ตั้งสติรับมือให้ดี! ‘วิโรจน์’ กระตุกเตือนคนไทย ชี้ ‘ฮุน เซน’ ตัวพ่อสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเพื่อปั่นป่วน ซัด ‘หักหลัง-เหยียบศพ’ ขึ้นไปมีอำนาจเท่าไหร่ไม่รู้ บี้ท้าเปิดชื่อ ‘7 นักการเมืองไทย’ ฟอกเงินใน ‘เขมร’ มาเลย เชื่อ ‘นายกฯ’ รู้แต่ไม่จัดการ ย้อนถามเป็นคนรอบตัวหรือไม่ ซัด ‘รมว.ต่างประเทศ’ เงียบเกินไป ควรเปลี่ยนตัวเอาคนที่เก่ง-ทันเกมกว่านี้
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อาจทำให้รัฐบาลไทยคอยกังวลว่าสมเด็จฮุน เซน จะปล่อยอะไรออกมาบ้างว่า ปกติแล้ว ความขัดแย้งระหว่างประเทศทั่วโลกจะกังวลว่าอีกประเทศจะปล่อยขีปนาวุธหรือโดรนสังหาร แต่สมเด็จฮุน เซน ปล่อยคลิปปั่นกระแสทุกวัน ซึ่งจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่เขารู้ว่าแหย่อะไรออกมาแล้ว เราจะตื่นเต้น ดังนั้น ตนคิดว่าอย่าไปสนใจมาก ฮุน เซนมีอะไรก็ปล่อยออกมาเลย
นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ยืนยันทุกอย่างที่สมเด็จฮุน เซนทำเป็นกระบวนการ ล่าสุดก็บอกว่าจะแฉนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีวางแผนนั้นแผนนี้ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก่อนหน้านั้นก็ทำเป็นคุณพ่อรู้ดี มีการเตือนนายทักษิณเรื่องนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ยังมีการบอกว่าเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบอกว่าภายใน 3 เดือน ประเทศไทยจะเปลี่ยนผู้นำ รวมทั้งรู้แล้วว่าเป็นใคร มีการถ่ายรูปห้องนอนของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปล่อยคลิปเสียงสนทนากับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้โฆษกโพสต์ว่าไม่มีห้วงเวลาไหนที่ประเทศไทยหวาดกลัวกัมพูชาเท่ากับยุคของสมเด็จฮุน เซน
“ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เรารู้สึกหรือไม่ว่าเขาเป็นผู้นำสายคอนเทนต์ เขาปลุกปั่นตลอด ผมถึงบอกว่าจริงเท็จประการใดก็บอกมาเลย อย่าไปสนใจ คนคนนี้คือบิดาของสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชียวนะ สแกมเมอร์เขาก็ทำแบบนี้แหละ มีคลิปหรือไม่มี ก็บอกว่ามีไว้ก่อน พอบอกว่ามีอะไรก็บอกว่ายังไม่บอก เป็นการข่มขู่ ดังนั้น ผมคิดว่าควรดึงใจของพวกเรากลับมา อย่าหลงเป็นเหยื่อบิดาของสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนคนนี้เลย ถ้ามี เราค่อยตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ใส่ใจ หากมีค่อยมาดูด้วยเหตุด้วยผล ขอยืนยันว่าไม่ใช่อยู่ดีๆ วันนี้ ฮุน เซน ให้สัมภาษณ์อย่างเดียว ไม่มีหลักฐานอะไร แล้วไปเอาคำสัมภาษณ์ของฮุน เซนไปแจ้ง ม. 112 ต่อคุณทักษิณ อันนี้ไม่ได้ การกล่าวหาของบิดาแห่งวงการสแกมเมอร์ไม่ใช่หลักฐาน หรือต่อให้มีคลิปเสียง คลิปภาพก็ต้องพิสูจน์ก่อน เพราะยุคนี้ AI มันทำได้” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ยังเรียกร้องให้คนไทยต้องตั้งสติรับมือให้ดี และต้องตั้งคำถามว่าเขาทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ตนยืนบันว่าคนคนนี้ กว่าที่จะขึ้นมาสู่ตำแหน่งทางการเมืองได้ สามารถรักษาอำนาจทางการเมืองมาหลายสิบปีได้ เขาหักหลังแทงข้างหลังคน เขาเหยียบบนกองศพ บนโครงกระดูกมาเยอะแยะ เขาไม่มีเพื่อนที่แท้จริง ไม่มีศัตรูที่ถาวรอยู่แล้ว เขาพร้อมที่จะหักหลังทุกคน
ดังนั้น เราต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังเจอกับอะไร และอย่าให้เขาปลุกปั่นเราได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สนใจ ไม่ต้องตื่นเต้น วันนี้ที่ฮุน เซนบอกว่าจะสื่อสารถึงคนไทยเกี่ยวกับนายทักษิณ ตนเผื่อใจไว้ 30% ว่าเขาอาจไม่พูดถึง สมมติอยู่ดีๆ เขาพูดว่าได้รับข้อเสนอที่รับได้แล้ว เขาไม่พูดแล้วดีกว่า ทั้งที่ไม่มีใครหยิบยื่นข้อเสนอให้เขา เราก็ต้องตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีว่าไปดีลลับอะไรหรือไม่
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า และที่ฮุน เซนชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ ตนถามว่าเขารัก พล.อ.ประยุทธ์หรือ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ากองเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ก็มีความเกลียดชังนายทักษิณและไม่ชอบ น.ส.แพทองธารอยู่แล้ว ดังนั้น การวิพากษ์วิจารณ์หรือด่าทอมาที่ตนหรือนายกฯสามารถด่าได้ แต่เวลาที่ฮุน เซน พูดอะไร เขายุให้เราตีกัน และต้องมานั่งทะเลาะกัน เพราะคำพูดของสแกมเมอร์ ตนคิดว่าไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวถามว่าอย่างนี้รัฐบาลควรตอบโต้อย่างไร นายวิโรจน์กล่าวว่า ตนคิดว่านายกฯควรจะวางโครงสร้างแล้ว เพราะไม่มีใครรู้ว่าโฆษกประจำตัวของนายกรัฐมนตรีที่จะตอบโต้อย่างสมเหตุสมผลคือใคร ตอนนี้เรารู้แต่ว่าคนใกล้ตัวที่ทำให้นายกรัฐมนตรีมีปัญหา ชื่อเล่น อ.อ่าง และนายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งโฆษกและคณะทำงานของกระทรวงการต่างประเทศที่จะชี้แจงต่อทูตต่างๆอย่างทันท่วงทีคือใคร ตนคิดว่าในทุกสถานการณ์ที่เป็นวิกฤต ต้องมีคนตอบโต้ให้ทันสถานการณ์ เช่น ช่วงโควิดระบาด หรือกรณีเขาพระวิหาร แต่เรื่องนี้ เป็นการรับมือกับบิดาแห่งสแกมเมอร์ ต้องมอบหมายเฉพาะ โฆษกรัฐบาลอย่างเดียวคงไม่พอ
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นานาชาติรับไม่ได้ นอกจากตอบโต้ทางวาจาแล้ว ควรมีกลไกอื่นด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องประท้วง เพราะสถานที่ตั้งของสหประชาชาติก็อยู่ในประเทศไทย ตนเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงกับทูตประเทศต่างๆไปแล้ว แต่ต้องต่อเนื่อง ซึ่งบทบาทของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ อาจเงียบเกินไป เราควรมีรมว.ต่างประเทศที่เก่งกว่านี้
ถามอีกว่าจะให้ปรับรมว.การต่างประเทศ ออกใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ต้องหาคนที่ไวต่อสถานการณ์และกล้าตัดสินใจมากกว่านี้ เพราะวันนี้ เรากำลังรับมือกับคนที่เขาวางแผนและไตร่ตรองล่วงหน้าที่จะโจมตีไทย มีการเขียนบทไว้ล่วงหน้าว่าจะชมใคร ด่าใคร หรือทำคอนเทนต์อย่างไร ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เรางับเบ็ด เช่น กรณีเขาชม พล.อ.ประยุทธ์ เพราะต้องการยุแยงให้เกิดการปะทะกันระหว่างคนไทย และเป็นการสนับสนุนการทำรัฐประหารกลายๆ เพราะเขารู้ว่านานาชาติไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร จะทำให้เราเสียเปรียบมากขึ้นในการเจรจาเรื่องความขัดแย้งชายแดน และทำให้ประเทศหมดความชอบธรรมในเวทีโลก
ถามต่อว่า สองพ่อลูกตระกูลฮุน ต้องการให้ไทยทำรัฐประหารใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ตนพยายามอ่านเกมแล้ว มี 4-5 เรื่อง 1.ความขัดแย้งกับนายทักษิณ น่าจะมีผลประโยชน์บางอย่างที่ตกลงกันไม่ได้จนหักเหลี่ยมโหดกัน 2.เขากังวลเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ฐานใหญ่สุดอยู่ที่กัมพูชา ซึ่งถ้าตามข่าว ทั้งบริษัท ฮุยวัน รวมถึงออกญาลียงพัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับ LYP กรุ๊ป ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ แม้กระทั่ง ออกญา มงฤทธี ที่เป็นมือไม้ให้ฮุน เซน ดังนั้น ถ้าเราดูเส้นทางทางการเงินเหล่านี้ หลายกรณีพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ โดยเฉพาะบริษัทฮุยวัน ที่ทาง คณะทำงานปฏิบัติการทางการเงิน (FATF) ของสหรัฐฯติดตามเรื่องการฟอกเงินอยู่ เพราะพบเบาะแสว่ามีความเชื่อมโยงกับแฮ็กเกอร์ในกลุ่มประเทศเกาหลีเหนือ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำจาก FATS ซึ่งเป็นคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึงใช้เงินในการก่อการร้าย เป็นการรวมกันของหลายประเทศ
นายวิโรจน์กล่าวด้วยว่า นายกฯควรสั่งการคณะกรรมการป้องปันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ให้รวบรวมข้อมูลร่วมกับ ปปง.ต่างประเทศ เพราะเส้นทางทางการเงิน ปปง.มีอยู่แล้ว เมื่อข้อมูลตกผลึก ก็สามารถให้ FATF ขึ้นบัญชีดำกัมพูชาเลย และขอเรียกร้องให้นายกฯลงนามในสัตยาบัน UNCC ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งเราจะสามารถขอให้ส่งผู้ร้ายที่ก่อเหตุอาชญากรรมทางไซเบอร์ข้ามแดนได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฮุน เซน กลัวที่สุด
“แต่ผมต้องตั้งคำถามไปที่นายกฯว่าทำไมไม่ทำ หรือเป็นเพราะฮุน เซน เปิดเผยว่ามีนักการเมือง 7 คนไปฟอกเงินที่กัมพูชา”นายวิโรจน์กล่าว
ถามว่าใน กมธ.การทหารได้เปิดเผยชื่อนักการเมืองไทย 7 คนหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ปปง.รู้ เพราะทุกธุรกรรมตั้งแต่ 700,000 บาทขึ้นไป ไม่ว่าจะออกหรือเข้า ปปง.ต้องทราบ จึงพอคาดการณ์ได้ว่าเป็นใคร แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นบุคคลใกล้ชิดนายกฯหรือไม่ นายกฯรู้จักหรือไม่ ถ้าหนักกว่านั้น อาจเป็นอดีตรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะหากใช่ก็จะโดนข้อหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และถ้าเงินนั้นมาจากการทุจริตก็เข้าความผิดมูลฐานที่ ปปง.จะสามารถอายัดทรัพย์สินได้ และนายกรัฐมนตรีก็ไปแต่งตั้งคนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ การฟอกเงินมาเป็นรัฐมนตรี ก็จะผิดจริยธรรมแล้วมีจุดจบเหมือนนายเศรษฐา ทวีสิน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะประเด็นเหล่านี้หรือไม่ ที่นายกฯไม่ได้จริงจังในการจัดการ ทั้งที่สามารถพุ่งเป้าไปที่กระเป๋าเงินตระกูลฮุนได้ ซึ่งแม่นยำ ได้ผล กดดัน และสร้างผลกระทบให้ผู้ประกอบการชายแดนน้อยกว่าที่เป็นอยู่
นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ผลประชุมของ กมธ.การทหารเมื่อวานนี้ (26 มิถุนายน) ตนทำหนังสือ ข้อสังเกต และข้อมูลลับถึงนายกฯแล้ว ดังนั้น จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เชื่อตนหรือไม่ เผลอๆตนอาจจะเอาเรื่องที่นายกฯรู้อยู่แล้วไปบอกก็ได้ อาจรู้ละเอียดกว่าตนด้วยซ้ำ ซึ่งข้อมูลดังกล่าว กมธ.ก็ตกใจ ซึ่งตอนนี้ ปปง.รู้ทุกอย่างทั้งกลุ่มทุนไทยที่น่าจะไปฟอกเงินในกัมพูชา หรือกลุ่มทุนกัมพูชาที่เข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี