เมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2568 รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นในประเด็นคุณสมบัติที่เหมาะสมของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนต่อไป ดังนี้
อีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายและซับซ้อน ซึ่งจะแตกต่างจากปัญหาในอดีตพอสมควร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนต่อไปจะต้องมีความสามารถในการมองเห็นภาพรวม เข้าใจโครงสร้างปัญหา และมีความกล้าหาญในการตัดสินใจเพื่อรักษาเสถียรภาพ
ปัญหาด้านเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า:
ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว (Structural Issues):
สังคมสูงวัย (Aging Society): นี่คือความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดและเร่งด่วนที่สุดของไทย คนสูงอายุมีจำนวนสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ประชากรวัยทำงานลดลง
ภาระการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ระบบสวัสดิการและเงินบำนาญอาจไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิต การบริโภค และความยั่งยืนทางการคลัง
ผลิตภาพที่ลดลง (Low Productivity Growth): การลงทุนภาคเอกชนที่อ่อนแอ การขาดแคลนแรงงานมีทักษะ และการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช้า ทำให้ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลง
หนี้ครัวเรือนสูง (High Household Debt): แม้จะมีการแก้ไขอยู่บ้าง แต่หนี้ครัวเรือนยังคงเป็นปัญหาที่กดดันกำลังซื้อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนเปราะบาง
ความเหลื่อมล้ำ (Inequality): ทั้งความเหลื่อมล้ำทางรายได้ โอกาส และการเข้าถึงทรัพยากร ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางสังคมและการเมือง
ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงภายนอก:
ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (Global Economic Volatility): การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความตึงเครียดทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน, ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง) จะยังคงส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการลงทุนของไทย
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Technological Disruption): AI และเทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดแรงงานและการแข่งขันในภาคธุรกิจ หากปรับตัวไม่ทันจะเสียเปรียบ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change): ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคเกษตรกรรม การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ (Domestic Political Uncertainty): @แม้จะไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจโดยตรง แต่การด้อยความสามารถในการบริหารประเทศ ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง หรือการดำเนินนโยบายที่ฉาบฉวยประชานิยม
การขาดทิศทางในการบริหารเศรษฐกิจ มุ่งแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จนคำว่ากระตุ้นเศรษฐกิจเป็นคำฮิต ติดสมองของผู้บริหาร
ขาดความต่อเนื่องในนโยบายปรับ ศักยภาพการแข่งขัน เศรษฐกิจของประเทศ ด้านพลังงาน โทรคมนาคม การค้าปลีกค้าส่ง ถูกผูกขาด
ผู้คนในประเทศขาดความเชื่อมั่นในผู้นำตัวนำการบริหารของประเทศ
สิ่งเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน การใช้จ่ายภาครัฐ และความสามารถในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว
ระหว่าง ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส กับ คุณวิทัย รัตนากร ใครจะเหมาะสมกว่ากัน?
เมื่อพิจารณาจากปัญหาในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเน้นไปที่ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวและความท้าทายจากปัจจัยภายนอกที่ซับซ้อน รวมถึงความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพ ดุลยภาพ และความเป็นอิสระของผู้ว่าการ ธปท.
ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส: จุดเด่น
มีความเข้าใจเชิงลึกในนโยบายการเงินและเศรษฐศาสตร์มหภาค มีประสบการณ์ตรงจากการทำงานใน ธปท. และ กนง. ทำให้เข้าใจกลไกและเครื่องมือของธนาคารกลางเป็นอย่างดี มีแนวคิดที่เน้นเสถียรภาพและมองปัญหาเชิงโครงสร้าง การเป็นนักวิชาการที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งจะช่วยให้ตัดสินใจโดยยึดหลักวิชาการและข้อมูล ไม่เอนเอียงตามกระแสหรือแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งสำคัญมากในการรับมือกับปัญหาที่ต้องใช้เวลาและต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน สังคมสูงวัย และการเพิ่มผลิตภาพ
ความเหมาะสม: เหมาะสมอย่างยิ่งในการเป็นผู้ที่ "รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นหลัก มากกว่าการเน้นที่การเจริญเติบโตอย่างไร้เสถียรภาพ" เพราะมีแนวคิดและประสบการณ์ที่สอดคล้องกับบทบาทนี้อย่างชัดเจน การเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญมากในสถานการณ์ที่อาจมีแรงกดดันให้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
คุณวิทัย รัตนากร: จุดเด่น
มีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่ และมีความเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจฐานรากและหนี้ครัวเรือนในภาคปฏิบัติ สามารถเชื่อมโยงนโยบายระดับมหภาคกับการแก้ปัญหาในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในสถานการณ์ที่หนี้ครัวเรือนสูง การที่เคยบริหารสถาบันการเงินของรัฐอาจทำให้เข้าใจมิติการประสานงานระหว่างนโยบายการเงินและการคลังได้ดี
ความเหมาะสม: หากปัญหาหนี้ครัวเรือนและเศรษฐกิจฐานรากยังคงเป็นประเด็นที่ต้องแก้ไข และต้องการผู้ที่สามารถ และประสานงานกับภาคส่วนต่างๆ คุณวิทัยก็มีความโดดเด่นในจุดนี้
อย่างไรก็ตาม โจทย์สำคัญคือ ความสัมพันธ์ทางการเมืองกับผู้บริหารในชุดปัจจุบันผ่านคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง และคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การดำรงความเป็นอิสระจากแรงกดดันทางการเมือง จึงต้องพิสูจน์ให้เห็นหากเข้าสู่ตำแหน่ง
ข้อสรุป: หากมองในมุมของ "ผู้ที่ความกล้าหาญ เป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง และต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นหลัก" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของผู้ว่าการ ธปท. ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส ดูจะมีความได้เปรียบและเหมาะสมกว่า ด้วยพื้นฐานที่เน้นความเป็นกลางทางวิชาการและประสบการณ์โดยตรงใน ธปท. ซึ่งจะช่วยให้ยืนหยัดในหลักการและตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลเพื่อเสถียรภาพระยะยาวได้ดี
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธปท. ที่ดีต้องมีความสามารถรอบด้านและสามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลได้ภายใต้กรอบความเป็นอิสระ ดังนั้น ผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องสามารถนำจุดแข็งของตนเองมาใช้ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งหลักการสำคัญของธนาคารกลาง