แม้จะเคยประกาศวางมือจากเวทีการเมืองไปแล้ว แต่สุดท้ายชื่อของ “ดร.วิษณุ เครืองาม” ก็ยังกลับมาปรากฏอยู่ข้างเวทีอำนาจอีกครั้ง
เส้นทางชีวิต สู่ “เนติบริกร”
ชายผู้มากด้วยถ้อยคำคมคายและความสามารถด้านกฎหมายที่หาใครเทียบได้ เกิดที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เริ่มต้นจากครอบครัวชาวใต้ธรรมดาแต่มุ่งมั่นด้านการศึกษา เขาเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนได้เกียรตินิยม และไปศึกษาต่อที่ UC Berkeley ประเทศสหรัฐอเมริกา
เขาเริ่มต้นจากอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนนิติศาสตร์ที่รามคำแหง ธรรมศาสตร์ และจุฬาฯ ก่อนเข้าสู่ระบบราชการอย่างเต็มตัวในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และไต่เต้าสู่ตำแหน่ง “เลขาธิการ ครม.” ในยุค พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนจะถูกทาบทามให้รับตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” ฝ่ายกฎหมายในรัฐบาลทักษิณ
ตั้งแต่วันนั้น ชื่อของ “วิษณุ เครืองาม” ก็แทบไม่เคยห่างหายจากระบบนิเวศการเมืองไทยอีกเลย
เนติบริกร - บิดาแห่งการยกเว้น
ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เขาถูกเรียกด้วยหลากหลายฉายา ไม่ว่าจะเป็น “เนติบริกร” “เครื่องซักผ้า” หรือแม้แต่ “บิดาแห่งการยกเว้น” จากนักวิจารณ์การเมือง
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธ คือ ความรู้ด้านกฎหมายมหาชน รัฐธรรมนูญ และการบริหารราชการแผ่นดินที่เขามีอยู่เต็มเปี่ยม ยามใดที่รัฐบาล หรือ ผู้นำประเทศ อยู่ในสถานการณ์ “เข้าตาจน” ทางกฎหมาย ยามนั้น ชื่อของ ดร.วิษณุ จะเป็นแสงแห่งความหวังทีจะฉายไปสู่ทางออกได้ตลอด
ในวันที่การเมืองขัดแย้ง เขามักจะโผล่มาเป็น “คนกลางทางกฎหมาย” ที่รัฐบาลหรือคณะรัฐประหารเรียกใช้เสมอ
จากรัฐบาลทักษิณ มาสู่รัฐบาลสุรยุทธ์ ไปจนถึงประยุทธ์ และล่าสุดกับ เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร
ปัญหาสุขภาพ...ไม่อาจสกัดการคืนเวที
แม้สุขภาพจะเริ่มโรยรา - ไตวาย ต้องฟอกไตวันละ 10 ชั่วโมง บ้านก็ต้องดูแล งานวิชาการก็ยังมี
แต่เขาก็ยืนยันว่า “หากชาติบ้านเมืองต้องการ ก็พร้อมช่วย”
เสียงนั้นสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหายไป แม้อายุล่วงเข้าสู่วัย 70 กว่า
นั่นจึงทำให้เมื่อเกิดปัญหาทางกฎหมายขึ้นในรัฐบาลเศรษฐา โดยเฉพาะเรื่อง การแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน ที่ถูกร้องว่าขาดคุณสมบัติ และคดีไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้กลับมาในฐานะ “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” อีกครั้ง - แบบไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่ต้องมีตำแหน่งทางการเมือง เพียงแต่ชื่อของเขา ก็พอแล้วสำหรับคำว่า “น่าเชื่อถือ”
ความสัมพันธ์กับทักษิณ :
วิษณุ เครืองาม เคยร่วมรัฐบาลกับทักษิณในยุครุ่งเรือง ได้เห็นการเปลี่ยนผ่านของประชานิยม และรู้จักทั้งพลังและจุดอ่อนของอดีตนายกฯ คนนี้เป็นอย่างดี
เมื่อทักษิณกลับมาไทยใน เดือนสิงหาคมปี 2566 เขาทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเป็นผู้ที่เข้าไปเยี่ยมนายทักษิณในวันแรกที่ถูกส่งตัวเข้ารือนจำ และคืนนั้นทักษิณ ก็ถูกส่งตัวไปรักษาแบบฉูกเฉิน ที่ รพ.ตำรวจ และอยู่ที่นั่นอีก 180 วัน ก่อนได้รับการพักโทษ
จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งหมดคือขบวนการช่วยเหลือให้นายทักษิณไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ และนำไปสู่การร้องต่อศาล กระทั่งศาลเปิดไต่สวนผู้เกี่ยวข้องอยู่ในขณะนี้
ล่าสุด ดร.วิษณุ มีชื่อเป็น “พยานฝ่ายจำเลย” ให้ทักษิณในคดี ม.112
คำถามง่ายๆ ที่หลายคนถาม ก็คือ ว่า เหตุใด ดร.วิษณุ ในวัย 74 ปี ซึ่งชีวิตมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้ง ฐานะ ชื่อเสียง เกียรติยศ ทำไมจึงต้อง ทำไมจึงต้องยอมเปลืองตัว ทรมานสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ไปข้องเกี่ยวพัวพัน กับ คนที่สังคมชี้ว่า เป็น พวกสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ และนำพาประเทศตกต่ำแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นในขณะนี้
คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ มีคนเดียว ก็คือ ดร.วิษณุ เครืองาม เองนั่นแหละ!!
- ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี