ทบ.พา‘ผช.ทูตทหาร’23ปท.ลุยชายแดน
รพ.พังยับ20แห่ง
เขมรไร้มนุษยธรรม-ใส่ไม่ยั้ง
พุ่งเป้าสังหารโจมตีปชช.
ทอ.โต้จรวดMKไม่ใช่ของไทย
“บิ๊กเล็ก” ลั่นมีมนุษยธรรม ไม่ลดตัวทำเหมือนเขมรแจงดูแลทหารเขมรอย่างดีโต้ “ฮุน มาเนต” ระบุ มีบันทึกสอบปากคำ ไม่ได้โดนลักพาตัว แต่ทั้งหมดลอบเข้าไทยหลังบันทึกหยุดยิง บอก ช้าแต่ได้ผลแน่ ยัน คุมปราสาทตาควายได้ วอนสื่อโชว์ศักยภาพโต้ข่าวเขมร ทบ.ขนทูต-ทูตทหาร-สื่อตปท.ดูพื้นที่ถูกกัมพูชาโจมตีอาวุธหนักทั้งชุมชนโรงเรียน โดยเฉพาะรพ. 1 ส.ค. มั่นใจเกิดผลประจักษ์มากกว่าว่าใครละเมิดโจมตีพลเรือนลั่นไม่ประมาทแม้สถานการณ์ชายแดนสงบ สั่งกำลังพลเตรียมพร้อมตลอด เปิดกำหนดการ! คณะทูต 23 ชาติ ลงพื้นที่ได้รับความเสียหาย เหตุทหารกัมพูชาโจมตีพลเรือนไทย
วันที่ 31 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบ.ทก.ถึงกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีการปะทะว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่การที่เขาพาทูตทหารเข้าพื้นที่หากยังมีการยิงกันอีกประชาคมโลกคงรับไม่ได้
ยังไม่ประมาทเขมรสั่งกำลังพลเตรียมพร้อม
ผู้สื่อข่าวถามว่า เราไว้ใจเขาได้แค่ไหน พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไว้ใจได้ประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่ประมาท คืนที่ผ่านมาได้เน้นย้ำกองกำลังที่อยู่ตามชายแดนไม่ให้ประมาทจนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนแน่นอน
ถามถึงกรณีกัมพูชาพาทูตทหารลงพื้นที่บริเวณช่องอานม้า ไทยมีแผนจะพาทูตทหารลงพื้นที่บ้างหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า มอบหมายให้กองทัพบกเร่งดำเนินการ แต่ผู้ช่วยทูตทหารบางประเทศยังไม่พร้อม เราอยากให้ไปพร้อมกัน ประกอบกับเราต้องมั่นใจว่า กัมพูชาเขาหยุดยิงจริงๆ การที่เขาพาผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่เขาคงไม่กล้าที่จะยิงแล้วเราถึงได้คิดที่จะพาผู้ช่วยทูตทหารเข้าไป เพราะการที่จะพาไปทุกคนต้องปลอดภัย เรารับประกันได้ว่าไม่ละเมิดการหยุดยิง แต่ไม่มั่นใจว่าเขาจะละเมิดหรือไม่ หากเราพาเข้าไปแล้วเกิดการยิงขึ้นมา เราต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย โดยเรามีแผนจะนำทูตทหารลงพื้นที่ในวันที่ 1 สิงหาคม เบื้องต้นมีมากกว่า 15 ประเทศ
เมื่อถามว่า การที่กัมพูชาพาทูตทหารลงพื้นที่ก่อนเรา ทำให้เราเสียเปรียบในเรื่องการสื่อสารต่อประชาคมโลกหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าไม่เสียเปรียบ ข้อเท็จจริงมีอยู่ และแม้ว่าเรายังไม่พาทูตทหารลงพื้นที่ แต่เราได้แถลงข่าวการละเมิดการหยุดยิงของกัมพูชา ส่งข้อมูลให้ทูตทหารประเทศต่างๆ ที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งแม้ทูตทหารบางประเทศในกัมพูชาได้ลงพื้นที่ไป แต่ก็จะมีข้อมูลทูตทหารที่อยู่ในประเทศไทยส่งกลับไปประเทศนั้นๆ ด้วย เขาก็ต้องพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลว่าจะเชื่ออันไหน
พร้อมปรับปรุงการสื่อสารของศบ.ทก.
พล.อ.ณัฐพลยังกล่าวถึงการสื่อสารของศบ.ทก.ว่า ตนรับข้อตำหนิในส่วนที่ยังมีข้อบกพร่อง วันนี้ (31 ก.ค.) ในที่ประชุม ศบ.ทก. จะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ข้อมูลไปถึงประชาชนอย่างบูรณาการ ยอมรับตนเป็นห่วงเรื่องการสื่อสาร ข้อมูลที่สื่อติติงมายินดีรับฟัง ขอเพียงอย่างเดียวอย่าช่วยกัมพูชาโจมตีหน่วยงานที่กำลังทำงานอยู่ ตนเตรียมใจไว้แล้วว่ามาอยู่ตรงนี้ต้องเจอเสียงท้วงติง แต่น้องๆ ที่เป็นข้าราชการประจำอาจไม่คุ้นเคย เกรงจะเสียกำลัง ตนจึงต้องขอกำลังใจจากสื่อมวลชนด้วย ตนมีความคิดจะให้มีการชี้แจงเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน และยืนยัน ศบ.ทก.เป็นกลไกลของรัฐบาล ที่โซเชียลมีเดียโจมตีว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ความจริงคือเราทำอยู่
วอนสื่อโชว์ศักยภาพโต้ข่าวเขมร
ถามว่าในส่วนปราสาทตาควายกัมพูชาได้ยึดคืนไปหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ทางหน่วยบอกว่าควบคุมได้ ตนก็ต้องฟังหน่วยที่รายงานเข้ามา ตอนนี้ข่าวที่ออกกันมาบิดเบือนไปมาตลอด และเช้าวันเดียวกันนี้ ตนได้รับข่าวที่ดีที่นักกีฬากอล์ฟมือต้นๆ ลำดับโลกของไทย โพสต์ข้อความช่วยกองทัพ ทำให้รู้สึกมีกำลังใจว่าไม่ใช่แค่กองทัพ แต่ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วย จึงขอเชิญชวนสื่อมวลชนแสดงความสามารถว่า สื่อมวลชนสามารถตอบโต้กัมพูชาได้ ขอร้องกับสื่อว่าสามารถหาข่าวได้เร็ว ไปถามคนไม่เกี่ยวข้องแล้วมาตำหนิกองทัพตนไม่ว่า แต่เมื่อสื่อได้ข้อมูลจากตน ขอให้เอาข้อเท็จจริงไปชี้แจงตอบโต้ด้วย ทหารไม่ได้ถูกฝึกมาให้ตอบโต้ข่าว สื่อมวลชนมีความสามารถ จึงขอให้แสดงขีดความสามารถให้ประชาชนได้เห็นว่าสามารถตอบโต้กัมพูชาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยตนยินดีที่จะสนับสนุนข้อมูลข้อเท็จจริง
โต้ลักพาตัว18ทหารเขมร
ส่วนกรณีฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาประสานขอตัวทหารกัมพูชาที่อยู่ในการดูแลของไทย พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เราดูแลอย่างดี ให้อาบน้ำ แปรงฟัน หาอาหารให้กิน ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บเรารักษา ข้อเท็จจริงเราเตรียมส่งตัวกลับ แต่พอเขมรมาบอกว่าเราลักพาตัว จึงต้องป้องกันตัวเองโดยสอบถามทหารเหล่านั้นและบันทึกปากคำเอาไว้ว่า การถูกควบคุมตัวไม่ได้เกิดจากการลักพาตัว แต่เป็นการควบคุมตัว ซึ่งวิธีการบิดเบือนข่าวเราต้องเอาข้อเท็จจริงตอบโต้ อาจช้าไม่ทันใจ แต่มีผลที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีทหารกัมพูชาจากนอกพื้นที่เข้ามา เมื่อเกิดปะทะส่วนหนึ่งจึงหลงอยู่ในพื้นที่ฝ่ายไทย เราจะแจ้งให้ทหารเหล่านี้ออกมา เพื่อควบคุมตัวและส่งกลับตามหลักมนุษยธรรม
“ตรงนี้ต้องขออภัยเพราะอาจจะไม่ค่อยถูกใจนัก ทั้งที่เขาทำกับเราขนาดนี้ แต่เรายังมีมนุษยธรรม แม้เขาจะผิดหลักกฎหมายนานาชาติก็ต้องให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมของโลก แต่ถ้าเราไปทำเหมือนเขาแสดงว่าเราก็พอกัน จึงต้องขออภัยประชาชนและสื่อมวลชน”พล.อ.ณัฐพล ระบุ
ทบ.แจงพาดูรพ.20แห่งถูกเขมรยิง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการพาผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ชายแดน เพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการกระทำของกัมพูชาว่า การพาผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่อยู่ในแผนของกองทัพบกอยู่แล้ว โดยจะดำเนินการด้วยความรอบคอบเพราะต้องการเน้นเรื่องคุณภาพในการสื่อสารและเชื่อว่ามีสื่อมวลชนต่างประเทศให้ความสนใจรวมทั้งตัวแทนจากต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งอยู่ในหน่วยงานราชการเช่นผู้ช่วยทูตทหารที่ให้ความสนใจ ช่วงนี้มีจำนวนมากกว่าจะนัดหมายได้อาจต้องใช้เวลาขอให้สื่อมวลชนอย่าพุ่งเป้าเรื่องความเร็วอย่างเดียว แต่เราเน้นองค์ประกอบของการสื่อสารได้จำนวนมาก โดยบุคคลที่กองทัพบกเชิญไปมีบทบาทในการสื่อสารข้อมูลเชิงคุณภาพที่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศไทย ทั้งข้อมูลทหารและรัฐบาล เพื่อให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ไม่เหมือนที่กัมพูชาพยายามบิดเบือน โดยเราจะให้ข้อเท็จจริงที่กัมพูชาปฏิบัติกับพลเรือนไทย ซึ่งมีความเสียหายของโรงพยาบาลถึง 20 แห่ง ทั้งนี้ อาจพาไปได้ไม่ครบทุกจุด แต่จะแบ่งกลุ่มลงพื้นที่วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งจะไปทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงร้านสะดวกซื้อ สื่อสารให้เห็นภาพรวม เพื่อให้เห็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ไม่ใช่การพูดลอยๆสำหรับผู้นำคณะต่างประเทศลงพื้นที่นำโดย พลโทอานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก ทั้งนี้นอกจากผู้ช่วยทูตทหารแล้ว ยังมีเอกอัครราชทูต ซึ่งประสานผ่านกระทรวงต่างประเทศมา รวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศที่อยู่ในไทยอย่างน้อย 10 สำนักขึ้นไป
เปิดกำหนดการพาทูต23ชาติดูพื้นที่เสียหาย
วันเดียวกัน ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก (ศปส.ทบ.) นำคณะ ผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ และสื่อมวลชน สังเกตการณ์พื้นที่พลเรือน โรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา วันที่ 1 สิงหาคม เมื่อไปถึงพื้นที่จะได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ที่เสียหาย การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาจากนั้นเดินทางไปพื้นที่ทหารกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการนำมัน ปตท.บ้านมือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยเสียชีวิต 8 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 7 - 8 ปี บาดเจ็บจำนวน 10 คน ก่อนเดินทางต่อไปยังรร.ภูมิชรอลวิทยา ต.เสาธงชัย เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่ได้รับความเสียหาย และเดินทางต่อไปยัง รพ.สต.บ้านชำเม็ง ต.เสาธงชัย สังเกตการณ์พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิง วิทยาลัยเทคโนโลยี กันทรลักษ์
สำหรับผู้ช่วยทูตทหารที่เดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ 23 ประเทศ อาทิ สวีเดน สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ปากีสถาน รัสเซีย สาธารณะประชาธิปไตยประชาชนลาว แคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เวียดนาม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ อินเดีย เยอรมนี เกาหลีใต้ ปากีสถาน สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์นอกจากนี้ ยังมีสื่อมวลชนต่างประเทศ และสื่อมวลชนชาวไทยจำนวนมาก ที่ให้ความสนใจในการทำข่าวความจริงในครั้งนี้
ทูตไทยสวนทูตเขมรพาดพิงไทยกลางประชุมกาซา
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ขึ้นกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หลังกัมพูชากล่าวพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในเวทีการประชุมดังกล่าว
นายเชิดชายกล่าวต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยขอแสดงความชื่นชมต่อความพยายามและความมุ่งมั่นของประธานร่วมการประชุมในการจัดการประชุมนี้ที่รอคอยมานานมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสนับสนุนต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ผ่านแนวทางสองรัฐอย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียใจที่ผู้แทนคนหนึ่งได้หยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมนี้ขึ้นมา แม้ว่าตนไม่อยากยกประเด็นทวิภาคีขึ้นมาพูดในการประชุมนี้ แต่ตนต้องขึ้นชี้แจงในข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หลังไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงโดยมีนายกฯมาเลเซียเป็นตัวกลางในฐานะประธานอาเซียน ไม่นานหลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 29 กรกฎาคม ประเทศเพื่อนบ้านของเราได้กลับมาทำการโจมตีข้ามชายแดน และรุกรานเข้ามาในอธิปไตยของไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรงไทยเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านของเรายึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมดำเนินการผ่านช่องทางทวิภาคีที่มีอยู่ และยุติการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและเป็นเท็จ รวมถึงมีส่วนร่วมอย่างสุจริตใจ
รอประเมินชายแดนก่อนให้คนกลับเข้าบ้าน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ประชาชนในศูนย์อพยพเดินทางกลับบ้านได้แล้วหรือไม่ว่า สถานการณ์ยังไม่มั่นใจ 100 % เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่กัมพูชาพูดเชื่อได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามักบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ต้องรอประเมินอีกครั้งก่อนว่า ถ้าไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า การที่กัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ เป็นเพราะเขาเป็นผู้ก่อเหตุ จึงมั่นใจว่าเราจะไม่ทำอะไร และเราก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ ฉะนั้นเราจึงไม่มั่นใจว่ากัมพูชาจะกระทำอย่างไร
ปัดตอบไทยยึดตัวปราสาทตาควาย
“ยืนยันมาตรการเชิงรุกทั้งด้านการทูตและด้านพื้นที่เราไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา การดำเนินการต่างๆเราก็คุยกับนานาชาติอยู่เสมอ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่หลักฐาน เพราะเขาพูดไปได้เรื่อยๆแต่เราพูดมีหลักฐานรองรับ”นายภูมิธรรมกล่าว และว่า เรื่องการยึดปราสาทตาควายนั้น ถ้าพูดถึงด้านการยุทธ์ การยึดคืนในพื้นที่ต่างๆถือว่าเราประสบความสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แล้วพื้นที่ตัวปราสาทเป็นเช่นไร นายภูมิธรรม ย้อนกลับว่า ตนพูดไปแล้วว่าเราประสบความสำเร็จ แต่ขณะนี้ไม่อยากพูดในรายละเอียด เนื่องจากอาจส่งผลต่อการเจรจา แต่เอาเป็นว่าสบายใจและพอใจในสิ่งที่ทำไป ว่าเราได้ตอบโต้และรักษาอธิปไตยได้เป็นอย่างดี
ต้องสอบ18ทหารเข้าไทยก่อนส่งตัวคืน
ถามว่า กรณีนายกฯกัมพูชาเรียกร้องให้ไทยส่งตัว 18 ทหารกัมพูชากลับประเทศไทยมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันจับตัวทหารกัมพูชา 18 คนได้ตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งเป็นวันที่ประกาศหยุดยิง และยังล้ำแดนเข้ามา เดิมไทยเตรียมปล่อยตัวแล้ว แต่เขมรโพสต์ข้อความออกมา ดูเหมือนฝ่ายไทยไปลักพาตัว ฉะนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด หากเรียบร้อยแล้วจะส่งตัวคืน แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทหารทั้ง 18 นายของกัมพูชาลักลอบเข้ามา หลังประกาศหยุดยิงแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังใช้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบและสอบสวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี