“ไอติม” ซัดรัฐบาล 3 เดือน ไม่ทำการบ้าน จี้ถอนร่างก.ม.สถานบันเทิงครบวงจรออกไปดีที่สุด ชี้ถ้าฝืนดึงดันต่อไปไม่รู้อายุรัฐบาลจะเหลืออายุเท่าไหร่ หวั่นกลายเป็นกฎหมายกัญชาภาค 2 ไร้สิ่งควบคุมได้

เมื่อวันที่ 24มิถุนายน นายพริษฐ์  วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะเข้าสู่สภาฯเมื่อเปิดสมัยประชุมว่าวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ จะเป็นวันแรกที่สภาฯ กลับมาพิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งมีร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นร่างแรกที่จะเข้าสู่การพิจารณา

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า เมื่อดูสถานการณ์คิดว่าต้องพูดตรงไปตรงมาว่าร่างฉบับนี้เป็นบททดสอบครั้งแรกและครั้งสำคัญของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร 2.0 ทั้งในและนอกสภาฯ ถ้าประเมินในสภาฯ รัฐบาลเองก็เสียงปริ่มน้ำอยู่แล้ว เป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจจะกุมเสียงบางส่วนในรัฐบาลเองไม่ได้ เช่น พรรคประชาชาติ ที่เคยออกแถลงการณ์ไม่สามารถรับหลักการได้ หรือสส.บางคนมีแนวโน้มไม่เห็นชอบ ขณะที่นอกสภาฯ ก็มีเหตุการณ์ที่กระทบต่อความไว้วางใจของประชาชนต่อรัฐบาลและนายกฯ

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่มีความเห็นต่างสูง ไม่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนล่วงหน้า มีข้อสังเกตถึงความเร่งรัด รวมถึงข้อครหาเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้าให้ตนประเมินและพูดถึงจุดยืนของพรรคประชาชน คิดว่าความเป็นไปได้เกี่ยวกับชะตากรรมของกฎหมายฉบับนี้ เป็นไปได้ 3 ทาง โดยทางแรกคือการที่รัฐบาลแพทองธาร ดึงดันผลักดันกฎหมายนี้ต่อไป ซึ่งจุดยืนของพรรคประชาชนก็เหมือนเดิม เราไม่เห็นด้วยต่อนโยบายและกฎหมายฉบับนี้ เราเห็นว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจก็ไม่มีความชัดเจน ขาดรายงานผลการศึกษาที่รอบคอบรอบด้าน

นอกจากนี้มาตรการป้องกันผลกระทบเชิงลบของสังคมก็ไม่มี จะเห็นปัญหาการติดพนัน หรือปัญหาการฟอกเงินก็ยังไม่รัดกุมเพียงพอ การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา กลับไปกลับมาในหลายประเด็น ไม่ตรงไปตรงมาในบางส่วน เช่น มีมาตราที่มีเจตนาไม่ให้คนไทยเข้าไปเล่น โดยต้องมีเงินในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท อย่างน้อย 6 เดือน แต่พอไปดูผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามอ้างถึง ก็จะเห็นว่าสมมุติฐานที่รัฐบาลพยายามคาดการณ์ตัวเลขทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานว่าจะมีคนไทยเข้าไปเล่นจำนวนมาก

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทางที่2 หากรัฐบาลประเมินแล้วว่าเสียงไม่พอ อาจใช้วิธีการแก้เก้อ เสนอเลื่อนกฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อน ซึ่งแนวทางแบบนี้ก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ประชาชน แต่เป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อรัฐบาลใช้ซื้อเวลา แล้วหวังว่าเวลาที่ซื้อมานั้นจะใช้เติมเสียงในสภาฯ ให้รัฐบาล ผ่านกลไกต่างๆที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน และทางที่3 หากรัฐบาลรับฟังเสียงทักท้วงร่างกฎหมายนี้อย่างจริงใจ ตนเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปจากวาระการประชุมสภาฯ และอนาคตหากต้องการดึงดันผลักดันกฎหมายนี้ต่อไปก็ไปปรับปรุงตัวร่างกฎหมายและเสนอกลับมาตามกระบวนการปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ รัฐบาลเดินสายทำความเข้าใจฝ่ายเห็นต่างแล้ว จะรวมเสียงได้หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ก่อนปิดสมัยประชุม ได้ฝากการบ้านรัฐบาลไว้ 3 เรื่องคือ 1.ทำรายงานผลการศึกษาความเป็นไปได้อย่างรอบคอบและรอบด้านฉบับใหม่ 2.การออกแบบมาตรการเพื่อป้องกันภายในกาสิโน เช่น แนวทางป้องกันปัญหาการติดการพนันและการฟอกเงิน และ3.การจัดเวทีเชิญประชาชนทุกภาคส่วนมาร่วมแสดงความเห็นและรับฟังเสียงทักท้วงอย่างจริงจัง ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการทั้ง3 เรื่อง

“ผมก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาซ้ำรอยกับกรณีกัญชา ที่มีการปลดล็อกไปแล้ว ท้ายสุดไม่ได้มีมาตรการควบคุมอย่างทันท่วงที 3 ข้อที่ฝากไป ยังไม่มีการทำการบ้านเพียงพอให้เราคลายข้อกังวล” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าหากผลักดันต่อไปได้ รัฐบาลจะมีอายุพอที่จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นอย่างรอบคอบหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งนี้ก็ยังเป็นข้อกังวลอยู่ว่าหากผ่านไปได้ ยังมีอีกหลายขั้นตอนไปถึงการตั้งกรรมาธิการ แน่นอนว่าเมื่อถึงขั้นนั้น พรรคประชาชนก็จะทำเต็มที่ในการพยายามแก้ไขสิ่งที่เรากังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ต้องเรียนตามตรงว่าพอไปถึงขั้นนั้นแล้ว อาจมีบางอย่างที่อาจจะเกินเลยไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการ แต่เราก็จะทำเต็มที่ ซึ่งกระบวนการคงต้องใช้เวลา

“ผมไม่รู้ว่าเวลานี้รัฐบาลจะมีอายุเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 9 กรกฎาคม ก็จะเป็นบททดสอบและพิสูจน์ของรัฐบาล” นายพริษฐ์ กล่าว