ปลุกคนเขมรแบน‘สินค้าไทย’
‘ฮุนเซน’ห้าวเป้ง
อ้างตอบโต้ไทยขู่ตัดน้ำ-ตัดไฟ
ถึงไม่มีกินก็อย่าไปพึ่ง
‘บิ๊กเล็ก’แจงกระทู้สภาฯ
ปมพิพาทสัญญาณบวก
บัวแก้วย้ำไทยใช้ช่องทางทางการสื่อสารปัญหาชายแดน ไม่ตอบโต้ผ่านโซเชียล ยันชี้แจงต่อประชาคมโลกมาตลอด ขอปชช.มั่นใจรัฐบาลปกป้องอธิปไตยแน่นอน ด้าน “บิ๊กเล็ก”แจงยิบกระทู้ฝ่ายค้านในสภาวันแรก ชี้เริ่มมีสัญญาณบวก ผู้นำระดับสูงของเขมรยอมคุย แต่ต่อรองเงื่อนไขบางอย่างยังไม่ลงตัว เล็งดึงขึ้นโต๊ะ “จีบีซี” ตกลง 2 เรื่อง ถอนกำลัง-ลดเข้มงวดมาตรการชายแดน ย้ำกองทัพทำตามนโยบายรัฐบาล ซัด “อังเคิล”โพสต์คลาดเคลื่อนความจริง ทำการแก้ปัญหายาก ขณะที่ “ฮุนเซน” กระทุ้งรบ.เขมร แบนสินค้าไทย ตอบโต้ถูกไทยขู่ ลั่นแม้ไม่มีกิน ก็อย่าไปพึ่งพวกเขา ต้องหาแหล่งอื่นมาสนับสนุน ลดความขัดแย้ง
เมื่อวันที่ 3กรกฎาคม นายมาริษเสงี่ยมพงษ์รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ปัจจุบันสถานการณ์ความตึงเครียดลดลงระดับหนึ่ง ไม่มีการปะทะ แต่มีบ้างจากการคงกำลัง และอาวุธบริเวณชายแดน ซึ่งรัฐบาลไทยอยากเห็นการปรับลดกำลังในแนวต่างๆให้กลับไปอยู่ในช่วงที่ไทย-กัมพูชา มีความสัมพันธ์กันปกติช่วงปี 2567เพราะกังวลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
ส่วนที่มีประชาชนอยากให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันกับอีกฝ่ายนั้น กระทรวงการต่างประเทศยืนยันต้องใช้ช่องทางทางการ หรือช่องทางการทูตเจรจา ถ้าไปติดตามจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ โอกาสทำให้ไม่เข้าใจกันยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงต้องพูดคุยในช่องทางทางการกับกัมพูชา ยอมรับปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีบทบาทมาก กระทรวงการต่างประเทศเข้าใจ และมอบหมายว่าใครจะออกมาตอบโต้ประเด็นใด ถ้าเป็นประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการทูต ก็ต้องให้หน่วยงานอื่นผู้ดำเนินการ
“รัฐบาลไทยไม่ต้องการตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะไม่ใช่ช่องทางทางการ จะชี้แจงผ่านช่องทางทางการเท่านั้น ขอให้ใช้วิจารณญาณด้วยว่าพูดหรือสื่อสารไปแล้ว จะเกิดผลกระทบอย่างไร ถือเป็นความรับผิดชอบและจริยธรรมของแต่ละคน ที่ผ่านมาผมและโฆษกกระทรวงฯสื่อสารกับประชาคมโลก สังคมไทยผ่านช่องทางการทูตมาต่อเนื่องกับนานาชาติ จึงขอเรียกร้องกัมพูชาให้ความสำคัญกับการเจรจาในกรอบทวิภาคีโดยเร็ว การใช้โซเชียลมีเดียเป็นสิทธิ แต่ถ้าเกิดผลกระทบก็ควรรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้น”นายมาริษกล่าวย้ำ และว่า กรอบการเจรจาเส้นเขตแดนไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีใครต้องการให้ประเทศสูญเสียอธิปไตย ต้องใช้เวลาถกเถียง ยืนยันว่า ไทยจะปกป้องอธิปไตยแน่นอน ส่วนที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามนำข้อพิพาทพื้นที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลกนั้น ไทยไม่ได้รับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 ดังนั้น ศาลโลกจึงไม่มีอำนาจพิจารณาเรื่องนี้ และด้านอื่นแน่นอน จึงไม่ได้กังวล
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาเรื่องปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา ของนายณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชนชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถามรมว.กลาโหม โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพานิช รมช.กลาโหม รักษาการรมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจง โดยนายณัฐพงษ์กล่าวตอนหนึ่งว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ คลิปเสียงหลุดล้วนเกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด ที่ตัวผู้นำประเทศใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้นำสองประเทศจนนำไปสู่วิกฤตครั้งนี้ที่คลี่คลายยากยิ่งขึ้นซึ่งตนอยากเน้นย้ำว่ารัฐบาลต้องแสดงความเข้มแข็ง พวกเราไม่ได้เห็นต่างเรื่องการใช้มาตรการกดดันด้านเศรษฐกิจ หลายครั้งที่พรรคประชาชนเสนอข้อเสนอนี้ไปแล้ว แต่จะใช้อย่างไรให้เหมาะสม เพื่อแสดงออกว่ารัฐบาลบริหารสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบ มีวุฒิภาวะ ไม่ดำเนินสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเกินความจำเป็น สิ่งที่ตนอยากถามคือ ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาตามแนวชายแดนยังตึงเครียด ความกดดันทางด้านทหารที่กัมพูชาดำเนินการอยู่ใช่หรือไม่ ถ้ามีมีอย่างไร
จากนั้นพล.อ.ณัฐพลลุกขึ้นชี้แจงว่าภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังกลับจากจุดที่เผชิญหน้ากันอยู่ ครั้งนั้นที่เราพยายามเจรจาฝ่ายกัมพูชาคือมีกำลังเผชิญหน้าระยะใกล้ เสี่ยงที่จะเกิดการใช้อาวุธได้ ถ้าเริ่มใช้อาวุธจะทำให้เหตุการณ์ตรึงเครียดสถานการณ์อาจบานปลายได้ ถึงแม้กำลังที่เผชิญหน้าจะเคลื่อนย้ายกลับไปแล้ว แต่กำลังส่วนที่เหลือที่มีทั้งอาวุธหนัก รถถังและปืนใหญ่ยังเป็นกำลังละลอกสองที่ยังอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ยังมีความเสี่ยงที่วันใดวันหนึ่งเกิดความไม่เข้าใจกันอาจทำให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นที่ใช้อาวุธหนัก
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยของประชาชนจึงมีแนวทางคลี่คลายความตึงเครียดบริเวณชายแดน โดยรัฐบาลตั้ง ศบทก. ทำงานภายใต้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กำหนดแนวทางยึดสันติวิธีและยึดถือศักดิ์ศรีความเป็นรัฐของทั้งสองฝ่าย การเจรจามุ่งเน้นแบบทวิภาคีกับกัมพูชาไม่ให้เกิดเหตุลุกลามบานปลาย ยอมรับเป็นเรื่องที่ ศบทก.และรัฐบาลหนักใจมาก เพราะสังคมไทยมีสองกระแสคือ ประชาชนตามชายแดนเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยเร็ว เพราะเดือดร้อนมาก แต่ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง ส่วนกลางในกทม.บอกว่าต้องยึดศักดิ์ศรีอยากให้ใช้มาตรการเข้มแข็ง ทำให้การตัดสินใจของรัฐบาลและศบทก.แต่ละเรื่องต้องใช้ความรอบคอบและชั่งน้ำหนักให้ดี
พล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า รัฐบาลจำเป็นจะต้องดำเนินมาตรการควบคุมที่เข้มงวดบริเวณชายแดนเนื่องจากมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าทางการกัมพูชาสั่งกำลังเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ชายแดน ไทยก็จำเป็นที่ต้องเสริมกำลังในระดับที่เหมาะสมเพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงแต่ขอย้ำว่าทุกการเคลื่อนไหวของไทยอยู่ในกรอบสันติวิธีหลีกเลี่ยงการปะทะโดยเด็ดขาดหากกัมพูชาไม่ล่วงล้ำอธิปไตยด้วยกำลังติดอาวุธนอกจากนี้ ไทยต้องคุมเข้มชายแดน เพราะมุ่งแก้ปัญหาปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมเมอร์ที่มีอยู่จำนวนมาก เราจำเป็นต้องตรวจสอบควบคุมการเข้าออกชายแดนอย่างเข้มข้นทั้งด้านตะวันตกและตะวันออกของประเทศ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนเริ่มมีสัญญาณบวก ระดับสูงของกัมพูชาเริ่มมีการคุย ที่ผ่านมาเขาไม่ยอมคุยแต่ 2-3 วันนี้เขาเริ่มมาคุยว่า เชิญ ไป เข้า ประชุมทวิภาคี จีบีซี มีเงื่อนไขอย่างไร ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ด้านโซเชียลฯทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาทำให้การพูดคุยเงื่อนไขเราก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน แต่ขอยืนยันว่ามีสัญญาณบวกอย่างน้อยเขามาคุยก็ถือว่าบวกแล้ว คุยรู้เรื่องไม่รู้เรื่อง ก็ต้องใช้ ความสามารถกันอีกทีหนึ่ง
พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงอีกว่า ขณะนี้มีกระบวนการให้ใช้การเจรจาผ่านการประชุมคณะกรรมการเรื่องเขตแดน (จีบีซี) หากทำสำเร็จ จะหารือ 2 เรื่องคือ การเคลื่อนย้ายกำลังกลับที่ตั้งปกติ เลี่ยงความเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และยกเลิกมาตรการควบคุมตามแนวชายแดน ซึ่งมีรายละเอียดที่ไม่ลงตัวเพราะต่างฝ่ายยังระแวง จากโซเชียลฯ
“เราเสียรู้เรื่องการสื่อสาร การตอบโต้กันไปมา ผ่านโซเชียลฯกับอังเคิล ไม่ได้ทำแบบทางการ ถ้าตอบโต้กันไปมาจะทำให้เป็นปัญหาได้ จริงๆการเมืองระหว่างประเทศควรตอบโต้กันทางหนังสือราชการ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการตอบโต้ทางหนังสือราชการสักฉบับเดียว เมื่ออังเคิลบอกว่าไทยผิดฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่ผิด จึงใช้การตอบโต้แบบชี้แจงข้อเท็จจริง นำภาพให้ดู ไม่ใช่โต้กันไปมา ซึ่งไม่สามารถยุติความตึงเครียดได้ รัฐบาลโดยศบทก. กำลังดำเนินการ ขณะที่มาตรการทางการทูตรัฐบาลทำผ่านกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงการทูตทางทหาร ย้ำเรื่องนโยบายสมดุล และมีข้อห่วงใยที่ประเทศเพื่อนบ้านทำ” พล.อ.ณัฐพล ชี้แจง
วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่กล่าวระหว่างการเดินทางลงพื้นที่พบปะนักศึกษาที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมกัมไจเมียร์ จังหวัดไพรแวง โดยแนะนำให้ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี พิจารณาออกมาตรการห้ามซื้อสินค้าทุกชนิดจากประเทศไทย เพื่อตอบโต้สิ่งที่เป็นการข่มขู่ของไทยมาตลอด โดยฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาขึ้น ฝ่ายไทยจะข่มขู่กัมพูชา ว่าจะตัดระบบสาธารณูปโภคมาโดยตลอด ดังนั้น กัมพูชาต้องระมัดระวัง สิ่งสำคัญคือ อย่าซื้อไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซจากไทยโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อเกิดวิกฤต พวกเขาจะระงับการขายสินค้าเหล่านี้ให้เรา พวกเขาบอกว่าเราจะตายถ้าพวกเขาไม่ส่งออกมาให้
“แม้พวกเราจะไม่มีกิน ก็อย่าไปพึ่งพวกเขา เราต้องหาแหล่งอื่นมาสนับสนุนไม่ให้เกิดความขัดแย้ง นายกฯและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาพิจารณาเรื่องนี้รอบคอบแล้ว กัมพูชายังต้องการมีความสัมพันธ์อันดีและมิตรภาพกับไทย เมื่อใดที่ปัญหาชายแดนได้รับการแก้ไขและสถานการณ์กลับเป็นปกติ การเจรจากับไทยจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง”ฮุนเซนกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี