"พีระพันธุ์"เคลียร์ชัดปมซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาด พร้อมสนับสนุนการตรวจสอบทุกขั้นตอน ย้ำไม่ได้มาเล่นการเมือง แต่เน้นทำงานแก้ปัญหาประชาชน หนุนใช้พลังงานทางเลือกสร้างรายได้ให้คนไทย เพิ่มความมั่นคงชุมชน
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอบกระทู้ถามสดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับแนวทางการลดค่าไฟ และการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดขนาดกำลังการผลิต 5,200 เมกะวัตต์ และ 3,600 เมกะวัตต์ โดยชี้แจงว่า การรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวทั้ง 2 รอบ ไม่ได้เกิดจากมติของรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลปัจจุบันกำลังเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ต้องเข้าใจด้วยว่า อำนาจต่างๆ ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งแม้จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแต่ก็ต้องอาศัยมติและความเห็นจากคณะกรรมการในที่ประชุมซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมด้วย รวมทั้งตัวแทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ความเห็นในเชิงกฎหมาย และเมื่อที่ประชุมมีมติแล้ว ก็ต้องดำเนินการไปตามมติดังกล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ปัญหาไม่ได้เกิดจากรัฐบาลปัจจุบันแต่รัฐบาลปัจจุบันกำลังพยายามแก้ไข โดยมีมติ กพช.ชะลอการลงนามในสัญญารับซื้อไฟฟ้าข้างต้น และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการเจรจาปรับลดราคาการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว โดยใช้ราคาล่าสุดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เป็นฐานอ้างอิงในการเจรจา วันนี้ 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพราะต้องปฏบัติตามมติ กพช.โดยตนยินดีให้มีการตรวจสอบในทุกขั้นตอนและพร้อมที่จะสนับสนุนข้อมูลทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริงให้กระจ่าง และยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เห็นแก่นายทุนหรือทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ และตลอดเวลาที่ผ่านมาตนก็ได้พยายามแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าจากภาคประชาชน และมาตรการส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดค่าไฟให้พี่น้องประชาชนนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การดำเนินการทั้งหมดขึ้นอยู่กับแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า (PDP) ซึ่งขณะนี้กำลังจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดทำแผน PDP ชุดใหม่ ในแผนดังกล่าวจะให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดมาเป็นลำดับแรก ซึ่งพลังงานดังกล่าวมาได้จากหลากหลายแห่ง โดยเฉพาะจากเศษวัสดุเหลือใช้ซึ่งตนมุ่งเน้นไปที่การสร้างความรู้ให้ประชาชนนำเศษวัสดุทางการเกษตรหรือวัสดุที่เหลือใช้ในพื้นที่มาผลิตเป็นไฟฟ้า โดยต้องมาคำนวณว่า ในแต่ละปีประเทศไทยสามารถผลิตไฟฟ้าในรูปแบบดังกล่าวได้เท่าใด ส่วนที่เหลือจึงไปใช้ก๊าซในการผลิตไฟฟ้า และนอกจากการมุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าในภาคประชาชนแล้ว ตนยังมุ่งหวังให้มีโรงไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนและช่วยสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าของภาคประชาชนได้ต่อไป
นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวแสดงความคาดหวังว่า คณะกรรมการจัดทำแผน PDP ชุดใหม่ จะนำแนวนโยบายนี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส มีอิสระโดยแท้จริง พร้อมย้ำด้วยว่า ตนไม่ได้เข้ามาเล่นการเมือง แต่เข้ามาเพื่อตั้งใจทำงานและแก้ปัญหาให้คนไทย
นายพีระพันธุ์ กล่าวตอบคำถามสุดท้ายในกระทู้ถามสดว่า ในส่วนของมติหรือปัญหาด้านพลังงานที่เกิดช่วงก่อนปี 2567 นั้น ตนและพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงพลังงาน เพราะในขณะนั้นช่วงท้ายรัฐบาลตนดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีภารกิจหน้าที่คนละอย่างกัน และยังไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมรัฐบาลในขณะนั้นด้วย พร้อมกล่าวว่า ตั้งแต่ที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตนได้ดำเนินการทุกอย่าง อย่างตรงไปตรงมา ชัดเจนด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำให้ไม่ถูกใจนายทุน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี