‘ไทย’ตอกเขมร
ห้ามส่งสินค้ายิ่งตึงเครียด
กต.แนะร่วมวงเจรจา
รมว.วธ.ป้ายแดงฟิต!
ขู่ฟ้องคนปล่อยเฟคนิวส์
เบรกส่งคืนวัตถุโบราณ
“แพทองธาร”เข้ากระทรวงวัฒนธรรมวันแรก ถกผู้บริหารและมอบนโยบาย ชี้ข่าวคืนวัตถุโบราณให้เขมรเป็นเฟคนิวส์ลั่นฟ้องคนปล่อยข่าวทำให้เกิดผลกระทบเสียหาย พร้อมสั่งทบทวนคืนวัตถุโบราณชุดที่เหลือตอนนี้ออกไปก่อน ด้านโฆษก ศบ.ทก.ระบุ แก้ปัญหาชายแดนเริ่มมีสัญญาณดี ลั่นไม่เห็นด้วยเขมรห้ามขนส่งสินค้าผ่านแดน ชี้เพิ่มความตึงเครียด กระทบประชาชน ย้ำไทยต้องการใช้เจรจาทวิภาคีแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม เดินทางเข้ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นวันแรกหลังเข้ารับตำแหน่งรมว.วัฒนธรรมอีกตำแหน่ง โดยนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม รอให้การต้อนรับ
โต้คืนวัตถุโบราณให้เขมร-ชี้เฟกนิวส์
จากนั้นน.ส.แพทองธารเป็นประธานประชุมผู้บริหารกระทรวง ซึ่งกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกมีข้อที่อยากจะฝากไว้ให้ช่วยกันผลักดัน ซึ่งตนทำการบ้านมาและดีใจที่ได้ฟังทุกท่านว่าแต่ละหน่วยแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงนี้อยากให้ผลักดันอะไรเพิ่มเติมบ้าง ข้อแรกขอชี้แจงกรณีมีข่าวในออนไลน์เผยแพร่ตีเรื่องการคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งเป็นเรื่องสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการคืนวัตถุโบราณไปแล้ว 23 รายการในปี 2558 หลังตรวจสอบว่าเป็นของกัมพูชาจาก 43 ชิ้น ที่มีการลักลอบนำเข้าจากสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2513 และวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เห็นชอบให้ส่งมอบวัตถุโบราณ 20 รายการ คืนให้กัมพูชาตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ หลังกรมศิลปากรและคณะผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวัตถุโบราณดังกล่าวมีต้นกำเนิดในกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร ซึ่งได้รับรายงานว่างบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอ และไม่ได้เป็นเรื่องด่วนจึงไม่สามารถของบกลางได้
เบรกส่งคืน20ชิ้นที่เหลือให้เขมร
“อย่างไรก็ตาม ขอทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง อาจต้องส่งเรื่อง เพื่อของบประมาณของกระทรวงและรายงานครม.เพื่อทราบเป็นขั้นตอนต่อไป ในการหางบประมาณในการจัดส่งคืน แต่ที่สำคัญด้วยสถานการณ์ของไทยกับกัมพูชาตอนนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจึงมีความเห็นให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป สรุปแล้วขอให้ทบทวนก่อน ส่วนเรื่องการตั้งงบฯค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง ส่วนที่เหลืออยู่ก็ยังไม่ส่งคืน”รมว.วัฒนธรรมกล่าว
ลั่นฟ้องคนปล่อยข่าวทำให้เกิดผลเสีย
ส่วนโบราณสถานในกลุ่มปราสาทตาเมือนคือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (ช่องบก) น.ส.แพทองธารยืนยันว่า เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทยที่ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ. 2505 ในส่วนพื้นที่ภาคอื่นได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า จะเร่งรักษาไว้ซึ่งดินแดนและอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน นอกจากนี้ ขอใช้โอกาสที่สื่อมวลชนอยู่ด้วยตอนนี้ ชี้แจงการปล่อยข่าวปลุกปั่น ทำให้เกิดผลเสียผลกระทบ
“ดิฉันก็ต้องดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าว ปกติแล้วคอมเม้นต์ที่เป็นเรื่องการว่ากล่าวธรรมดาดิฉันเป็นนายกฯเป็นรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อันนั้นไม่มีปัญหา แต่ว่าการปล่อยข่าวไม่ว่าจะเรื่องที่ว่าดิฉันส่งวัตถุไปแล้ว ซึ่งกระทรวงทราบอยู่แล้วว่าไม่จริง ฉะนั้นเรื่องอย่างนี้ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไป“น.ส.แพทองธารกล่าว
ฉะเกรียนคีย์บอร์ดเบาได้เบาทำปท.เสียหาย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงตอบโต้กรณีผู้ ไม่หวังดีปล่อยข่าวรัฐบาลโดย กระทรวงวัฒนธรรม จะส่งมอบวัตถุโบราณให้กัมพูชา 20 ชิ้นว่า เป็นเรื่องเก่ามาก ตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งเมื่อ 25 ปีที่แล้ว กรมศุลกากรตรวจยึดโบราณวัตถุ มีลักษณะคล้ายวัตถุโบราณของเขมรที่นำเข้าโดยผิดกฎหมายมาจากประเทศสิงคโปร์ 43 รายการ หลังกรมศิลปากรตรวจสอบแล้วได้ส่งคืนตามข้อพิสูจน์ไปล็อตแรก 23 รายการ จากนั้นรัฐบาลกัมพูชาส่งคำร้องเพื่อขอรับคืนโบราณวัตถุที่เหลือ 20 รายการ พร้อมทั้งส่งเอกสารและหลักฐานยืนยันสิทธิเรียกร้องในโบราณวัตถุดังกล่าว จากการตรวจสอบของกรมศิลปากรสรุปว่าโบราณวัตถุทั้ง 20 รายการ เมีแหล่งกำเนิดในกัมพูชา กระทรวงวัฒนธรรม จึงส่งมอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้กัมพูชา ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
โฆษกรัฐบาลกล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว ไม่เข้าใจว่าเกรียนคีย์บอร์ดจะเอาเรื่องนี้มาโจมตีกระทรวงวัฒนธรรมทำไม ทั้งที่โบราณวัตถุของไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ไทยก็ขอให้ส่งคืนไม่ว่าจะจากยุโรปและในประเทศอื่น ก็ได้รับส่งคืนมาเป็นจำนวนมากเช่นกัน จึงเชื่อว่าไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ที่จะนำเรื่องนี้มา “บูลลี่” กัน ดังนั้น อะไรเบาได้ก็เบา คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญบ้าง การชุดมาบูลลี่โดยไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่อง จะทำให้ประเทศไทยเสียหาย
ชี้ปัญหาชายแดนเริ่มสัญญาณดี
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลประชุม ศบ.ทก.ว่า สถานการณ์ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณคลี่คลายไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนดำรงความอดทนอดกลั้นเช่นเดิม ส่วนการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบยังดำเนินการอยู่ รัฐออกมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงเรื่องการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ ยังเป็นไปตามความเรียบร้อยสงบ ยืนยันการเพิ่มความเข้มข้นจุดผ่านแดนขณะนี้เป็นมาตรการที่หน่วยงานพิจารณาอย่างรอบคอบและโปร่งใสตามนโยบายที่ได้รับการมอบหมายจาก ศบ.ทก. โดยคำนึงถึงความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ไทยพร้อมปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความจำเป็นในพื้นที่
ค้านเขมรห้ามขนสินค้าผ่านแดน
นางมาระตียังกล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ขนส่งสินค้าตามจุดผ่านแดนต่างๆนั้น ฝ่ายไทยกำลังติดตามมาตรการดังกล่าว เพื่อประเมินสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า มีการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว และฝ่ายไทยขอยืนยันว่ามาตรการนี้จะเป็นการขยายปัญหาออกไป โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน และเป็นการสวนทางความพยายามของฝ่ายไทยในการหลีกเลี่ยงความตึงเครียดระหว่างสองรัฐบาล รัฐบาลไทยยังมองว่าสถานการณ์ความตึงเครียดนี้เป็นปัญหาระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่ระหว่างประชาชน ย้ำว่าฝ่ายไทยยังพร้อมเจรจากับกัมพูชาผ่านกลไกลทวิภาคี
เขมรรุกไม่หยุดจะเอา3ปราสาทให้ได้
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เขมรรุกไม่หยุด กัมพูชาจะเอาแผ่นดินไทยให้ได้ ฮุนเซนยืนยันจะเอากลุ่มปราสาทตาเมือน ปราสาทตาควายและสามเหลี่ยมมรกต ขอให้นานาประเทศกดดันไทยให้ไปศาลโลก เขมรยืนยันมาตลอดว่าจะเอาเรื่องนี้ไปศาลโลก จะไม่เจรจาทวิภาคีเรื่องนี้กับไทยไม่มีสัญญาณบวกจากฝั่งเขมร อยากให้ไทยดำเนินการฝ่ายเดียวเรื่องพรมแดน ให้ไทยเปิดด่านก่อนฝ่ายเดียว ด่าน ควรเปิดเร็วๆหรือปิดไปก่อนดี
ล่าสุด ฮุน มาเนตพบกับฌอง มาร์ค โซเรล ที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศกัมพูชาในคดีเขาพระวิหารจะผลักดันเรื่องนี้ไปศาลโลก นอกจากนี้ ยังแอบย้ายหมุดบนแผนที่กูเกิ้ล ปราสาทตาเมือนธมไปอยู่ในเขตกัมพูชา เอาให้ชัดนะ แผนที่กูเกิ้ลไม่มีใครยอมรับ ไม่ใช่แผนที่ตามกฎหมาย เอาไว้ท่องเที่ยว ไทยต้องประท้วงให้กูเกิ้ลแก้ไขให้ถูกต้อง ตอดเล็กตอดน้อยเก่งที่สุด
ปิดช่องหารือ-ลั่นไทยต้องเปิดด่านก่อน
ด้านท่าทีของกัมพูชาต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา กล่าวถึงการที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ปฏิบัติหน้าที่รักษาการในตำแหน่งรมว.กลาโหมระบุสถานการณ์ตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น และมีการเจรจาผ่านกลไกทุกระดับที่เกี่ยวข้องว่า ไม่มีการเจรจาใดเกิดขึ้นระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทยซึ่งได้พบเป็นคนล่าสุดคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ตอนนั้นนายภูมิธรรมดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม
อย่างไรก็ตาม พล.อ.พล.อ.เตีย เซ็ยฮา กล่าวขอบคุณท่าทีของ พล.อ.ณัฐพล เกี่ยวกับการให้เกียรติและเคารพกัน พร้อมยืนยันว่า ไทยคือผู้ที่ปิดจุดผ่านแดนก่อน และเป็นฝ่ายปรับเปลี่ยนเวลาการเปิดและปิดด่าน ดังนั้น ไทยต้องแก้สถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องหารือกับกัมพูชา เพราะเมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายไทยกลับมาเปิดด่านให้เป็นปกติ กัมพูชาจะดำเนินการตามหลังภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี