ชุมนุมใหญ่27ก.ค.  ‘รวมพลังแผ่นดิน’นัดอนุสาวรีย์ชัย  ปลุกคนไทยร่วมปกป้องอธิปไตย

ชุมนุมใหญ่27ก.ค. ‘รวมพลังแผ่นดิน’นัดอนุสาวรีย์ชัย ปลุกคนไทยร่วมปกป้องอธิปไตย

วันศุกร์ ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

สภาฯป่วน! “เพื่อไทย”เสนอเปลี่ยนวาระเลือก “รองปธ.สภาฯคนที่ 2” ฝ่ายค้านขวางวุ่น สุดท้าย “เพื่อไทย”เสนอ “ฉลาด ขามช่วง” ไร้คู่แข่ง นั่ง“รองปธ.สภาฯ คนที่ 2” เจ้าตัวพร้อมทำหน้าที่สุดความสามารถ “วันนอร์” ยินดี “หวังว่าจะฉลาดทั้งสภา” ด้าน “ชาดา” ชื่นชมทุกพรรคไม่มีส่งแข่ง ศาลรธน.เริ่มแล้ว!ไต่สวนคดี “พิเชษฐ์” รองปธ.สภาฯ แปรงบ’69 ลงพื้นที่ตัวเอง ส่อขัดรธน.ม.144 เรียกพยาน 9 ปากแจงศาลนัดชี้ชะตา 1 สิงหาคมนี้

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่ระเบียบวาระกระทู้ถามในประเด็นต่างๆนายวัชรพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นเสนอญัตติขอเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระโดยให้นำเรื่องอื่นๆคือการลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่สอง ขึ้นมาก่อนการถามกระทู้สด


ฝ่ายค้านขวางเลื่อนเลือกรองปธ.

โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) เห็นแย้งและเสนอให้เป็นไปตามระเบียบวาระ

นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่าตามข้อบังคับเมื่อมีคนเห็นเป็นอย่างอื่นต้องมีการลงมติตัดสินและได้เรียก สส.เข้าห้องประชุมเพื่อตรวจสอบองค์ประชุมหลังจากที่ใช้เวลาตรวจสอบองค์ประชุมได้ระยะหนึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ได้แจ้งองค์ประชุมคือ252คน และมีผู้แสดงตนด้วยวาจารวม 3คน ถือว่ามีผู้แสดงตน 255 คน และเกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม

มติสภาไฟเขียวเลือกรองปธ.สภา

จากนั้นได้ให้ลงคะแนนเพื่อตัดสินว่าจะเลื่อนระเบียบวาระหรือไม่ซึ่งใช้เวลาให้ สส.ออกเสียงเพียง 2 นาที ก่อนเปิดการออกเสียงซึ่งทำให้สส.ฝ่ายค้านหลายคนลงคะแนนไม่ทันและใช้ขอให้บันทึกการลงคะแนนเอาไว้ในบันทึกการประชุม นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทยเสนอให้ลงมติใหม่เพราะมีสส.หลายคนเพิ่งเดินเข้ามาในที่ประชุมและมองว่าทำได้เพราะนายวันมูหะมัดนอร์ไม่ได้ขานคะแนน

อย่างไรก็ดี นายวันมูหะมัดนอร์ได้วินิจฉัยว่าจะให้ลงคะแนนใหม่โดยเริ่มจากการนับองค์ประชุมแต่ถูกทักท้วงจากวิปรัฐบาลทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ได้ใช้จังหวะขานคะแนนว่ามีผู้เห็นด้วยกับการเปลี่ยนระเบียบวาระ 246 เสียง ไม่เห็นด้วย 47 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง

‘ฉลาด’ผงาดรองปธ.สภาฯไร้คู่แข่ง

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ได้ตัดบทเข้าสู่กระบวนการเลือกรองประธานสภาฯคนที่ 2ทันที โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 2ซึ่งมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า20 คน ทั้งนี้พบว่ามีการเสนอชื่อนายฉลาด เพียงชื่อเดียวซึ่งตามข้อบังคับการประชุมทำให้ไม่ต้องมีการลงมติ และถือว่านายฉลาดได้รับเลือกและให้แสดงวิสัยทัศน์ต่อการทำหน้าที่ ลั่นทำหน้าที่จนสุดความสามารถ

โดยนายฉลาด ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 แสดงวิสัยทัศน์ว่าขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่เสนอชื่อตนให้ไปทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 และความจริงการเลือกประธานสภาฯและรองประธานสภาฯรอบแรกเสร็จสิ้นแล้ว แต่เนื่องจากรองประธานสภาฯ คนที่ 2 คือนายภราดร ได้ลาออกจากตำแหน่งด้วยวิถีทางทางการเมือง สภาจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกรองประธานสภาฯ คนที่2ให้ครบเพื่อมาทำหน้าที่ช่วยประธานสภาฯและฝ่ายบริหารในสภาผู้แทนราษฎร

นายฉลาด กล่าวว่าวันนี้เป็นโอกาสหนึ่งที่สภาฯ ของพวกเราจะทำหน้าที่เลือกรองประธานสภาฯคนที่ 2 ตนต้องขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่เสนอชื่อตนเพียงคนเดียว ทั้งนี้ตนจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือประธานสภาฯ ทำหน้าที่ทั้งในสภาและนอกสภา ที่สำคัญจะทำตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่คำนึงถึงว่ามาจากพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนของเพื่อนสมาชิกทุกคน 500 คน จะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสภา รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และจะสร้างสภาให้เป็นสภาน่าอยู่ ไม่เป็นสภาที่น่าเบื่อ เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนและเป็นที่ต้องการของเพื่อนสมาชิก มาแล้ว กลับไปแล้ว อยากมาอีก นั่นคือจะสร้างสภาให้มีชีวิตชีวา และขอยืนยันกับประธานและเพื่อนสมาชิกว่าตนจะทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2จนสุดความสามารถ

ยินดีหวังสภาคงจะฉลาดทั้งสภา

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่าเนื่องจากมีผู้สมัครเพียงคนเดียวคือนายฉลาด ขามช่วง และได้แสดงวิสัยทัศน์เรียบร้อยแล้วก็ถือว่านายฉลาดได้รับเรื่องจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่2“ผมขอแสดงความยินดีด้วยเราได้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ชื่อฉลาดแล้วแล้ว หวังว่าสภาเราคงจะฉลาดทั้งสภา” เมื่อนายวันมูหะมัดนอร์พูดจบได้มีเสียงหัวเราะดังก้องสภาฯ

ร่วมชื่นชมฉลาดน่งรองฯสอง

ขณะที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยกล่าวขอแสดงความยินดีกับนายฉลาดที่ได้รับเลือกให้ให้ไปรองประธานสภาฯคนที่2และขอชื่นชมทุกพรรคการเมืองในสภาแห่งนี้ที่ไม่มีการเสนอชื่อแข่ง เพราะตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ต้องเป็นตำแหน่งของฝ่ายรัฐบาล หากฝ่ายค้านเสนอแล้วได้ ยุ่งตายห่าเลย ถือว่าการไม่แข่งขันแม้จะแพ้หรือไม่ก็ตาม อยากให้เป็นประเพณีและวัฒนธรรมในด้านดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 บรรดาสส.พรรคพท.ต่างพากันมาแสดงความยินดีกับนายฉลาด เช่นเดียวกับนายชาดา และยังมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.)ได้มาร่วมจับมือแสดงความยินดีกับนายฉลาดด้วย

ศาลรธน.ไต่สวนคดี‘พิเชษฐ์’แปรงบ’69

เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวน คดีที่ นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.พรรคประชาชน (ปชน.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 121 คน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรง และทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และในกรณีที่สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง3โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง

เรียกพยานไต่สวนทั้งสิ้น 9 ปาก

การไต่สวนวันนี้ ศาลฯอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณี ผู้เกี่ยวข้องและบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตเท่านั้น เข้าร่วมรับฟังการไต่สวนและงดการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียงในระหว่างการไต่สวน ซึ่งพยานที่เข้าไต่สวนมีทั้งสิ้น 9 ปากประกอบด้วย นายภัณฑิล ผู้ร้อง,นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง,นายจิรพงศ์วัฒนรัตน์ ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของผู้ถูกร้อง,ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,นายกุลพล วัชรกาฬ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย,นายวรพงษ์ แพรม่วง วิทยากรชำนาญการ สำนักงานสภาผู้แทนราษฎร,นายธีรพงษ์ เอื้อพอพล ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1,นายนาถะ ดวงวิชัย ผู้อำนวยการสำนักประธานสภาผู้แทนราษฎรและนางวรรณฤทัย สงวนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สภาผู้แทนราษฎร

ลุ้นระทึกศาลฯนัดชี้ชะตา 1ส.ค.นี้

คดีนี้เป็นการร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ศาลฯ จึงต้องเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลมีมติรับความเห็นของผู้ร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

โดยก่อนหน้านี้ศาลได้ให้นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในวันที่ 21ก.ค.และให้หน่วยงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันพุธที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการไต่สวนในวันนี้ และได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ และลงมติคดีนี้ในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.68 เวลา09.30น.และนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยในเวลา15.00 น.ของวันเดียวกัน

กกต.ยื่นศาลฎีกาถอนสิทธิลต.’หมอเกศ”

มีรายงานว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ไปยื่นคำฟ้องต่อศาลฎีกาขอให้พิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 ประกอบมาตรา77(4) และรัฐธรรม นูญมาตรา 226 กรณีใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ในการยื่นสมัครและแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาแล้ว โดยกรณีดังกล่าว กกต.มีมติตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 และใช้เวลาเกือบ 3 เดือนจึงจะจัดทำคำวินิจฉัยแล้วเสร็จ และเผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าและประสิทธิภาพในการทำงานนั้น

หากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาวินิจฉัยนางสาวเกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และหากศาลมีคำพิพากษายืนตามที่กกต.เสนอ จะมีโทษตาม มาตรา77 ที่บัญญัติว่าผู้ใดกระทำการ(4) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้บุคคลอื่น เข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อจูง ใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือก เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทำการใดๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นหมดสิทธิ ที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด20 ปี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top