อัยการบี้คดี‘อิ๊งค์’คุย‘อังเคิล’
นัดสอบพยานสัปดาห์หน้า
รองอธิบดีอัยการสอบสวน เผยเตรียมเรียกสอบพยาน 6 ปาก คดีคลิปเสียง “นายกฯอิ๊งค์” คุยกับ “ฮุนเซน” ในสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่ถึงคิวนายกฯ ยืนยันจะพิจารณาให้เสร็จภายในสิงหาคม ก่อนเสนออัยการสูงสุดชี้ขาดสั่งฟ้องหรือไม่ ด้าน“หมอมิ้ง”รับขอขยายส่งคำชี้แจงศาลคดีคลิปเสียง เหตุเสร็จไม่ทันเวลา
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.บรมราชชนนี นายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนของอัยการ คดีคลิปเสียงนายกฯ ได้นัดประชุมหารือกับพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 บช.สอท. และรองโฆษก ตร. พร้อมคณะ โดยได้หารือเพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวนคดี
โดย นายวัชรินทร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ทางรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ร้องทุกข์กับ บช.สอท. เรื่องคลิปเสียงการสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน กับนายกรัฐมนตรี ในชั้นการพิจารณาการสอบสวนของตำรวจ ยังมีข้อกฎหมายที่สงสัยว่าเป็นความผิดในประเทศหรือความผิดนอกราชอาณาจักร พนักงานสอบสวนจึงส่งสำนวนคดีนี้มาให้อัยการตรวจสอบ เพื่อเสนอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา โดยอัยการการสอบสวนได้รับสำนวนจาก อัยการสูงสุด มาพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญาและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 เมื่อเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดในการตั้งคณะทำงาน โดยอัยการสูงสุดมอบหมายให้ ผบก.สอท.1 เป็นผู้รับผิดชอบและมีอัยการสำนักงานการสอบสวนมาร่วมสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 โดยให้อัยการเข้าไปทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำ วันนี้ตนจึงได้เชิญตำรวจ บก.สอท.1 มาร่วมประชุมและให้ความเห็นเพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดีต่อไป ว่าคดีมีมูลพอฟ้องหรือไม่
โดยการประชุมวันนี้เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางสอบสวนว่าจะเรียกพยานคนไหนเข้ามาสอบปากคำบ้าง รวมถึงการพิจารณาเรียกนายกรัฐมนตรีเข้ามาสอบด้วยเช่นกัน แต่การสอบปากคำสมเด็จฮุนเซน โอกาสที่จะเรียกตัวมานั้นยาก
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีมีการดำเนินคดีกับใครเพราะเป็นเพียงแค่มีการกล่าวหามาเท่านั้น โดยพนักงานอัยการและคณะทำงานจะต้องพิจารณาว่า ข้อกล่าวหาตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้นมีความผิดตามหลักเกณฑ์หรือไม่ หากขั้นตอนในการพิจารณาเสร็จสิ้นว่ามีมูลหรือไม่จะต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาในการสั่งคดี หากอัยการสูงสุดสั่งฟ้องก็จะต้องดำเนินการในการเอาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการส่งตัวฟ้องต่อศาลและจะต้องส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะได้ตัวหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วไม่เข้าข่าย ไม่ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ก็สั่งไม่ฟ้องคดีก็เป็นอันยุติ
นายวัชรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทีมงานยังคำนึงถึงว่าจะนำตัวผู้กระทำความผิดมาได้หรือไม่ แค่จะพิจารณาสำนวนให้รอบคอบละเอียดที่สุดก่อน ส่วนการจะเชิญใครมาทำการสอบสวนบ้างจะต้องมีการหารือประชุมกันก่อน พนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนจะทำงานในการพิจารณาหลักฐานคดีนี้เช่นเดียวกับคดีอาญาทั่วไปเพื่อไม่ให้กดดัน คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนสนใจคณะทำงานจะใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาและมีปัญหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำเสนอต่ออัยการสูงสุดว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่อย่างไรในการดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหา
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ผบก.สอท.1 กล่าวว่า ได้มาหารือกับทางอัยการสอบสวนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพิ่มเติม หรือรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยคณะทำงานพนักงานสืบสวนสอบสวน บก.สอท.1 มาร่วมประชุมและหาทางในการปฏิบัติต่อไป จะมาพิจารณาในข้อกฎหมายว่า มีการกระทำความผิดอย่างไร โดยพนักงานสอบสวนพร้อมดำเนินการตามกฎหมายซึ่งเป็นอำนาจของทางอัยการสูงสุด
สำหรับสำนวนคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร.ร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวหาเรื่องคลิปเสียงอีกสำนวนหนึ่งนั้น วันนี้ก็จะได้มีการนำมาหารือกับทางอัยการสอบสวนแล้วก็จะส่งสำนวนการสอบสวนได้ภายในสัปดาห์
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยังได้กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในลักษณะนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในช่วง เกิดปัญหาการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ผ่านมาว่า มีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในเชิงลบต่อประเทศไทยเยอะมากทาง บก.สอท.1 ได้ติดตามข่าวสารและรวบรวมหลักฐานข้อมูลที่เชิงลบต่อประเทศไทยโดยพร้อมกับประสานกับกระทรวงดิจิทัลฯ(ดีอี)ในการดำเนินการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารอย่างเช่นกรณีมีข่าวปลอมว่าเครื่องบินเอฟ16 ของไทย ถูกยิงตกสร้างความตื่นตระหนกแก่พี่น้องประชาชน เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 ซึ่งตำรวจได้มอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวตลอด หากหน่วยงานไหนที่เกี่ยวข้องและยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจไซเบอร์ได้โดยจากการตรวจสอบพบว่ามาจากประเทศกัมพูชาโดยมากและมีการบิดเบือนข้อมูลทำให้เกิดความสับสนและเกิดความเกลียดชังด้วย Hate speech ก็ขอฝากพี่น้องประชาชนในการติดตามข้อมูลข่าวสารขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เป็นทางการเป็นที่สามารถยืนยันและตรวจสอบได้
ภายหลังการประชุม นายวัชรินทร์ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าคณะสอบสวนจะเชิญตัวพยานทั้งหมด 6 ปาก มาสอบปากคำเพิ่มเติมโดยเป็นคนไทยประกอบด้วย นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ผู้กล่าวหา, เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องของเฟซบุ๊ก, เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์รวมถึงพยานจากส่วนกลางมาให้ความเห็น
ส่วนการเชิญนายกรัฐมนตรีมาสอบปากคำ ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เนื่องจากจะต้องสอบปากคำฝ่ายผู้ร้องให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะถึงขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ หากสัปดาห์หน้าไม่สามารถสอบปากคำพยานได้ทันก็จะขยายเวลาสอบเพิ่มอีก 1สัปดาห์ แต่ตนยืนยันว่าคดีนี้จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะเสนอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องผู้ถูกกล่าวหา และหากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง คดีนี้ก็จะถือว่าสิ้นสุด
นายวัชรินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนหากสมเด็จฮุนเซนอ้างว่าเป็นเฟซบุ๊กปลอมนั้นก็สามารถอ้างได้ แต่ตำรวจไซเบอร์สามารถยืนยันหลักฐาน และความชัดเจนกับเฟซบุ๊ก นี้ได้ ว่าใครเป็นผู้ใช้หรือโพสต์ข้อความ ส่วนจะสามารถออกหมายจับได้หรือไม่ และกระบวนการขั้นตอนการออกหมายแดงและส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะต้องรอให้ทางอัยการสูงสุดวินิจฉัยแล้วเสร็จก่อน สำหรับกรณีในคลิปเสียงมีการพาดพิงถึงแม่ทัพภาค 2นั้น เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อัยการไม่ขอก้าวล่วง
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ผบก.สอท.1 กล่าวว่า ตอนนี้มีหลักฐานเพียงพอที่สามารถดำเนินคดีหลังจากที่อัยการสูงสุดมอบหมายให้เป็นพนักงานสอบสวน ในคดีนอกราชอาณาจักร ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบแล้วขณะมีการโพสต์ แอดมินทั้ง4คนอยู่ในประเทศกัมพูชา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าการส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมให้ศาลรัฐธรรมนูญคดีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีสนทนากับสมเด็จฮุน เซน หลังขยายกรอบเวลาครั้งที่ 2 ว่า ก็เป็นไปตามกำหนด ส่วนเหตุผลที่ต้องขอขยายการยื่นเอกสารชี้แจง อีกรอบ นั้น นพ.พรหมมินทร์ ระบุว่า ก็ไม่เสร็จก็ต้องขยาย เมื่อถามต่อว่ามีข้อกฎหมาย หรือข้อมูลอะไรเพิ่มเติม นพ. พรหมินทร์ ไม่ได้ตอบคำถาม แล้วเดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 ทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี