'ซูเปอร์โพล'ชี้ความสุขของคนไทยคือความสัมพันธ์ในครอบครัว ขณะที่'ความแตกแยก'ทำให้ทุกข์สุด
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาแห่งความเปราะบางของสังคมไทย ความสุขของประชาชนไม่อาจวัดได้เพียงจากเศรษฐกิจหรือปัจจัยวัตถุเท่านั้น หากแต่รวมถึงความสัมพันธ์ ความมั่นคงทางใจ ความมั่นคงของชาติ และภาวะผู้นำที่เป็นที่พึ่งพิงได้ ผลการศึกษาฉบับนี้สะท้อนเสียงของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,154 ตัวอย่าง ที่ถูกสอบถามทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ระหว่างวันที่ 19–21 มิถุนายน พ.ศ. 2568 โดยตั้งคำถามง่าย ๆ ว่า “อะไรทำให้ท่านมีความสุข หรือไม่มีความสุขในวันนี้?”
ผลการศึกษาพบประเด็นความสุขของคนไทยในด้านต่าง ๆ เมื่อคะแนนความสุขเต็ม 10 คะแนน ได้แก่ ด้านความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้ 7.84 คะแนน รองลงมาคือ ด้านวัฒนธรรมประเพณีไทย ได้ 7.46 คะแนน ด้าน ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ได้ 7.18 คะแนน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความสุขของคนไทยยังยึดโยงกับความเป็นพื้นบ้าน “บ้านคือหัวใจ ชุมชนคือราก” และวัฒนธรรมคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว คือเสาหลักของความมั่นคงทางอารมณ์ ขณะที่วัฒนธรรมไทยไม่ใช่เพียงพิธีกรรม แต่เป็นสายใยทางความรู้สึก ที่ทำให้คนไทยรู้สึก “มีที่ยืน” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก
ผอ.ซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน กล่าวต่อด้วยว่า ความสุขที่ค้นพบระดับกลาง ๆ คือ เสรีภาพ เทคโนโลยี และประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบว่า ความสุขด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้ 6.65 คะแนน รองลงมาคือ ด้านเทคโนโลยี ได้ 6.52 คะแนน และด้านความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านได้ 4.93 คะแนน ผลการศึกษาสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนยังรู้สึกมี “พื้นที่ให้พูด” แต่ไม่มั่นใจว่าจะได้รับการรับฟังอย่างแท้จริง ส่วนเทคโนโลยีกลายเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ในขณะที่ ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดความอ่อนไหวทางการเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนจับตา “ผู้นำ” และ “บทบาทไทยในเวทีโลก” อย่างใกล้ชิด
ที่น่าเป็นห่วงคือ ผลการศึกษาพบว่า ความสุขด้านเศรษฐกิจของประเทศอยู่ที่ 4.68 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน และยิ่งไปกว่านั้น ความสุขของประชาชนเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเองได้เพียง 3.89 คะแนน ยิ่งไปกว่านั้นอีก เมื่อนึกถึงนักการเมืองมีความสุขเพียง 3.41 คะแนน และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ความสุขต่ำสุดเมื่อเห็นความแตกแยกของคนในชาติ ได้คะแนนความสุขเพียง 1.98 คะแนน เท่านั้น ผลการศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า ความทุกข์จากเศรษฐกิจคือปัจจัยสำคัญ แต่ที่ทุกข์ที่สุด คือ “การเห็นคนไทยทะเลาะกันเอง” คะแนนต่ำสุดคือ “1.98” เมื่อประชาชนเห็นภาพความขัดแย้งของคนในชาติ นี่ไม่ใช่เพียงดัชนีของอารมณ์ แต่คือสัญญาณเตือนระดับชาติว่า “เรากำลังเสี่ยงที่จะสูญเสียทุนทางสังคมและความไม่มั่นคงของชาติครั้งใหญ่”
ผอ.ซูเปอร์โพล มูลนิธิ สถาบันวิจัยความสุขชุมชน กล่าวต่อว่า ข้อเสนอแนะสู่ฉันทามติแห่งความสุขของคนไทยวันนี้ คือ
1. ทุกพรรคการเมืองควรใช้ข้อมูลนี้เป็น “กระจกสะท้อนตนเอง”
นี่ไม่ใช่โพลเพื่อหาคะแนนเสียง แต่คือเสียงของประชาชนที่ต้องการ “ผู้นำที่จริงใจ และทำให้บ้านเมืองไม่แตกแยก”
2. บูรณาการความสุขเป็นนโยบายชาติ
ความสุขไม่ใช่เรื่องของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ควรมี "คณะกรรมการความสุขแห่งชาติ" ที่ดูแลภาพรวมและบูรณาการข้ามหน่วยงาน
3. ใช้วัฒนธรรมเป็นสะพานสมานฉันท์
ทุกกลุ่มการเมืองสามารถรวมพลังผ่านงานวัฒนธรรม กีฬา และกิจกรรมชุมชน เพื่อลดการแบ่งขั้ว
4. ฟื้นความไว้เนื้อเชื่อใจในผู้นำ
ผู้นำในทุกระดับควรเน้นการสื่อสารแบบเปิดใจ แสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง และเปิดพื้นที่รับฟังประชาชน
5. คืนสังคมให้กับประชาชน
ส่งเสริมชุมชนให้เข้มแข็งผ่านการกระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ และเปิดโอกาสให้คนเล็ก ๆ มีบทบาทนำเสนอวิธีแก้ไขปัญหาท้องถิ่นของตน
“ความสุขของคนไทย ไม่ได้ต้องการคำสัญญา หากแต่ต้องการ “การกระทำที่สร้างศรัทธา” ไม่ว่าท่านจะอยู่ในพรรคใด สีใด จุดยืนใด หากทุกฝ่ายยึดเสียงของประชาชนเป็นศูนย์กลาง เราจะเปลี่ยนผลโพลนี้ จาก “คำเตือน” ให้กลายเป็น “จุดเริ่มต้นของความหวัง” ผอ.ซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี