พท.โวปิดดีลต่ำ36%
เชื่อรบ.คุยภาษีสหรัฐ
ก่อนเส้นตาย1ส.ค.นี้
หวังนำปท.ฝ่าวิกฤต
“เพื่อไทย” มั่นใจมีดรีมทีมช่วยกันทำงาน “อนุสรณ์” โวเชื่อรัฐบาลจะปิดดีลเจรจาภาษีสหรัฐฯได้ต่ำกว่า 36% ก่อน 1 สิงหาคมเพื่อนำพาประเทศชาติผ่านวิกฤติกำแพงภาษีสหรัฐได้ในที่สุดขณะที่‘ทรัมป์’ยกระดับสงครามการค้า-ขู่เก็บภาษีอียู-เม็กซิโก30%เริ่ม1สิงหาคมหลังเจรจาหลายสัปดาห์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าครอบคลุมได้
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเดินทางไปร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ อดีตรัฐมนตรี ทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลกต่อมาถูกตั้งข้อสังเกตเป็นการไปแทรกแซงครอบงำการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ ว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลังได้ชี้แจงไปแล้วว่าได้เรียกประชุมทีมไทยแลนด์ พร้อมทั้งทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกฯเพื่อรับมือมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริการวมถึงนายทักษิณซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์และมีความรู้ เป็นนายกฯมาถึง2สมัยเข้าร่วมประชุมด้วย
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การขึ้นกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ นี้ เชื่อว่ารัฐบาลเปิดกว้างและยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตัวแทนองค์กรต่างๆ ที่มีแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจาสำหรับประเทศชาติและประชาชน เชื่อว่ารัฐบาลยินดีรับฟัง และหากสามารถเจรจาลดอัตราภาษีลงได้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกโดยรวมของประเทศ ดังนั้นมีดรีมทีมที่ไหนต้องชวนกันมาช่วยกันทำงาน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมไทยแลนด์ เพื่อบรรลุผลในการเจรจาที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลพร้อมทุ่มเททุกสรรพกำลัง เปิดกว้างเพื่อรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ไม่ควรตั้งแง่หรือวางกับดัก สร้างเงื่อนไขให้การทำงานของรัฐบาลยากขึ้นโดยไม่จำเป็น
“เชื่อว่ารัฐบาลจะปิดดีลเจรจาภาษีสหรัฐฯได้ก่อนวันที่ 1 สิงหาคมและต่ำกว่า 36% เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤตกำแพงภาษีสหรัฐได้ในที่สุด”นายอนุสรณ์
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์การเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเข้าร่วมหารือกับทีมไทยแลนด์เพื่อหาแนวทางแก้ไขมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ว่า เรื่องนี้ทุกฝ่ายควรพิจารณาโดยวางอคติส่วนตัว อคติทางการเมืองต่างๆ ออกไปก่อน แล้วมองกันที่ข้อเท็จจริง การที่รัฐบาลหรือรัฐมนตรีเชิญบุคคลภายนอกเข้าปรึกษาหารือนั้นเป็นเรื่องปกติมากสำหรับทุกรัฐบาลในโลกที่ต้องการหาแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชน
อีกทั้งขณะนี้ปัญหาเรื่องมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลกำลังพยายามเร่งแก้ไข
นายดนุพร ยังกล่าวว่า ในอดีตซึ่งประเทศไทยเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งสร้างผลกระทบให้กับคนไทยอย่างหนัก รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้นนำโดย นายชวน หลีกภัย และมี นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ก็เคยเชิญคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ช่วยเหลือรัฐบาลในการเจรจาทางการค้ากับประเทศออสเตรเลียมาแล้ว
“ประเทศไทยเวลานี้ กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายเรื่อง การที่เรามีบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และที่สำคัญคือมีประสบการณ์โดยตรงในการนำพาประเทศชาติหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่มาได้ เคยทำให้ประเทศไทยมีความหวังในการหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เราก็ควรใช้ความรู้และประสบการณ์ของท่านมาเป็นส่วนประกอบในการพิจารณาแก้ไขปัญหาในขณะนี้ การที่เรามีบุคคลแบบนี้อยู่ แต่ไม่คิดที่จะใช้ความรู้ความสามารถของเขาเข้ามาช่วยประคับประคองสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเวลานี้เลย ผมเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากกว่า”โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ส.ส.ชัยภูมิ ในฐานะโฆษกพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกรณีที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมได้ร่วมวงหารือทีมไทยแลนด์ในการเจรจาภาษีสหรัฐที่บ้านพิษณุโลกเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าร.อ.ธรรมนัส เดิมทีเคยเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์และวันนี้พรรคกล้าธรรมก็ยังดูแลกระทรวงเกษตรฯอยู่ภายใต้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรฯและนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯซึ่งการทำงานของกระทรวงเกษตรฯที่ผ่านมาขับเคลื่อนพร้อมกับพรรคกล้าธรรมโดยเราได้มีการลงลึกไปถึงปัญหาของประชาชน ไปรับฟังปัญหาของเกษตรกรและคนรากหญ้าว่าที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดมีปัญหาอะไรบ้าง
นายอัครแสนคีรีกล่าวว่าที่ผ่านมาร.อ.ธรรมนัสเข้าใจเกษตรกรอย่างท่องแท้ทั้งเรื่องประมง ปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์การเกษตร ดังนั้นการที่ร.อ.ธรรมนัสไปให้ข้อมูลที่บ้านพิษณุโลก เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทีมไทยแลนด์ เพราะพรรคเราเข้าใจว่าเกษตรกรเดือดร้อนเรื่องอะไร ปวดหัวปวดใจกับอะไรบ้าง เราจึงจำเป็นต้องไปให้ข้อมูลกับทีมไทยแลนด์ ว่าอะไรที่เป็นตลาดที่เราไม่สามารถให้เปิดได้ หรืออะไรที่เปิดตลาดแล้วไม่กระทบเกษตรกร รวมถึงผู้เลี้ยงสัตว์ หรือผู้ประกอบกิจการประมง เราจำเป็นต้องให้ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อไม่ให้พวกเขาถูกทอดทิ้ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ร.อ.ธรรมนัสและนายอรรถกรต้องไปที่บ้านพิษณุโลก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศการเก็บภาษีครั้งล่าสุดผ่านจดหมายไปถึง นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและอีกฉบับไปยังประธานาธิบดี คลอเดีย เชนเบาม์ ผู้นำหญิงของเม็กซิโกซึ่งจดหมายทั้ง2ฉบับถูกโพสต์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ “ทรูธ โซเชียล”(Truth Social)ของเขาในวันเสาร์
ทั้งอียูและเม็กซิโก ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐต่างออกมาตอบโต้โดยเรียกการเก็บภาษีครั้งนี้ว่าไม่ยุติธรรมและสร้างความปั่นป่วน พร้อมให้คำมั่นว่าจะเจรจากับสหรัฐต่อไปเพื่อหาข้อตกลงการค้าที่กว้างขวางก่อนกำหนดเส้นตาย โดยประธานาธิบดีเชนเบาม์ กล่าวว่าเธอเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ จดหมายของทรัมป์ถึงอียูรวมถึงข้อเรียกร้องให้อียูยกเลิกภาษีของตนเองด้วย
โดยนายทรัมป์ระบุว่าสหภาพยุโรปจะต้องอนุญาตให้มีการเข้าถึงตลาดสหรัฐอย่างสมบูรณ์และเปิดกว้าง โดยไม่มีการเก็บภาษี เพื่อพยายามลดการขาดดุลทางการค้าจำนวนมาก
ขณะที่นางเดอร์ไลเอินประธานสหภาพยุโรป หรือ อียู กล่าวว่าภาษีร้อยละ30จะทำลายห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญในภูมิภาคแอตแลนติกส่งผลเสียต่อธุรกิจ ผู้บริโภคและผู้ป่วยทั้งสองฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก เธอยังกล่าวอีกว่า แม้อียูจะยังคงทำงานเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า แต่อียูจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของอียู รวมถึงการใช้มาตรการตอบโต้ตามสัดส่วนหากจำเป็น
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งจดหมายลักษณะเดียวกันไปยังประเทศคู่ค้าอีก23ประเทศในสัปดาห์นี้รวมถึงแคนาดา ญี่ปุ่น และบราซิล โดยหนดอัตราภาษีแบบเหมาตั้งแต่ร้อยละ 20 ถึง 50 รวมถึงภาษีร้อยละ 50 สำหรับทองแดงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม เปิดโอกาสให้ประเทศเป้าหมายมีเวลาเจรจาข้อตกลงเพื่อลดภาษีที่ขู่ไว้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนตั้งข้อสังเกตถึงรูปแบบของนายทรัมป์ที่มักจะยอมถอยหลังจากการขู่เรียกเก็บภาษี
นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา กล่าวถึง กรณีการเจรจากำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาที่ไทยได้รับ 36% โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ว่าเข้าใจว่าการเจรจายังไม่สำเร็จ เป็นเพียงการเจรจาครั้งแรก และข้อเสนอที่กระทรวงการคลังเสนอไปยังสหรัฐฯนั้น สหรัฐฯไม่ทันได้พิจารณา เพราะมีหนังสือจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งมายังไทยก่อน ดังนั้น หากสหรัฐฯได้พิจารณาข้อเสนอของฝ่ายไทยแล้วอาจทำให้มีผลต่อการพิจารณาปรับลดกำแพงภาษีมากขึ้น ส่วนจะลดลงได้เทียบเท่าเวียดนาม หรือมาเลเซียหรือไม่นั้นไม่ทราบได้ แต่อยากฝากให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสินค้าภาคเกษตรของไทยโดยเฉพาะความกังวลในการเปิดนำเข้าเนื้อโคและสุกรจากสหรัฐฯเพื่อแลกดีลภาษี เพราะต้นทุนของไทยในส่วนนี้แพงกว่าสหรัฐฯมาก อีกทั้งสินค้าเหล่านี้ของสหรัฐฯมีสารเพิ่มเนื้อแดงที่อาจเป็นพิษต่อผู้บริโภค ดังนั้น หากไทยไปแลกในสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทยแน่ และต้องพิจารณารอบคอบในเรื่องการต่อรองลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯ 0%เพราะไทยต่างจากเวียดนามที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯมากและไม่กระทบจนยอมเสนอเงื่อนไขภาษีนำเข้า 0% ให้สหรัฐฯ แต่คิดว่าคณะเจรจารับทราบดีถึงผลกระทบเหล่านี้ขอให้กำลังใจคณะเจรจาให้สามารถหยิบข้อต่อรองที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
“อีกด้านหนึ่งก็มีการมองว่าสหรัฐฯซึ่งเป็นต้นแบบการค้าเสรี แต่การออกมาตรการแบบนี้ออกมาเป็นการเลือกปฏิบัติ หรือไม่ ซึ่งสหรัฐฯก็เสื่อมเสียเองในเรื่องนี้อีกทั้ง 36% ที่ให้กับไทย สุดท้ายแล้วประชากรสหรัฐฯเองจะได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงมหาศาลขึ้นเอง ทั้งที่ไทยมีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯยาวนานกว่าทุกประเทศในเอเชีย สมัยผมเป็นนายกฯไปสหรัฐฯ เขาให้พักบ้านพักผู้นำสูงสุดนายกฯคนหลังๆไปยังขอต่อรองขอพักบ้านที่นายชวนเคยพัก เรามีความสัมพันธ์อันดีงามมาตลอด แต่ในด้านธุรกิจทุกประเทศปกป้องประโยชน์ตัวเอง” นายชวน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี