ.อรัญประเทศฯ ได้รับบาดเจ็บบริเวณชายโครงซ้าย จึงรีบนำตัวส่ง รพ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นควบคุมตัวคนไทยอีก 22 คนมาทำการซักถามที่ กองร้อยทหารพรานที่ 1206 ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

จากการซักถามเบื้องต้นพบว่าแยกเป็น 2 กลุ่มโดยกลุ่มแรก เป็นพนักงานบ่อนกาสิโนออนไลน์ ที่ตึกซานโก้ ในกรุงปอยเปตฯได้เดินทางกลับเข้าไทยเพื่อแสตมป์พาสปอร์ต แต่ไม่สามารถเดินทางกลับไปทำงานในกัมพูชาได้เนื่องจากมาตรการเข้มงวดของไทยไม่อนุญาตให้เดินทางออกไปทำงานในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา

ส่วนอีกกลุ่มต้องการลักลอบออกไปทำงานที่กัมพูชา โดยเสียเงินค่านำพาคนละ 2,500–5,000 บาท จึงควบคุมตัวคนไทยทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส และอายัดตัวผู้นำพาที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ชาวกัมพูชารีบเปิดร้านตลาดโรงเกลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 มิ.ย. ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังเจ้าหน้าที่กัมพูชาเปิดประตูด่านพรมแดนปอยเปต ฝั่งกัมพูชา ซึ่งเปิดช้ากว่าด่านพรมแดนคลองลึกประมาณ 1 ชม.ได้มีประชาชนชาวกัมพูชาที่มีร้านค้าอยู่ในตลาดโรงเกลือฝั่งไทยจำนวนมากกว่า 1,000 คน ต่างแห่รีบเดินทางเข้าไทยเพื่อมาเปิดร้านค้าในตลาดโรงเกลือจนเนืองแน่นเต็มหน้าอาคารผู้โดยสารขาเข้าราชอาณาจักร ด่าน ตม.อรัญประเทศโดย พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว จัดกำลัง จนท.ตม.จว.สระแก้ว มาร่วมกันจัดระเบียบและอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ สังเกตุได้ว่าวันนี้มีคนไทยที่ทำงานอยู่ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เดินทางกลับเข้ามาน้อยมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าขณะนี้คนไทยที่ทำงานในฝั่งปอยเปตน่าจะเดินทางกลับมาใกล้หมดแล้ว ทำให้วันนี้จึงมีคนไทยเดินทางกลับเข้ามาน้อยลง

ขับรถหรูข้ามฝั่งทำจราจรติดขัด

และนอกจากมีพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาที่เดินเท้าเข้าไทยแล้วก็ยังมีพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาบางส่วนขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาเพื่อเปิดร้านค้าขายในตลาดโรงเกลือ ทำให้หลังเวลาเปิดด่าน บริเวณหน้าด่านพรมแดนคลองลึก จึงเกิดความคึกคักเป็นอย่างมาก แต่ใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็เริ่มเบาบางลง แต่กลับมาคึกคักบนถนนเนื่องจากมีชาวกัมพูชาจำนวนมากขับรถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ยี่ห้อหรูกว่า 100 คัน ขับข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชาจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมากทำให้เกิดการจราจรติดขัดบริเวณหน้าจุดตรวจบุคคลประจำยานพาหนะ ด่าน ตม.อรัญประเทศ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ต้องประสานไปยัง พ.ต.อ.ภัทรกร ขาวนวล ผกก.สภ.คลองลึกฯส่ง จนท.ตร.จราจร สภ.คลองลึกฯมาร่วมจัดการจราจร ด้วย

แห่ตุนน้ำมันกลับไปไว้ที่ฝั่งเขมร

จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา นอกจากแสไฟฟ้าติดๆดับๆและกระแสไฟตกบ่อยๆทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดความเสียหายทำให้ชาวกัมพูชาในปอยเปตต่างแห่มาใช้เครื่องปั่นไฟแทน ทำให้เกิดความต้องการน้ำมันใช้กับเครื่องปั่นไฟจำนวนมาก อีกทั้งปัญหาน้ำมันในฝั่งปอยเปต นอกจากมีราคาสูงมากแล้วยังเกิดการขาดแคลนทำให้ชาวกัมพูชาต้องขับรถยนต์เข้ามาเติมน้ำมันฝั่งไทยแล้วนำกลับไปถ่ายลงถัง 200 ลิตรในฝั่งเขมรเพื่อตุนน้ำมันไว้ โดยบางคนตอนเช้าจะดูดน้ำมันออกจากรถเกือบหมดแล้วขับเข้ามาเติมน้ำมันฝั่งไทยจนเต็มถังแล้วนำกลับไปดูดออกใส่ถัง200ลิตรเก็บไว้ ทำอย่างนี้ทุกวัน ตอนนี้ในเขมรบ้านคนมีเงินหน้าบ้านจะมีแต่ถัง200ลิตรเรียงไว้หลายใบเพื่อไว้ใส่น้ำมันตุนไว้ ทำให้วันนี้มีรถยนต์กัมพูชาขับเข้าไทยจำนวนมาก โดยชาวกัมพูชาบอกว่าน้ำมันเบนซิน95ฝั่งไทยขายราคาลิตรละ 41.54 บาท แต่ฝั่งเขมรขายลิตรละ 48-50 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล ฝั่งไทยขายลิตรละ 31.94 บาท แต่ฝั่งเขมรขายลิตรละ 38-40 บาท

บ่อนเงียบเหงาเตรียมปิดสิ้นเดือนนี้

ส่วนบรรยากาศบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกราชอาณาจักร ด่าน ตม.อรัญประเทศฯเป็นไปได้ความเงียบเหงาแทบไม่มีคนไทยเดินทางออกไปกัมพูชาเลยมีแต่เพียงชาวกัมพูชาที่ตกค้างอยู่ในไทยเดินทางกลับประเทศและแรงงานชาว สปป.ลาว เดินทางมาแสตมป์พาสปอร์ตเท่านั้น

นายนวย(สงวนชื่อสกุล) อายุ 43 ปี คนไทยซึ่งทำงานเป็นพนักงานบอเดอร์ของบ่อนกาสิโนแห่งหนึ่งในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา บอกว่าในบ่อนปอยเปต ทั้ง 10 บ่อนตอนนี้เงียบเหงามากไม่มีทั้งนักพนัน และพนักงาน ขณะนี้พนักงานที่ยังทำงานอยู่ในกาสิโนทั้ง 10 บ่อนมีประมาณแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นกลับเข้าไทยหมดแล้ว และบอสของตนได้แจ้งมาว่าสิ้นเดือนนี้จะจ่ายเงินเดือนให้เป็นงวดสุดท้ายและบ่อนทั้งหมดจะปิดชั่วคราวเพราะบ่อนไม่มีรายได้แล้ว และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สถานการณ์จะกลับมาปกติต้องรอดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน นายนวย ยังเปรยอีกว่าแล้วต่อไปจะทำอะไรต่อไปยังไม่รู้ชะตากรรมเลยไม่มีงานไม่มีรายได้แล้วจะอยู่กันอย่างไร

คนไทยเกาะติดข่าวความขัดแย้ง

ขณะที่ นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน โดยนอร์ทกรุงเทพโพล เรื่อง “ความขัดแย้งระหว่างไทย–กัมพูชา” พบว่า ประชาชน 68.1 % ทราบข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นอย่างดีและติดตามข่าวสม่ำเสมอ

ขณะเดียวกัน ได้สอบถามผู้สำรวจถึงแนวทางแก้ไขความขัดแย้งว่า ควรดำเนินการเช่นไรมากที่สุด ซึ่งประชาชนผู้ให้สำรวจลงความเห็นว่า เน้นเจรจาด้วยสันติวิธี 67.9 % ทำสงคราม 25.4 % และไม่มีความเห็น 6.7 %

เมื่อสอบถามถึงความเห็นต่อการดำเนินนโยบายโดยใช้แนวทางสันติวิธีของนายกรัฐมนตรี พบว่ามีประชาชนเห็นด้วย 55 % โดยมองว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสม

“ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยและการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศ พร้อมทั้งสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ยึดหลักสันติวิธี ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของประเทศและธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศอย่างมั่นคง” น.ส.ศศิกานต์ กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เช็กโผ ครม. \'แพทองธาร 2\' ใครเข้าใหม่-ใครหลุด หลังไร้ \'ภูมิใจไทย\' เช็กโผ ครม. 'แพทองธาร 2' ใครเข้าใหม่-ใครหลุด หลังไร้ 'ภูมิใจไทย'
  • \'ทักษิณ\'ห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ส่งกำลังใจ\'อุ๊งอิ๊งค์\'เข้มแข็งพอรับมือวิกฤต 'ทักษิณ'ห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ส่งกำลังใจ'อุ๊งอิ๊งค์'เข้มแข็งพอรับมือวิกฤต
  • ส่งฟรี3พันตัน รบ.สั่งด่วนไปรษณีย์ กระจายผลไม้ทั่วไทย ส่งฟรี3พันตัน รบ.สั่งด่วนไปรษณีย์ กระจายผลไม้ทั่วไทย
  • เปิดโผ‘ครม.อิ๊งค์ 2’ ‘บิ๊กเล็ก’คุมกลาโหม-‘ประเสริฐ’ตัวเต็ง‘มท.1’ เปิดโผ‘ครม.อิ๊งค์ 2’ ‘บิ๊กเล็ก’คุมกลาโหม-‘ประเสริฐ’ตัวเต็ง‘มท.1’
  • จะยืนหยัดอยู่ฝ่ายไหน? \'รสนา\'ส่ง จม.เปิดผนึกถึง\'พีระพันธุ์-รทสช.\' จะยืนหยัดอยู่ฝ่ายไหน? 'รสนา'ส่ง จม.เปิดผนึกถึง'พีระพันธุ์-รทสช.'
  • \'ฮุน-ชิน\'แค้นแสนสาหัส ไขชนวนเหตุ-เกมร้ายกาจ ปล่อย\'2 ตระกูล\'ทำลายกันเอง 'ฮุน-ชิน'แค้นแสนสาหัส ไขชนวนเหตุ-เกมร้ายกาจ ปล่อย'2 ตระกูล'ทำลายกันเอง
  •  

Breaking News

(คลิป) วิเคราะห์! ทางรอด'อุ๊งอิ๊งค์' ตีสนิทแม่ทัพเพื่อความอยู่รอด!

วงแตก!เปิดเบื้องลึกประชุม‘รทสช.’วุ่นหนัก ‘พีระพันธุ์’ต้องเข้าจันทร์ส่องหล้า ยื่นเงื่อนไขวัดใจ

‘นายกฯ’เรียกคุยหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เคลียร์เก้าอี้‘ครม.แพทองธาร2’

‘อัครเดช’ยัน‘รทสช.’ไม่ขอโควตารมต.เพิ่ม ปัดมติพรรคจี้เปลี่ยนตัวนายกฯ ดัน‘พีระพันธุ์’เสียบ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved