แสดงพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย
‘จตุพร’ฟาดรบ.
อย่าขวางปชช.ร่วมชุมนุม28มิ.ย.
ยันไม่มีขนคน-เต็มใจมาเอง
‘จตุพร’ปลัดทส.คุม‘รมว.พณ.’
‘เสริมศักดิ์’คัมแบ๊กรมช.มท.
"ภูมิธรรม"รักทุกกระทรวงหลังมีชื่อนั่ง มท.1 โวได้มหาดไทยคืน ผลงาน รบ.ดีขึ้นแน่ ปรับ ครม.จบสัปดาห์นี้กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ หารือ ตร. ก่อนนัดชุมนุมใหญ่ 28 มิถุนายนนี้เข้าพื้นที่เที่ยงวัน ยืนยันไม่มีค้างคืน-จะยุติชุมนุมเวลา 21.00 น. ตร.ช่วยคัดกรอง 4 จุด สกัดมือที่ 3‘จตุพร’เชื่อคนทั่วปท.จะร่วมชุมนุม มืดฟ้ามัวดิน เครือข่ายยางพารา-ปาล์มน้ำมันใต้14จว.ร่วมสมทบ‘ภูมิธรรม’เชื่อโผครม.จบสัปดาห์นี้ ‘สนธิญา-แรมโบ้’ยื่นค้านตั้ง’พีระพันธุ์’นั่งรมต.จ่อยื่นยุบพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้ลงตัวแล้วหรือยัง ว่า ต้องถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯได้คุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ตนคิดว่า น่าจะจบได้เร็ว สัปดาห์นี้น่าจะเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนพรรค พท.จะปรับเปลี่ยนเช่นไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องเกิดขึ้นหลังคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 22มิ.ย.ถือว่า จบแล้ว ชัดเจนว่า พรรคที่จะร่วมรัฐบาลมีอะไรบ้าง ในส่วน พท.จะเป็นสเตปต่อไป ส่วน พท.จะได้เพิ่มกี่เก้าอี้ ไม่ทราบ เพราะเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุม เพราะเป็นการพูดคุยของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วม
‘ภูมิธรรม’เชื่อสัปดาห์นี้โผครม.จบ
เมื่อถามว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม ยังอยู่ที่เดิมหรือไม่ เพราะยังมีสถานการณ์ชายแดน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังเหมือนเดิม ยังไม่ได้ถูกปรับออก ตนเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ซึ่งมีการเพิ่มกระทรวงมหาดไทยให้ตนมาดูแลอีกกระทรวง เมื่อถามว่า มีบางโผระบุว่า นายภูมิธรรมจะโยกไปอยู่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามโผตนไปอยู่หลายกระทรวง ก่อนหน้านี้บอกว่า ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ บางโผบอกอยู่ที่เดิม แต่ยังไม่ชัดเจน คงต้องรอนายกฯสั่ง เมื่อถามย้ำว่า มีชื่อไปหลายกระทรวง ชอบกระทรวงไหนที่สุด นายภูมิธรรม หัวเราะก่อนกล่าวว่า ตนรักทุกกระทรวง
โวได้คุมมท.ผลงานรบ.จะดีขึ้นมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรค พท.ได้กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย จะทำผลงานได้ดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาที่ผ่านคือ กระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นกระทรวงที่จะนำนโยบายรัฐบาลไปผลักดันยังทำไม่สมบูรณ์ ถือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานมาก ครั้งนี้พรรค พท.คิดว่า จะผลักดันนโยบายทั้งหมดไปสู่ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ทั้งเศรษฐกิจฐานราก การปราบยาเสพติดอย่างเข้มข้น การจัดการเรื่องชายแดน นโยบายที่ค้างอยู่มันเดินไม่สุด เป็นเหตุที่ทำให้เราอยากได้กระทรวงนี้กลับคืนมา เพื่อให้นโยบายเดินหน้าได้ เชื่อมั่นว่า จะทำได้ดีกว่าเดิม เมื่อถามว่า การได้มหาดไทยคืนมา ผลงานรัฐบาลจะดีขึ้นมากใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า น่าจะดีมาก ที่ผ่านมามันขับเคลื่อนไม่ออก มหาดไทยเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบาย
‘สนธิญา’ยื่นค้านตั้ง’พีระพันธุ์’เป็นรมต.
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เป็นรัฐมนตรี เนื่องจากมีเรื่องถูกกล่าวหาที่สำนักงาน ปปช.และมีเรื่องร้องเรียนในองค์กรอิสระกว่า 15เรื่องและให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กรณีการถูกอัดคลิปเสียงการพูดคุยระหว่างสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งไม่เป็นไปตามมารยาทสากลที่ยอมรับกัน
โดย นายสนธิญา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของการกระทำผิดเกี่ยวกับบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญในเรื่องการถือหุ้น หรือการฝ่าฝืนจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตนยื่นหนังสือและเอกสารต่างๆเพื่อให้นายกฯตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง และจะยื่นฉบับนั้นไปให้ประธานองค์การมนตรีด้วยและวันที่ 25มิ.ย.68 ตนจะเดินทางไปที่สำนักงาน กกต.เพื่อยื่นยุบพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กรณีการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 25 มาตรา 54 มาตรา 56 และมาตรา 92(3) ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนกรณีที่พรรคการเมืองไปสนับสนุนทำให้เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นในสังคมและสิ่งที่ยื่นจะล้อไปกับคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และจะยื่นยุบพรรคร่วมรัฐรัฐบาลทั้งหมด ในส่วนถือหุ้น4บริษัทของ นายพีระพันธุ์ ตนได้ยื่นมาแล้วเป็นเดือนและนายพีระพันธุ์ สามารถออกมาชี้แจงได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร วันนี้เป็นโอกาสดีแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ตาม แต่ตนเรียกร้องให้นายกฯ ตรวจสอบข้อมูลของตนอีกครั้งและหากมีการแต่งตั้งดำเนินการต่อ ตนจะร้องนายกฯว่า มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนจริยธรรม เช่นเดียวกับกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ
‘เสกสกล’ยื่น’อิ๊งค์’ ค้านตั้ง’พีระพันธุ์’
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้คัดค้านการแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน เป็นรัฐมนตรีในการปรับ ครม.โดย นายเสกสกล กล่าวว่า หลังจากที่ตนก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ซึ่งนายพีระพันธ์ุก็ได้มาขอตนเพื่อจะใช้หาเสียงเลือกตั้ง ตนจึงยินยอมให้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ตนมีเรื่องที่เป็นห่วงคือ 1.การพยายามแอบอ้างนำชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นดีเอ็นเอ ทำให้เสียหาย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกไป และได้เป็นองคมนตรีแล้ว ยุ่งการเมืองไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่ในพรรคถึงเหล่าด้อมนายพีระพันธ์ุ พยายามเอา พล.อ.ประยุทธ์ มาแอบอ้างตลอดเวลา และสิ่งที่ทำให้ตนทุกข์ใจคือ หัวหน้าพรรค บริหารพรรคไม่เป็นไปตามที่ตกลงกับตนไว้ว่า จะสร้างพรรคให้เกิดความเข้มแจ้งและเจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นที่พึ่งพาประชาชน แต่หัวหน้าพรรคทำให้พรรคแตกแยก แตกความสามัคคี จนหลายคนบอกตนว่าหัวหน้าพรรคเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก เอาแต่พวกตัวเอง โดยตั้งคนของตัวเองไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายเสกสกล กล่าวว่า 2.นายพีระพันธ์ุ ยังไม่ลาออกจากการถือหุ้นใน 4 บริษัท และยังมีการเคลื่อนไหวของบริษัทอยู่ ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ การจะเป็นรัฐมนตรีจะต้องลาออก และดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนหลายหน่วยงาน 3.นายพีระพันธ์ุ ถูกเรียกสอบในเรื่องที่นำป้ายชื่อตัวเองไปติดถุงยังชีพที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ไปชี้แจง 4.นายพีระพันธ์ุ ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ก่อนที่จะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 ของพรรค จากนั้นถึงลาออกย้อนหลัง 40 กว่าวัน ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา มีหลายคนยื่นเรื่อง นายพีระพันธ์ุให้นายกฯ แต่นายกฯ ไม่ตรวจสอบ
รวมพลังแผ่นดินถกตร.ก่อนชุมนุม28มิ.ย.
วันเดียวกัน ตัวแทนกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตแกนนำ นปช.,นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท.เข้าร่วมประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อหารือข้อกฎหมายในการชุมนุม ละร่วมกันออกแบบไม่ให้กระทบกับการจราจร รวมถึงการใช้ชีวิตของประชาชน นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา หนึ่งในแกนนำกลุ่มฯเปิดเผยว่า วันนี้จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการบริหารพื้นที่ การบริหารความปลอดภัยและด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ รวมถึงด้านการจราจร โดยมีเจ้าหน้าที่ตํารวจ เจ้าหน้าที่ กทม.สํานักงานเขตทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุม จะแถลงข่าวอีกครั้งในวันที่ 24มิถุนายน เวลา 14.00น.ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์
จากนั้นแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯเข้าหารือกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีพล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 นายสบโชค ณ ศรีโต ผู้อำนวยการเขตราชเทวี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมหารือ โดยทางแกนนำได้ชี้แจงเหตุผลและความต้องการ โดยต้องการให้ทางตำรวจดูแลเรื่องของความปลอดภัยตลอดการชุมนุมและกลับบ้านอย่างปลอดภัย และอำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องไฟฟ้า รถสุขาต่างๆ รวมถึงขอใช้พื้นผิวการจราจรบางส่วนไม่ได้ปิดการจราจร และยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และไม่มีการเคลื่อนย้ายการชุมนุม ไม่ค้างคืน
ชุมนุมถึง21.00น.ไม่มีนอนค้างคืน
หลังการหารือนาน 1ชั่วโมง นายนิติธร กล่าวว่า เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าใช้พื้นที่ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 27มิถุนายน2568 เพื่อเข้าติดตั้งอุปกรณ์ และให้ใช้ช่องจราจรติดขอบฟุตบาธอนุสาวรีย์ ได้ 1 ช่องจราจร และเปิดการจราจรตามปกติ เพื่อให้ประชาชนได้สัญจรได้จนกว่าจะถึงเวลาการชุมนุมก็พิจารณาตามสถานการณ์ และมีช่องทางสำหรับรถฉุกเฉิน เบื้องต้นคาดการณ์ว่าผู้ชุมนุมจะเริ่มเดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 12.00น.ของวันที่ 28 มิถุนายนและยืนยันจะไม่ค้างคืนและจะยุติการชุมนุมในเวลา 21.00น.ทั้งนี้การหารือยังเห็นร่วมกันว่าการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่มาแสดงพลังจะสื่อสารกันอย่างสร้างสรรค์ไม่มีการข่มขู่ เพื่อเป็นการมาแสดงออกในการปกป้องอธิปไตย
‘ตู่’ลั่นไม่ขนคนร่วมชุมนุม-ใจสั่งมา
ด้าน นายจตุพร ยืนยันว่า จะไม่ขนคน แม้แต่เพียงคนเดียว และขณะนี้ทราบว่า จะมีประชาชนทั้งประเทศจะเดินทางมาร่วมกิจกรรมปกป้องอธิปไตย โดยเชื่อว่าประชาชนจะมามืดฟ้ามัวดิน พร้อมบอกด้วยว่า หากฝ่ายรัฐ ถ้าไม่ร่วมมือ ก็อย่ามาขัดขวาง อย่ามาแสดงตนเป็นอุปสรรคให้ขายหน้ากัมพูชา ส่วนกำลังนอกราชอาณาจักร หากจะมาป่วนนั้นมองว่า ถ้ารัฐไม่รู้เห็นก็คงไม่มีทางเข้ามาได้ ดังนั้นขอเตือนว่า อย่าทำอะไรให้เกิดความเลวร้าย เพราะหากหาเรื่องครั้งหน้าจะไปทำเนียบฯและการแสดงออกโดยปราศจากอาวุธ ศาลรัฐธรรมนูญ เคยตีตกคำร้อง เพราะไม่ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพ
‘ตู่’ย้ำรวมพลัง28มิ.ย.ต้องเกิน2แสนคน
นายจตุพร ยังโพสเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยระบุถึงการสำแดงพลังแผ่นดินรักชาติบ้านเมือง ปกป้องอธิปไตยไทยในวันที่ 28มิ.ย.จะเป็นบทพิสูจน์ใจคนไทย 67ล้านคนครั้งสำคัญว่า จะมารวมพลังเกิน 2แสนคนหรือจะนอนอยู่บ้านเพื่อยอมอับอายกัมพูชาที่ชุมนุมกันมากถึง 1.5 แสนคน ทั้งที่เขามีคนเพียง17ล้านคนและถ้าคนไทยมาน้อยพวกเราก็หน้าแตกเท่านั้นเอง เราต้องการวัดใจประชาชนเหมือนกันว่า คนไทยจะอายกัมพูชามั้ยในเรื่องการสำแดงพลัง เรื่องความรักชาติ ของเขารัฐร่วมทำ แต่ของเรารัฐขัดขวาง ถ้าประชาชนมาร่วมสำแดงพลังปกป้องแผ่นดินเกิน2แสนคน เราก็มีความหวังเหมือนกันแล้วว่า ประชาชนได้ทำหน้าที่ของประชาชนอย่างสมบูรณ์ในประเทศนี้แล้ว
เปิดรับบริจาคเงินส่งให้กองทัพภาค2
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การสำแดงพลังครั้งนี้ใช้ชื่อกลุ่มว่า“กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย”ขณะนี้มีความพร้อมไปงมากแล้ว เรามุ่งเน้นจะไม่ขนคนมาร่วมชุมนุมสำแดงพลังสักคน ปล่อยให้เป็นความสมัครใจของประชาชนกันเอง วันที่ 23มิ.ย.68 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ , อ.แก้วสรร อติโพธิ และนายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) จะร่วมกันเปิดบัญชีเฉพาะงานนี้ เพื่อให้ประชาชนร่วมบริจาคสมทบทุนจัดงานรักชาติให้คนไทยได้สำแดงพลังและยังเป็นการบอกถึงท่อน้ำเลี้ยงมาจากไหน ซึ่งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินร่วมบริจาคมาแล้ว 5แสนบาท การชุมนุมวันที่ 28มิ.ย.เมื่อจบลง เวลา 21.00น.บัญชีบริจาคจะปิดทันที่และจะแจ้งยอดรายรับรายจ่ายในคืนนั้น หรือเป็นวันรุ่งขึ้น เมื่อเงินบริจาคของประชาชนเหลือจากการจัดงานสำแดงพลังแผ่นดินเท่าไร จะนำไปบริจาคให้กองทัพภาค2ทั้งหมด ประชาชนมาแสดงพลังแผ่นดินวันที่ 28 มิ.ย.นั้น ถ้ารัฐบาลรักชาติบ้านเมือง ต้องไม่ขัดขวาง
รบ.อย่าขวาง-ขู่ชุมนุมหน้าทำเนียบ
แม้คนที่มาชุมนุมไม่ชอบหน้านายกฯก็ตาม แต่พวกเขาก็รักชาติบ้านเมืองและต้องการป้องอธิปไตย ยืนยันว่าประชาชนมาสำแดงพลังปกป้องแผ่นดินไม่เหมือนการชุมนุมทางการเมืองทั่วไปที่ต้องสู้กันด้วยตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะครั้งนี้เป็นการแสดงออกถึงการรักชาติบ้านเมือง ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความร่วมมือมากกว่าจะทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางประชาชนที่รักชาติ ถ้ารัฐบาลขัดขวาง ต้องเข้าใจว่า กลุ่มรวมพลังแผ่นดินไม่ได้กลัวรัฐบาล ถ้ากดดันกันมากๆ บอกไว้ก่อนเลยว่า น้ำหน้ารัฐบาลแบบนี้ใครจะกลัว ถ้ายังขัดขวางครั้งหน้าจะชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล
จับตานายกฯอิ๊งค์นั่งควบกลาโหม
นอกจากนี้ แม้การตั้งรัฐบาลโดยคิดจะอยู่ยาวก็ให้คิดไป แต่มีข่าวสะพัดว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง จะควบ รมว.กลาโหม เสียเอง เพราะถ้าศาล รธน.สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกฯ ก็ยังทำหน้าที่รัฐมนตรีได้ ซึ่งมีกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นกรณีศึกษาได้ทำหน้าที่ รมว.กลาโหม ส่วนตำแหน่งนายกฯ ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น จึงไม่ควรประมาทว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ควบ รมว.กลาโหม จะเป็นไปไม่ได้
ไม่ไล่นายกฯ-ไม่ได้เรียกรัฐประหาร
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลจะอยู่ต่อนั้น ช่างเป็นเรื่องสมเพชเวทนาอย่างยิ่ง ถ้าพูดหยาบๆ เท่ากับเข้าทางตีนประชาชน เพราะเวลานี้ประชาชนเริ่มลุกขึ้นมาทั้งประเทศแล้ว และวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. เวลา 4 โมงเย็นนั้น ถ้าพี่น้องมาก่อนจะมีวงดนตรีวัฒนธรรมของประชาชนบรรเลงรอรับ ส่วนงานสำแดงพลังปกป้องแผ่นดินเริ่ม 4โมงเย็นถึง3ทุ่ม ยืนยันว่า ถ้านักการเมืองมีความรักชาติบ้านเมือง และมีความปรารถนาจะมาร่วมในฐานะประชาชน ยินดีเลยกับการมาร่วมปกป้องอธิปไตยของชาติ ปัญหาว่า คุณกล้ามากับประชาชนหรือเปล่าในการแสดงออกอย่างมีพลังกับการรักชาติบ้านเมือง ส่วนกองเชียร์รัฐบาลปลุกปั่นว่า คนมาชุมนุมจะมีการรัฐประหารนั้น เป็นความเห็นที่เฮงซวยที่สุด เพราะหมายความว่า ประชนจะชุมนุมฟาดนายกฯ ที่พูดในคลิปอย่างนั้นไม่ได้ เพราะกลัวรัฐประหาร ถ้าอย่างนั้นก็นอนอยู่ที่บ้านไปเถอะ
ผ่าน1ชม.โอนเงินแล้วกว่า6แสนบาท
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขนลุกจริงๆครับ ผ่านไป 1 ชั่วโมงเวลา 12.42 น. มีผู้โอนเงิน 1,569 รายการ เป็นงินเงิน 685,417.01 บาท เข้าบัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ธนาคารกสิกรไทย บัญชีกระแสรายวันเลขที่ 008-109529-9 เพื่อให้มูลนิธินำเงินไปมอบให้ “กลุ่มพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ที่จะจัดกิกรรมชุมนุมสาธารณะเพื่อให้ความรู้และแสดงความรักชาติปกป้องอธิปไตยไทย ในวันที่ 28มิถุนายน2568
คยปท.14+1เคลื่อนสมทบอนุสาวรีย์ชัย
นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่าวชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า เครือข่าย คยปท.ได้เสวนาหารือและมีมติออกแถลงการณ์ พร้อมเดินทางไปร่วมชุมนุมกับเครือข่ายพันธมิตรที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯในวันที่ 28มิถุนายนนี้ โดย คยปท.มีเครือข่าย 14+1 จาก 14จังหวัดภาคใต้กับ1 จ.ประจวบคีรีขันธุ์ จะร่วมกันขับเคลื่อนโดยจะมีตัวแทนจากแต่ละจังหวัดจะเข้าร่วมโดยเดินทางรถไฟตามสถานีใกล้บ้านเพื่อเข้าร่วมที่อนุสารีย์ขัยสมรภูมิ มีเจตจำนงค์ 1.ให้ นส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทำการหยุดปฏิบัติหน้าที่และลาออกทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขพร้อมกับให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลแสดงตนและจุดยืนโดยการลาออกตั้งคณะแล้วตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศสำหรับทาง คยปท.มีประเด็นหลักสูงสุดคือการสะท้อนเรื่องปากท้องของประเทศชาติประชาชนโดยรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะต้องเป็นนโยบายหลักสูงสุดเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสินค้าการเกษตร เรื่องความยากจน
ไล่’อิ๊งค์’ลาออก-จี้พรรคร่วมถอนตัว
นายมนัส บุญพัฒน์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนผู้ทำกินจากเกษตรกรภาคใต้(คตก.)ซึ่งจำนวน 5 กลุ่มจะเดินทางเข้าร่วมกับกลุ่มรวมพลังแผ่นดินเพื่อเรียกร้องให้รีบลงมือปฏิบัติ คือ 1.ให้ นส.แพรทองธาร ลาออกจากนายกฯทันที 2.พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล 3.ให้รัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล เร่งนำเรื่องผลผลิตทางการเกษตรทุกชนิด ซึ่งเป็นตัวค้ำยันเศรษฐกิจหลักของประเทศพิจารณาเป็นวาระแห่งชาติอย่างเร่งด่วน เพราะสินค้ากรเกษตรเกือบทุกชนิดมีผลกระทบทั้งข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะลัง ยางพารา ปศุสัตว์และผลไม้
‘ภูมิธรรม’เตือนม็อบอย่าซ้ำเติมปท.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกาชุมนุมวันที่ 28มิ.ย.ว่า ม็อบเข้ามาต้องมีเหตุผล เพราะวันนี้ประเทศกำลังเดินไปข้างหน้า สิ่งที่กัมพูชาต้องการมากที่สุดคือ ความอ่อนแอภายในประเทศ ซึ่งวันนี้ไม่มีเหตุผลที่จะมาชุมนุม การอยากแสดงความคิดเห็น หรือมีทัศนคติต่อรัฐบาลและนายกฯก็มีสิทธิทำได้ แต่อย่าหวังที่จะทำอะไรให้มากเกินเลยไป เพราะประเทศมาถึงวันนี้ บอบชํ้ามามากแล้ว สถานการณ์ขณะนี้มีการรบกันระหว่างประเทศ มีการจะปิดอ่าว นํ้ามันจะไม่ให้เดินทาง ซึ่งประเด็นเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประเทศรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้นม็อบก็ไม่ควรเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะมาซํ้าเติม แม้ตนจะได้ยินว่า มีจังหวัดชายแดนแถวศรีสะเกษ สุรินทร์และบุรีรัมย์ จะนำคนเข้ามาเติมคิดว่า ไม่ควรทำ หากอยากแสดงความเห็น ไม่ต้องเข้ามาก็ได้ สามารถแสดงความคิดเห็นที่จังหวัดได้เลย
ผบ.ตร.ยันไม่มีข่าวขนคนร่วมชุมนุม
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมของกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะการนัดชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันที่ 28มิ.ยว่า มีการประชุมทุกวัน สิ่งสำคัญคือการข่าว การเจรจาและการดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม ซึ่งทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ส่วนการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและผู้ใช้รถใช้ถนนนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความห่วงใยและต้องตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า อาจมีบุคคลไม่หวังดี หรือกลุ่มมือที่สามเข้ามาก่อเหตุ ดังนั้นการข่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ต้องสืบสวนหาข่าวเพื่อเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและอุปกรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยทั้งผู้ชุมนุมและประชาชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการข่าวที่แน่ชัดว่า จะระดมคนจำนวนมากมาร่วมชุมนุม มีเพียงการโพสต์ข้อความเชิญชวนตามปกติในโซเชียลมีเดีย
ตำรวจเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้แล้ว
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนการประเมินจำนวนผู้ชุมนุมนั้นยังไม่มีความชัดเจน คาดว่าจะทราบผลการวิเคราะห์วันที่ 26มิ.ย.เพื่อให้ตำรวจจัดกำลังพลและเตรียมแผนเผชิญเหตุได้อย่างเรียบร้อย ขณะนี้มีการประสานงานและขออนุญาตจัดการชุมนุมอย่างถูกต้อง เบื้องต้นอนุญาตให้จัดตั้งแต่เวลา16.00-21.00น.และมีการยืนยันการชุมนุมในพื้นที่เดียวคือที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจกับผู้จัดการชุมนุมในพื้นที่ที่มีการจำกัดและดูแลพิเศษเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีรายงานข่าวยืนยันว่า จะมีการปักหลักค้างคืน ส่วนการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นชุมนุมระยะยาวหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ได้นำข้อมูลมาเป็นข้อสันนิษฐานและได้เตรียมแผนปฏิบัติการหรือแผนเผชิญเหตุไว้แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี