9 ก.ย.นัดชี้ชะตา จำคุกทักษิณ ถูกกม.หรือไม่ วิษณุ เครืองาม เบิกความปากสุดท้าย ทนายพอใจ ส่วนชาญชัย ตามจิกไม่ปล่อย
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลฏีกา ถนนราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนพยานครั้งาดท้ายคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 7
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ กล่าวว่า การไต่สวนนัดสุดท้ายนั้นไม่หนักใจ และเชื่อว่า ศาลจะดูข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่สุดท้ายก็อยู่ที่มุมมอง ส่วนตนก็ได้ย้ำกับสังคมหลายครั้งว่า ไม่มีใครปรารถนาที่อยากจะเป็นคนป่วย แต่เมื่อเป็นแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาการป่วย ไม่ว่าเป็นแพทย์หรือหน่วยงานใดก็ตาม ที่คุ้มครองดูแลก็ต้องดำเนินการให้ดีที่สุด โดยสารก็เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ ต้องให้ความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ซึ่งเชื่อว่า อีกไม่นานก็จะได้รู้ความจริงหลังจากศาลไต่สวน และก็จะทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องที่หลายคนนั้นสงสัย
เมื่อถามว่ามีอะไรที่เป็นน้ำหนักมากพอให้กับตัวนายทักษิณชนะคดีหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องการชนะคดีหรือไม่ แต่ตนมองเรื่องที่จะทำให้ประเด็นนี้มีความชัดเจนมากขึ้นมากกว่าคือเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณ ส่วนจะเป็นหลักฐานส่วนใดนั้นตนไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าศาลให้น้ำหนักเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งศาลก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองคือการทำให้ความจริงทุกอย่างของเรื่องนี้ปรากฎออกมา ส่วนเรื่องที่บางกลุ่มออกมาตั้งข้อสังเกต จับผิด เกี่ยวกับเรื่องนี้ตนไม่หนักใจอะไรเพราะสังคมประเทศไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย ย่อมแสดงความคิดเห็นต่างกันได้อยู่แล้ว
นานวิญญัติ กล่าวว่า ศ.ดร.วิษณุถือเป็นพยานปากสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ความชัดเจนในหลายเรื่อง เพราะในขณะนั้นศ.ดร. วิษณุเป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงรู้ข้อเท็จจริงกระบวนการทุกขั้นตอน จึงเข้าไปกราบเรียนขอความกรุณาว่า มีสิ่งใดที่จะเข้ามาให้ข้อเท็จจริงกับศาลได้หรือไม่ เนื่องจากพยานฝ่ายจำเลยที่มีการยื่นกับศาลไป เป็นพยานที่ศาลนั้นเรียกมาไต่สวนแล้ว แต่ศ.ดร.วิษณุศาลไม่ได้เรียกมาไต่สวน ซึ่งภายหลังการพูดคุย ศ.ดร.วิษณุก็เมตตามาเป็นพยานให้
นายวิษณุ เบิกความในฐานะพยานฝ่ายจำเลยสรุปว่า ก่อนที่นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยก่อนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ตนได้รับข้อมูลหลายครั้ง ทั้งจากสื่อมวลชน และบุคคลทั่วไป ซึ่งทำให้มีการเตรียมพร้อมเก้อ หลายครั้งจนกระทั่งได้รับการยืนยันจากนายตำรวจระดับสูงและนักข่าวสถานทูต จากนั้นจึงได้มีการประชุมกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเพื่อเตรียมพร้อมในการรับตัว เพราะจำเลยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีถือเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองของประเทศไทย น่าจะมีศัตรูและน่าจะมีการเจ็บป่วยเนื่องจากสูงอายุ โดยตน ได้เดินทางไปพิจารณาสถานที่กักขังของนักโทษหลายราย อาทิ นายวิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ฯ นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาธนาคาร กรุงเทพพาณิชย์การฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจแต่ไม่ได้เตรียม
สำหรับการย้ายตัวนายทักษิณ ไปรักษาพยาบาลนอกทัณฑสถานมีการหารือว่าหากมีการเจ็บป่วยจะต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใดซึ่งเบื้องต้นตให้เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลแต่หากมีอาการป่วยจำเพาะที่ต้องการหมอเฉพาะทางให้พิจารณาตามโรงพยาบาลที่มีข้อตกลงร่วม (MOU)
ทั้งนี้ ได้พบนายทักษิณที่สถานพยาบาล ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพซึ่งได้เข้าไปพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้พูดคุยกับนายทักษิณนานราว 20 นาที ซึ่งขณะนั้นยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงการพักโทษหรือการย้ายตัวคุมขัง แต่ทางจำเลยสอบถามตนเองเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งต่อมานายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เรื่องไม่ผ่านมาที่ตนในฐานะรักษาราชการแทนรมว.ยุติธรรม
นอกจากนี้ยังได้พูดถึงปัญหาสุขภาพของนายทักษิณ และการออกกำลังกายในครั้งที่อยู่ต่างประเทศ โดยตนเองได้ให้คำแนะนำว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆตามกฎหมาย อยากให้นายทักษิณได้บวชซึ่งนายทักษิณแจ้งว่ามีปัญหาส่วนตัวไม่สะดวกที่จะบวช
ส่วนในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 22 สิงหาคม 66 ที่มีการส่งตัวนายทักษิณเข้ารักษาตัวด่วนที่ รพ.ตำรวจ ตนได้รับแจ้งจากปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตนได้สอบถามว่าย้ายตัวไปโรงพยาบาลใด ปลัดฯยุติธรรม แจ้งว่าเป็นรพตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านายทักษิณระบุว่าต้องการไปรักษาตัวที่ รพ.ย่านพระราม 9 ซึ่งตามระเบียบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พยานเบิกความเรื่องอื่นๆแล้วเสร็จ พร้อมส่งเอกสารประกอบการไต่สวนให้ศาลพิจารณา
ศาลจึงนัดฟังคำสั่งการบังคับโทษคดีนี้ว่าเป็นไปตามกฎหมายโดยชอบหรือไม่ วันที่ 9 กันยายน นี้ เวลา 10.00 น. ให้ออกหมายเรียกผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน และนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย มาฟังคำสั่งด้วย เหตุที่ฟังคำสั่งนานหลังไต่สวนเสร็จ เนื่องจากมีเอกสารในคดีจำนวนมาก
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนว่าวันนี้เป็นการไต่สวนที่ทำให้มีความสมบูรณ์ในหลายส่วนมากขึ้น จากการไต่สวนช่วงแรกที่เป็นหน่วยงานราชการและแพทยสภา ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องที่ตัวแทนจากแพทยสภาไม่ใช่ผู้ที่รักษาตัวนายทักษิณโดยตรง ดุลยพินิจต่าง ๆ จึงเป็นไปตามข้อบังคับของแพทย์อยู่แล้ว ซึ่งในวันนี้การที่ศาลออกหมายเรียกนายวิษณุ เครืองามเข้ามาไต่สวนจึงได้ความชัดเจนถึงกระบวนการเตรียมการหลังจากการกลับจากต่างประเทศของนายทักษิณ เนื่องจากเป็นบุคคลสำคัญซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายวิญญัติ กล่าวยืนยันว่าไม่มีการเตรียมการที่จะส่งตัวนายทักษิณออกไปรักษาภายนอกอยู่แล้วแต่การที่ส่งตัวออกไปเป็นเรื่องกระทันหันจึงต้องส่งตัวออกไปรักษายังโรงพยาภายนอก แม้นายทักษิณจะเลือกรักษายังโรงพยาบาลเอกชนแต่ก็ไม่สามารถทำได้
เมื่อถามว่าการไต่สวนพยานของจำเลยมีทั้งหมดกี่ปาก นายวิญญัติ กล่าวว่า ในตอนแรกตนและทีมทนายความได้เตรียมพยานไว้ทั้งหมดหลายปาก แต่ก็คัดจนเหลือ 3 ปาก ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นพยานที่ศาลต้องออกหมายเรียกแล้วคืออดีตแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจและแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจคนปัจจุบัน จึงเหลือพยานแค่ 1 ปากคือนายวิษณุ เครืองาม
เมื่อถามว่า ศาลออกหมายเรียกผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเข้ามาฟังคำสั่งวันที่ 9 กันยายนมีนัยยะอะไรสำคัญหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ไม่มีนัยยะสำคัญอะไรแน่นอน เพราะเป็นเรื่องกระบวนการไต่สวนบังคับโทษอยู่แล้วคือกรมราชทัณฑ์ ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำฯเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ศาลจึงออกหมายเรียกให้เข้ามาฟังคำสั่ง
เมื่อถามว่าคดีนี้จะมีปรากฏการณ์อะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบ้าง นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตุว่า การไต่สวนการบังคับโทษแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนในสังคมจะต้องจับตามองการฟังคำสั่ง และตนมองว่าต้องมาดูกันอีกครั้ง และตนและทีมทนายความก็ได้ยื่นหลักฐานความจริงต่อศาลทั้งหมดแล้ว
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย มีเรื่องที่ศาลสนใจคือเรื่องกฎหมายว่า กรมราชทัณฑ์ดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งนายวิษณุ พยานจำเลยเบิกความประเด็นที่มีการปรึกษาหารือในการรับตัวนายทักษิณกลับมารับโทษที่เมืองไทย กับปลัดฯยุติธรรม ว่าถ้าหากนายทักษิณมีอาการป่วยจะต้องดูแลอย่างไร ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตุว่านายทักษิณเป็นจำเลยในคดีทุจริต แต่กลับดูแลแบบนักโทษพิเศษเหมือนเป็นบุคคลสำคัญได้อย่างไร ที่ผ่านมาศาลได้ให้โอกาสให้ทุกฝ่ายชี้แจงข้อเท็จจริง คดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างคดีประวัติศาสตร์ ซึ่งนายวิษณุเบิกความเสร็จแล้ว ทั้งหมดจะเป็นดุลยพินิจของศาล หลังจากนั้นตนจะตรวจสอบประเด็นที่ตนได้ร้องต่อศาล 1.ป่วยจริงหรือไม่ 2.มีใครเกี่ยวข้องบ้าง 3.คำให้การทั้งหมดมีข้อเท็จจริงอย่างไร.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี