งามไส้อีกแล้ว! ’พิเชษฐ์‘ กดแฮตทริคชิงปิดประชุมหนีเสี่ยงสภาฯล่ม หลัง ’พรรคส้ม‘ เปิดเกมป่วน สบช่องเห็นห้องประชุมบางตาเสนอขอนับ ’องค์ประชุม‘ เช็คความตั้งใจทำงาน ‘ผู้แทนฯฝั่งรัฐบาล’ ขณะที่ฟากรบ.โวยแหลกอ้างมีประชุมกมธ.-อนุฯเพียบ
วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.10 น. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยในช่วงท้ายของการพิจารณารับทราบรายงานของผู้สอบบัญชี และรายงานด้านการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่30ก.ย.2566 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จู่ๆนายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นเสนอขอนับองค์ประชุม เนื่องจากเห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตา จึงอยากจะเช็คความตั้งใจทำงานของ สส.พรรครัฐบาล ทำให้นายพิเชษฐ์ ถึงกับกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” ถึงสองรอบ และกล่าวว่า ขอให้วิปช่วยกันตามสมาชิกที่อยู่ตามห้องอนุกรรมาธิการ ห้องงบประมาณ พร้อมกดออดเรียกสมาชิกให้รีบเข้าห้องประชุม
ขณะที่สส.ฝั่งรัฐบาล อาทิ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นขอให้ประธานฯรอองค์ประชุมอีกสักเล็กน้อยเนื่องจากวันนี้(17ก.ค.) มีการประชุมกมธ.ฯพร้อมกันหลายห้อง ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลุกขึ้นขอนับองค์ประชุม เป็นความสวยงาม ถูกต้องของสมาชิก แต่ในสมัยที่แล้วเราเคยอยู่ฝ่ายค้านด้วยกัน ในการพิจารณารายงานการประชุมประจำปีของหน่วยงานต่างๆ เราอยากจะให้ผ่านไปทุกหน่วยงาน เพราะจะได้ไม่ต้องมีเรื่องค้างสภาฯ แล้วต้องมาเพิ่มวันประชุม เราจะนิยมนับองค์ประชุมเฉพาะวันพุธ เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ที่มความจำเป็นจะต้องตรวจสอบรายละเอียด ขณะเดียวกันกมธ.งบประมาณฯกำลังประชุมอยู่ มีเรื่องเยอะมาก แล้วมาเรียกนับองค์ประชุม เกิดใครเสนอญัตติขึ้นมาอีกว่าขอนับองค์ประชุมเป็นรายบุคคล ก็จะไปถึงค่ำ ขอร้องสมาชิกว่าเดือนนี้อย่านับเลย ค่อยไปนับเดือนหน้า ให้ประชุมกมธ.งบประมาณเสร็จก่อน แล้วจะนับก็นับเลย
ด้านนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ลุกขึ้นกล่าวว่า การขอนับองค์ประชุมสมัยที่แล้วในการประชุมวันพฤหัส นายพิเชษฐ์ขอนับบ่อยที่สุดเลย หวังว่านายพิเชษฐ์ ประธานที่ประชุมคงเข้าใจฝ่ายค้านดี ขณะที่นายวัชรพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ จะได้รู้ว่าสส.คนใดมาทำงานหรือไม่มาทำงานบ้าง
จากนั้นนายพิเชษฐ์ ได้แจ้งให้ตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อที่จะได้โหวตว่าจะนับองค์ประชุมแบบเสียบบัตรหรือขานชื่อ โดยได้พยายามกดออดเรียกสมาชิกให้เข้าห้องประชุมอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เดินทางมาชี้แจงกมธ.ในสภาฯจากต่างจังหวัด พอมีการนับองค์ประชุมเขาก่นด่ากัน แทนที่ข้าราชการที่เขามาชี้แจงจะได้รีบชี้แจงแล้วจะได้ซักถามเนื้อหาสาระ แต่ต้องวิ่งขึ้นงิ่งลง มันคืออะไร ขอถามหน่อย อยากเป็นสส.หรือเปล่า นับก็นับได้ ปต่ตนสงสารข้าราชการที่มานั่งรอคอย นี่คือประชาธิปไตยก็โอเค ประชาธิปไตยมีหน้าที่ในการนับองค์ประชุมหรือ ขอให้ประชาชนได้รู้เลยว่านี่คือวิธีการของพรรคฝ่ายค้านที่ไม่สร้างสรรค์
จากนั้นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ได้ถกเถียงกันเรื่องการนับองค์ประชุมกันไปมา ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะสส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เสนอว่า ตามข้อบังคับการประชุมอำนาจการกำหนดวิธีตรวจสอบองค์ประชุม เป็นหน้าที่ของประธานที่ประชุมไม่จำเป็นต้องมาโหวตว่าจะใช้วิธีการใด ทำให้นายพิเชษฐ์ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมแจ้งว่า เราก็อะลุ่มอล่วยกัน และพยายามไม่ให้ขัดแย้งกัน ถ้าเรานับแบบขานชื่อ สส.บางจังหวัดต้องนอนค้างอีก 1 คืน เพราะเราจะใช้เวลาเยอะมาก ดังนั้น ขอให้คณะกรรมาธิการงบประมาณ และอนุกรรมาธิการทั้งหลายตอบข้อซักถาม และไปประชุมกับข้าราชการที่มาชี้แจง วันนี้จึงขอปิดการประชุม ก่อนจะปิดประชุมในเวลา 15.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เปิดสมัยประชุมสภาฯสมัยสามัญ ตั้งแต่เมื่อวันที่3ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้(17ก.ค.) ได้เกิดเหตุฝ่ายค้านลุกขึ้นเสนอขอนับองค์ประชุม และนายพิเชษฐ์ ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ชิงปิดประชุม เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงองค์ประชุมสภาฯล่มไปแล้วถึง 3 ครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี