การชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการประกาศ 3 ข้อเรียกร้องหลัก ที่สั้นๆ ได้ใจความ แต่อาจไม่ง่ายสำหรับผู้ที่ถูกเรียกร้องบางคน
1. ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งทันที
2. ขอให้พรรคร่วมถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที
3. การแสดงจุดยืนของมวลชนเพื่อแสดงพลังปกป้องอธิปไตยไทย
การปราศรัยบนเวทีจากหลากหลายแกนนำ ได้มีเนื้อหาโจมตี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากกรณีคลิปเสียงพูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน และมีการพาดพิงไปถึงกองทัพ ซึ่งมองว่า ได้ทำให้นายกฯ หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศไปแล้ว
ผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมครั้งนี้ มีจำนวนมากมายมหาศาลจริง ถือเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ ซึ่งแม้จะมีฝนตกลงมา แต่ผู้ชุมนุมก็สู้กันอย่างสุดใจ ลบคำปรามาสก่อนหน้าการชุมนุมว่า จะมีคนเข้าร่วมชุมนุมน้อย แค่เพียงหลักพันเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเวทีคู่ขนานจัดกิจกรรมในหลายจังหวัดควบคู่กันไปอีกด้วย
การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นการรวมกันของแกนนำระดับหัวกะทิที่มีประสบการณ์สูง และมีผู้สนับสนุนมากมาย จะเห็นได้ว่า มีประชาชนออกมาร่วมแสดงพลังกันอย่างล้นหลาม
เป็นการชุมนุมที่ปักหลักอยู่กับที่ แต่หากเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยแล้วละก็ น่าจะสร้างความกังวลให้รัฐบาลได้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในครั้งนี้ ก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังรัฐบาลได้ไม่น้อย
เห็นได้จาก นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) และพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าการชุมนุมเป็นการแสดงออกเป็นสิทธิตามกฎหมาย และเป็นการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรไทย โดยปราศจากความรุนแรง ปราศจากอาวุธและชอบด้วยกฎหมาย แต่สิ่งที่พรรคเป็นห่วงคือเนื้อหาการปลุกระดมของแกนนำบางท่านที่มีการพูดถึงการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่อาจจะรับได้
เช่นเดียวกับ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า การชุมนุมที่ผ่านมา เป็นสิทธิในการแสดงออกตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่ในส่วนของเนื้อหาการปลุกระดมและปราศรัยของแกนนำผู้ชุมนุมนั้น มีหลายคนที่ เรียกร้องหารถถังบนเวที เป็นสิ่งที่คนไทยและประเทศไทย ไม่อาจยอมรับได้ แกนนำหลายคน ในอดีตปากเคยบอกว่าขอต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่การขึ้นเวทีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงขอเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศ ร่วมกันต่อต้านแนวทางดังกล่าว และรู้ทันบุคคลเหล่านี้
เป็นธรรมดาที่พรรคการเมืองฝั่งรัฐบาลจะต้องสะดุ้งสะเทือนกับการชุมนุมเรียกร้องให้"นายกฯ ลาออก - พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว" แต่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนก็กลับอยู่นิ่งเฉยไม่ได้เช่นกัน โดยได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นโดยสรุปได้ว่า แม้ผู้ชุมนุมจะมีข้อเรียกร้องที่เป็นไปตามปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่การปราศรัยของแกนนำบนเวทีบางคนกลับมีเนื้อหาที่เปิดทางให้กับการรัฐประหาร รวมถึงมีการปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต
พรรคประชาชนจึงขอประณามการสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง และเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนถอนตัวจากการสนับสนุนคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีแกนนำบางคนมีเจตนาสนับสนุนการรัฐประหารและการแทรกแซงการเมืองด้วยวิถีทางนอกประชาธิปไตย
พรรคประชาชนทิ้งท้ายเช่นเดิมว่า ทางออกจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ที่ดีที่สุด คือการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้แก่ประชาชน เพื่อให้อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นผู้กำหนดอนาคตของบ้านเมืองด้วยตนเองว่าต้องการผู้นำและรัฐบาลใหม่แบบไหน
แน่นอนว่า พวกเขามองถึงโอกาสในการชนะการเลือกตั้งหากยุบสภาในเร็ววันนี้
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บอกว่าการชุมนุมครั้งนี้ เป็นสิทธิในการแสดงออกของประชาชนที่สามารถทำได้ รัฐบาลยินดีรับฟัง และการชุมนุมยังไม่ได้มีอะไรที่เป็นปัญหาร้ายแรง ส่วนกรณีที่พรรคประชาชน ออกแถลงการณ์ไม่ยินยอมให้ใครฉวยโอกาสเอาความผิดพลาดล้มเหลวของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลมาเปิดทางให้กับการรัฐประหาร หรือการแก้ปัญหาการเมืองด้วยวิถีทางที่ขัดต่อประชาธิปไตยอีก อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน แต่เชื่อว่าทุกคนไม่สนับสนุนการทำรัฐประหาร
“ทหารเข้าใจอยู่แล้ว เพราะเป็นทหารอาชีพ เป็นทหารภายใต้รัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เขาปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ กติการัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เท่าที่ได้อยู่กับทหาร ทหารก็เป็นทหารสมัยใหม่ ที่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ขณะที่เรื่องอธิปไตยทหารยอมไม่ได้ รัฐบาลก็ยอมไม่ได้เช่นเดียวกัน”
ดูแล้วพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทยยังมีความกังวลในเรื่องนี้น้อยกว่าพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านเสียอีก
ส่วน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงว่า พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกำลังกล่าวหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมว่าสนับสนุนรัฐประหาร โดยยืนยันว่าแนวทางของ คปท.ไม่เคยเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารจากกองทัพใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบต่อคำพูด และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และการที่ คปท.ยืนเคียงข้างกองทัพปกป้องอธิปไตยของชาติ ก็ไม่ได้มีความหมายถึงการรัฐประหารแต่อย่างใด
สุดท้ายก็ไม่รู้ว่ามีบางคนกลัวคำว่า“รัฐประหาร”มากเกินไปจนเกิดอาการหลอนขึ้นมาหรือเปล่า
ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี