'พรรคประชาชน'ตั้งเงื่อนไข'รบ.ชั่วคราว'
ต้องยุบสภาปีนี้
พร้อมโหวตเลือกนายกฯใหม่
หาก 'อิ๊งค์'พ้นจากตำแหน่ง
'หนู'ปัดเสนอตัวชิงนายกฯ
ในหลวง-พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ “สุริยะ”นำครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ครม.ตั้ง“ภูมิธรรม”รก.นายกฯคนที่ 1 มีอำนาจเต็ม“อิ๊งค์” ยึดฤกษ์ 9 โมงเข้ากระทรวงวธ.“อนุทิน” เข้าสภาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน คุยส่วนตัว“เท้ง”ปมหนุนนั่งนายกฯ พรรคฝ่ายค้าน ประสานมือ 5 พรรค ร่วมทำงาน “อนุทิน”ยันพร้อมตรวจสอบรบ.เต็มที่ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ข้อสรุป 4 ประเด็นหลัก“ปลดล็อกประเทศ”ย้ำรบ.ต้องถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ให้คำมั่นไม่นำกลับเข้าสภาอีก-เดินหน้าทำประชามติลุยแก้รธน.-นิรโทษกรรมยังเห็นต่างตั้งคณะทำงานหารือ-ซักฟอกม.151รอประเมินสถานการณ์ปชน.ออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืนชัดหาก‘อิ๊งค์’หลุดนายกฯ พร้อมโหวตนายกฯคนใหม่ หากรับเงื่อนไข‘ยุบสภา’ภายในปีนี้ ย้ำชัดไม่เข้าร่วมรัฐบาล-ไม่เป็นรมต.
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ โดยรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณในวันเดียวกันนี้เวลา11.00น.
เวลา 08.00 น.สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)แจ้งให้รัฐมนตรีใหม่ตรวจRT-PCR และถ่ายภาพเดี่ยวในเครื่องแบบปกติขาวเพื่อทำประวัติและบัตรประจำตัวรัฐมนตรี ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยรัฐมนตรีที่เดินทางมาถึงคนแรก คือ นายเทวัญ ลิปตพัลลภรมช.ศึกษาธิการ เวลา 07.40 น. ตามมาด้วยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์,นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุขและนายอนุชา สะสมทรัพย์ รมช.สาธารณสุข ต่อมา เวลา 09.07 น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ด้วยรถยนต์เล็กซัส สีดำ หมายเลขทะเบียน พพ267 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัว โดยเมื่อเดินลงจากรถ น.ส.แพทองธาร สวัสดีทักทายสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ
จากนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
เวลา 11.11น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งใหม่ จำนวน 14 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
ในหลวงพระราชทานพระราชดำรัส
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางในการปฎิบัติหน้าที่ใจความสำคัญว่า ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีใหม่ ได้มาถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ข้าพเจ้าก็ขอแสดงความชื่นชม ในความตั้งใจของทุกท่านที่จะปฏิบัติงานโดยมีชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ประชาชนทุกคนต่างก็ต้องการความสุขและความมั่นคงปลอดภัย การที่ท่านทั้งหลายซึ่งมีหน้าที่บริหารกิจการบ้านเมือง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนได้ตั้งปณิธานไว้อย่างถูกต้องว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและประกาศปณิธานนั้นอย่างหนักแน่นเข้มแข็ง ก็จะเป็นการเพิ่มพูนกำลังใจให้แก่ตนเอง และเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้ ข้าพเจ้าจึงขอเอาใจช่วยทุกท่าน และขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรู้ ความสามารถ และความคิดจิตใจที่เป็นสุจริต เพื่อนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญ มั่นคงอย่างยั่งยืน ขออำนวยพรให้ทุกท่าน ปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดี และมีความสุขความเจริญโดยทั่วกัน
‘อิ๊งค์’ยึดฤกษ์9โมงเข้ากระทรวงวธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.28 น.คณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ เดินกลับมายังทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับหน้าที่ โดยครม.ชุดใหม่ทั้งหมดได้ขึ้นตึกบัญชาการ1ทันที เพื่อประชุมครม.นัดพิเศษ แบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีในเวลา 13.00 น.รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ได้เดินขึ้นตึกบัญชาการ1เช่นกัน โดยไม่ได้เข้าห้องทำงานนายกฯบนตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารเปิดเผยว่าจะเดินทางเข้ากระทรวงวัฒนธรรม ในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.00 น.
ครม.นัดพิเศษเว้นว่างเก้าอี้นายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งนั่งเก้าอี้ตัวเดิมในตำแหน่งรองนายกฯในที่ประชุม โดยเว้นว่างเก้าอี้ในตำแหน่งนายกฯเอาไว้
‘อิ๊งค์’นั่งรวมรมต.คนอื่นชื่นมื่น
ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน เข้าร่วมประชุมด้วย โดยไปนั่งแถวเดียวกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนประชุมเป็นไปอย่างชื่นมื่น รัฐมนตรีต่างจับกลุ่มพูดคุย
‘ปลัดตุ๋ม’รมว.พาณิชย์แตะมือไฮไฟว์
ขณะที่นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ ได้เดินทักทาย แตะมือไฮไฟว์ กับหลายคนในที่ประชุมอย่างเป็นกันเอง จากนั้น เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบเรื่องการมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ อันดับ1 เป็นเรื่องแรก จากนั้น นายภูมิธรรม จึงรับหน้าที่ประธานการประชุมต่อจากนายสุริยะ เพื่อพิจารณาวาระที่เหลือ
ครม.ตั้ง‘ภูมิธรรม’รก.นายกฯคนที่1
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษมีมติเห็นชอบเรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอโดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีตามลำดับ ดังนี้ 1. นายภูมิธรรม เวชยชัย 2. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 4. นายพิชัย ชุณหวชิร5. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการใน คณะกรรมการ หรือองค์กรใด ส่วนกรณีผู้รักษาราชการแทนตาม 2-5 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบฯอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครม.
‘อนุทิน’เข้าสภาคุย‘เท้ง’ส่วนตัว
เวลา08.30น.ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางมาถึงสภาเพื่อทำหน้าที่ฝ่ายค้านครั้งแรก โดยกล่าวถึงข้อเสนอของพรรคประชาชน ที่จะโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต้องเป็นรัฐบาลชั่วคราว แลกเงื่อนไขด้วยการแก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภาเลือกตั้งใหม่ จะรับข้อเสนอได้หรือไม่ว่า จะหารือกันกับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ช่วงเช้าก่อนและจะรับฟังข้อเสนอโดยตรงเพราะคนนั้นพูดที คนนี้พูดที ไม่ตรงกัน หลังจากนั้นต้องหารือในที่ประชุมพรรคภูมิใจไทยด้วย ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ในภาวะเช่นนี้นั้นจะทำด้วยความสร้างสรรค์ ยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ประชาชนไม่ต้องห่วง จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ นายอนุทินได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนายณัฐพงษ์ ก่อน จากนั้นจะร่วมหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านครั้งแรกภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคฝ่ายค้าน5พรรคจับมือชื่นมื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.)ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 5 พรรค นัดแรก โดยมีตัวแทนพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทยและพรรคเป็นธรรม ร่วมประชุมพร้อมเพรียงทั้งนี้ ก่อนเริ่มประชุมมีการประสานมือกันระหว่างตัวแทนของทั้ง 5 พรรคร่วมฝ่ายค้าน จากนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การเปิดสมัยประชุมใหม่นี้ เป็นสิ่งที่เราจะมาหารือกันว่าในฝั่งของพรรคฝ่ายค้าน มีอะไรที่สามารถขับเคลื่อนร่วมกันได้ ขณะเดียวกันพรรคฝ่ายค้านมีบางอย่างที่ไม่เหมือนพรรคร่วมรัฐบาล เราจึงให้เกียรติซึ่งกันและกัน อะไรที่เป็นจุดยืนหรือข้อแตกต่างของพรรคฝ่ายค้านก็จะไม่ก้าวก่ายกันซึ่งวัตถุประสงค์ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อแสวงหาจุดร่วมที่จะผลักดันร่วมกันได้ ภายใต้สถานการณ์ของประเทศที่วิกฤติในปัจจุบัน
‘อนุทิน’ยันพร้อมตรวจสอบเต็มที่
ด้าน นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่พรรคภูมิใจไทยได้มาปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรในฐานะที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน จริงๆ แล้ว พวกเราทุกคนรู้จักกันหมด และเมื่อเช้านี้ ตนก็มีการประชุมหารือร่วมกับผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น ตนยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะและบทบาทของการเป็นฝ่ายค้านฝ่าย เพื่อตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค
ฝ่ายค้านแถลง‘ปลดล็อกประเทศ’
ต่อมา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนแถลงภายหลังการประชุมหารือทิศทางการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันแรกซึ่งใช้เวลาหารือกันประมาณ 30 นาที
โดยนายณัฐพงษ์กล่าวว่าขอบคุณหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน และตัวแทนแต่ละพรรคที่เข้าร่วมประชุมทุกท่าน ผลสรุปในการประชุมวันนี้สิ่งที่พวกเรามาหารือกันคือเรื่องการนำในสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นเป็นตัวตั้ง ภายใต้สถานการณ์วิกฤตประเทศในขณะนี้และวิกฤตศรัทธาที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ขาดความเชื่อมั่นต่อประชาชนอย่างสูง สำหรับวาระในการประชุมวันนี้คือการใช้กลไกของฝ่ายค้านและสภา ในการหาทางออกให้กับประเทศเป็นหลักโดยยึดหลักการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แสวงหาจุดร่วมที่จะสามารถผลักดันร่วมกันได้รวมถึงให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน ในจุดยืนของแต่ละพรรคซึ่งแต่ละพรรคอาจจะมีข้อคิดเห็นหรือจุดเด่นที่แตกต่างกันได้
สรุป4ข้อหลักจี้รบ.ถอนร่างกาสิโน
ส่วน 4 เรื่องหลักที่มีการพูดคุยกันซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนรอฟังคำตอบอยู่ คือ 1.การเดินหน้ากลไกในสภาทุกอย่าง เพื่อกดดันให้รัฐบาลหยุดเดินหน้าหรือถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไป โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องให้ความเชื่อมั่นต่อพวกเราและประชาชน ว่าจะไม่มีการเสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก
เดินหน้าทำประชามติลุยแก้รธน.
2.กานเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งมีรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ตนมองว่ายังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ แต่หนึ่งอย่างที่เห็นตรงกันในหลักการ คือการจัดทำประชามติครั้งที่ 0 ซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาเรื่องการแก้ไขมาตรา256เพื่อเปิดช่องทางสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) หรือไม่ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้กลไกสภาในสมัยประชุมปัจจุบันตามที่เหมาะสม ในการเดินหน้าเสนอให้มีการจัดทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งใหม่3.การพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม ที่ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วน ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านยังเห็นแตกต่างกันอยู่นั้น เราจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องนี้
ซักฟอกม.151รอประเมินสถานการณ์
4.การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ซึ่งเราเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ภายใต้นิติสงคราม ที่มีการดำเนินคดีต่างๆยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น สิ่งที่พวกเราต้องรอประเมินตอนนี้ คือประเมินสถานการณ์ทางการเมือง เรื่องความชัดเจนของคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณากรณีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยู่ ก่อนจะมีการตัดสินใจว่าจะยื่นญัตติเมื่อไหร่ ในส่วนรายละเอียดที่จะต้องมีการหารือกันต่อรวมถึงเรื่องอื่นๆในอนาคตจะเป็นส่วนที่คณะทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือร่วมกันต่อไป
ปชน.ไม่ปิดทางเลือกนายกฯชั่วคราว
สำหรับกรณีกระแสข่าวการเสนอตัวนายกรัฐมนตรีชั่วคราวนั้นนายณัฐพงษ์ กล่าวว่าต้องให้เกียรตินายอนุทินด้วย แต่โดยหลักการ ตนขอย้อนกลับไปในสิ่งที่เราต้องมาประชุมร่วมกันว่าเราประชุมเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งในวันนี้อาจจะยังไม่เหมาะสม หากจะพูดอะไรไปล่วงหน้า เพราะสถานการณ์ยังไม่เกิดเนื่องจากขณะนี้นายกรัฐมนตรียังชื่อน.ส.แพรทองธาร เพียงถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่แน่นอนที่สุดการวิเคราะห์การเมือง การประเมินฉากทัศน์ข้างหน้า ทุกคนสามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างโดยการหารือเป็นการภายในนั้นก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
“ขอยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกคน และหัวหน้าพรรคทุกคน มีการหารือกันว่าเราจะไม่ทำให้การเมืองเดินถึงทางตัน อย่างไรประเทศมีทางออก ส่วนรายละเอียดคิดว่าคุยกันในสถานการณ์ข้างหน้าได้”นายณัฐพงษ์กล่าว
ปัดเสนอตัวนั่งนายกฯชั่วคราว
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวเสริมว่า เรื่องกระแสข่าว ตนได้ชี้แจงจากการให้สัมภาษณ์เมื่อวานตอนเย็นแล้วและต้องขอพูดว่ามันไม่มีการเสนอตัว เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนอย่างมาก ไม่ได้มีการพูดถึงตรงนั้นเลย ตอนนี้เราพูดในหลักการ
“ในสถานการณ์แบบนี้ ใครที่เข้ามาก็ตามต้องเข้ามาด้วยระยะเวลาที่เฉพาะกิจ เฉพาะกาล เพื่อมาแก้ไขปัญหาปัจจุบันและยุบสภา ให้เกิดการเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจต่อไป แต่เรื่องพวกนี้เราไว้รอถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน เพราะตอนนี้นายกรัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่ง”นายอนุทิน ย้ำ
ยันเสนอเพื่อทางออกประเทศ
ส่วนที่พรรคประชาชนมีมติจะโหวตให้นายกฯคนใหม่โดยไม่ร่วมรัฐบาลแต่ต้องมีเงื่อนไขนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่าสิ่งที่พรรคประชาชนเสนอไปไม่ได้เสนอว่าเราจะร่วมโหวตหรือไม่ร่วมโหวตให้ใคร ทุกอย่างที่เราเสนอ เป็นข้อเสนอที่เราเชื่อว่าเป็นทางออกของประเทศจริงๆ หากวันหนึ่งสถานการณ์ทางการเมืองเดินไปถึงจุดนั้น ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคประชาชนได้นำเสนอไปเมื่อวานนี้ แต่เข้าใจว่าประชาชนและสื่อมวลชนอาจจะให้ความสนใจเรื่องการรวมขั้วทางการเมืองได้ แต่เรื่องนี้ ตนคิดว่ายังไม่มีความเหมาะสมที่จะนำเสนอในวันนี้ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองยังเดินไปไม่ถึงจุดนั้น
เมื่อถามว่าหากมีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีการโหวตให้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่ได้อยู่ที่ว่าจะโหวตให้ใครจะนายชัยเกษมหรือนายอนุทิน แต่เราดูที่จุดยืนร่วมกันว่าการออกเสียงของพรรคประชาชนและพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ละพรรค แต่ละคน มีจุดยืนของตัวเอง ในส่วนของพรรคประชาชน เรายืนยันในหลักการว่าการโหวตให้ใครก็ตาม เราไม่ยึดติดกับตัวบุคคลหรือพรรค แต่ต้องเป็นการสร้างทางออกให้กับประเทศได้ เมื่อถามถึงจุดยืนร่วมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ในเรื่องการยุบสภา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เฉพาะในส่วนพรรคประชาชน เราเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า ตนพูดชัดเจนแล้ว
ปชน.แถลงการณ์ย้ำจุดยืน7ข้อ
บ่ายวันเดียวกัน พรรคประชาชน อกแถลงการณ์จุดยืนพรรคประชาชนต่อการหาทางออกสำหรับประเทศ หาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ท่ามกลางปัญหาด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงที่รุมเร้าประเทศ รวมถึงสภาวการณ์ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูง พรรคประชาชนมีจุดยืนดังต่อไปนี้ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชน
ย้ำชูยุบสภาคืนอำนาจปชช.
1. พรรคประชาชนเห็นว่า สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรมทางการเมือง ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2. พรรคประชาชนเห็นว่ารัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าว จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสมการทางการเมืองของสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี“การเลือกตั้งใหม่”โดยเร็ว เพื่อให้ประเทศมีรัฐบาลที่มีคุณสมบัติดังกล่าว 3. พรรคประชาชนยืนยันว่าหนทางที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ได้อย่างเรียบง่ายที่สุด คือ การที่รักษาการนายกฯประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง
พร้อมโหวตนายกฯ คนใหม่
4. พรรคประชาชนเห็นว่า หากรักษาการนายกฯไม่เลือกที่จะดำเนินการดังกล่าวและมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯคนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.พรรคประชาชนยืนยันเหมือนที่เคยยืนยันมาโดยตลอด ว่าเราจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ“เงื่อนไข”ในการเป็นเพียงรัฐบาลชั่วคราวที่มีภารกิจในการเดินหน้าสู่การยุบสภา โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี
หากรับเงื่อนไข‘ยุบสภา’ภายในปีนี้
6. “เงื่อนไข”ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย 6.1.การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี 6.2.การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้า ที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ / การคลี่คลายสถานการณ์กรณีพิพาทไทย-กัมพูชาเฉพาะหน้า/ การทำให้งบประมาณที่จำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ต้องสะดุดลงเพราะการเลือกตั้ง)7. หากมีผู้ใดที่ตอบรับ“เงื่อนไข”ดังกล่าว แต่ไม่ทำตามคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน พรรคประชาชนจะใช้เสียงของ สส. ทั้ง 142คน และทุกกลไกของสภา เพื่อล้มรัฐบาลที่ผิดสัญญากับประชาชนโดยทันที พรรคประชาชนระบุว่าในทุกวิกฤตการณ์ทางการเมือง ทางออกสำหรับประเทศตามครรลองประชาธิปไตยมีอยู่เสมอ โดยหากนักการเมืองรักษาคำพูดตนเอง และพรรคการเมืองทำงานโดยเอาวาระส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบการเมืองและระบอบประชาธิปไตยมีแต่จะแข็งแรงและหนักแน่นขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี