"ศาลรัฐธรรมนูญ"มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องฟัน"กกต."จัดเลือก สว.ไม่สุจริต-ปล่อย"ภูมิใจไทย"ครอบงำ ชี้การร้องไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับพิจารณาคดีที่ นางภัทรสุภางค์ เฉลิมนนท์ (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ซึ่งกล่าวอ้างว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.(ผู้ถูกร้องที่ 1) จัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 4) กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย(ผู้ถูกร้องที่ 5) สมาชิกสังกัดพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 6 ถึงผู้ถูกร้องที่ 16) ร่วมกันวางแผนครอบงำกระบวนการเลือก สว. โดยมิชอบไว้ตั้งแต่แรก เมื่อพบเห็นการกระทำที่มีเหตุอันควรสงสงสัยว่าการเลือกสว.มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เลขาธิการกกต. (ผู้ถูกร้องที่ 2) มิได้สั่งการให้ดำเนินการใดๆ ส่งผลให้สว.138 คน(ผู้ถกร้องที่ 3) ได้รับเลือกเป็นสว.ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 113 และมาตรา 224
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา โดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 จัดการเลือก สว.ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เนื่องจากละเลยต่อหน้าที่โดยปล่อยให้ผู้ถูกร้องที่ 4 ถึงผู้ถูกร้องที่ 16 ร่วมกันกระทำการครอบงำกระบวนการเลือกสว. ส่งผลให้ผู้ถูกร้องที่ 3 ได้รับเลือกเป็นสว.ไม่ชอบด้วยประ มวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 และมาตรา 224 ซึ่งการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรม นูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 46 และมาตรา 47 แม้ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประ กอบ หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ผู้ร้องอาจใช้สิทธิทางศาลอื่นได้ตามรัฐธรรม นูญ มาตรา 25 วรรคสาม
ส่วนกรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกสว.เป็นโมฆะนั้น เห็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. พ.ศ. 2561 กำหนดกระบวนการยื่นคำ ร้องคัดค้านต่อศาลฎีกาหรือกกต. ไว้แล้วตามมาตรา 44และมาตรา 64 เป็นกรณีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรม นูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้อง ดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี