วันเสาร์ ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ความจริงหนึ่งเดียวของ'ลุงตู่' 'สุวินัย'แนะ'ผู้นำยุคหลัง'ต้องก้าวพ้น'กันชน'กลายเป็น'ผู้ขับเคลื่อน'

ความจริงหนึ่งเดียวของ'ลุงตู่' 'สุวินัย'แนะ'ผู้นำยุคหลัง'ต้องก้าวพ้น'กันชน'กลายเป็น'ผู้ขับเคลื่อน'

วันศุกร์ ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 11.19 น.
Tag : พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ลุงตู่ สุวินัยภรณวลัย
  •  

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความจริงหนึ่งเดียวของ ลุงตู่

คำนำ


ในโลกแห่งการเมือง… “ความจริง” มักถูกห่อหุ้มด้วยโฆษณาชวนเชื่อของทุกฝ่าย
แต่ความจริงแท้มีเพียงหนึ่งเดียว ...มันไม่ขึ้นกับว่าผู้คนรักหรือชังใคร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “ลุงตู่” ในสายตาประชาชน คือบุคคลที่ถูกตีความอย่างสุดขั้วทั้งสองด้าน
เขาเป็นทั้ง “ผู้รักษาเสถียรภาพ” และ “จำเลยทางการเมือง” ในเวลาเดียวกัน
บทความนี้มิได้เขียนเพื่อยกย่อง หรือเพื่อประณาม หากแต่เพื่อมองให้ทะลุเปลือกแห่งภาพลักษณ์ และเข้าถึงแก่นแท้ของสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เพราะในห้วงเวลาที่ประเทศเดินอยู่บนเส้นเชือกบางเฉียบระหว่าง ความมั่นคงกับการเปลี่ยนแปลง ...ความจริงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นเข็มทิศให้เรามองย้อนอย่างเที่ยงตรง

........

บทความนี้เราจะจำแนกเป็นสองส่วน

คือ (1) รีวิวผลงานเชิงข้อเท็จจริง และ (2) วิเคราะห์คุณูปการเชิงประวัติศาสตร์–ยุทธศาสตร์ เพื่อให้ครบทั้งภาพบันทึกเหตุการณ์และภาพตีความเชิงลึก

1. รีวิวผลงานเชิงข้อเท็จจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี
(ดำรงตำแหน่ง 2557–2566 รวม 9 ปี)
1.1 ด้านความมั่นคง
- ยุติความรุนแรงทางการเมืองชั่วคราว หลังรัฐประหาร 2557 ทำให้สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดการเผชิญหน้าใหญ่ในกรุงเทพฯ ถูก “หยุดเกม” ได้ในระยะสั้น
- รักษาความสงบในช่วงเปลี่ยนผ่าน แม้ถูกวิจารณ์ว่าจำกัดเสรีภาพและใช้กฎหมายพิเศษบ่อย แต่ก็ทำให้ไทยไม่แตกเป็นสองรัฐหรือเข้าสู่สภาพสงครามเมือง (civil conflict)
- การจัดการชายแดน มีช่วงที่สร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านเพื่อคุมปัญหาค้ามนุษย์และยาเสพติดได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในพม่าและลาว
1.2 ด้านการทูต
- วางตัว “บาลานซ์เกม” ระหว่างมหาอำนาจ — รักษาความสัมพันธ์กับจีน (Belt and Road, รถไฟความเร็วสูง) และสหรัฐ (Cobra Gold, ความร่วมมือทางทหาร) พร้อมกัน
- ไทยไม่ตกเป็นฐานทัพถาวรของฝ่ายใด แม้ถูกกดดันจากทั้งสองขั้ว
- มีบทบาทเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียนและเวทีระดับโลก (APEC 2022) แม้บทบาทเชิงนโยบายอาเซียนจะไม่เด่นเหมือนยุคชาติชายหรืออานันท์
1.3 ด้านเศรษฐกิจ
- ดัน EEC (Eastern Economic Corridor) เป็นเมกะโปรเจ็กต์หลัก เพื่อดึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมใหม่
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ, ถนน, สนามบิน, ท่าเรือ) ต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจโลกผันผวน
- รับมือโควิด-19 ได้ในระยะแรกดีมาก (ไทยเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลกที่ควบคุมได้ในปี 2020) แต่การฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิดกลับช้ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค
1.4 ด้านการบริหารวิกฤติ
- โควิด-19: สร้างระบบสาธารณสุขเฉพาะกิจที่ยืดหยุ่น เช่น Hospitel, ระบบกระจายวัคซีน แต่ถูกวิจารณ์เรื่องความล่าช้าและการจัดหาวัคซีนช่วงแรก
- ภัยพิบัติ: ใช้กองทัพเข้าช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วม–ภัยแล้งได้รวดเร็วในหลายครั้ง แต่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การจัดการน้ำ ยังคงมีข้อจำกัด

2. วิเคราะห์คุณูปการเชิงประวัติศาสตร์–ยุทธศาสตร์
2.1 รักษาเสถียรภาพทางการเมืองในช่วงรอยแยก
จุดแข็งที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ การคุมเสถียรภาพในช่วงที่ระบบการเมืองปกติ “ล้มเหลวในการควบคุมตัวเอง”
ในปี 2557 ประเทศเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ รัฐล้มเหลวเชิงการเมือง (Political Collapse) — การเข้ามาของเขาทำให้เกิด “รัฐบาลรวมศูนย์” ที่ปิดเกมความรุนแรงระยะสั้นได้
แม้จะเป็นการใช้วิธี “แช่แข็งการเมือง” แต่ก็ทำให้ไทยมีเวลาฟื้นตัวจากการปะทะกันบนท้องถนน
2.2 ป้องกันไทยไม่ตกเป็น “เบี้ยล่างมหาอำนาจ” แบบชัดเจน
ในยุคที่จีนขยายอิทธิพลในภูมิภาค และสหรัฐพยายามดึงพันธมิตรกลับเข้าสายตะวันตก ประยุทธ์เลือกเดินสายกลาง ไม่ผูกขาดกับฝ่ายใด
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ไทยไม่ถูกดึงเข้าเป็นสนามรบของมหาอำนาจในช่วง 2014–2022 แม้แรงกดดันจะมีตลอด
การรักษาสมดุลนี้ทำให้ไทยยังมี “พื้นที่ต่อรอง” (Bargaining Space) ในเวทีโลก
2.3 วางรากฐานโครงสร้างพื้นฐาน–ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
EEC อาจเป็นโครงการที่ถูกวิจารณ์ว่าล่าช้า แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ไทยกำหนด “เขตยุทธศาสตร์เศรษฐกิจพิเศษ” พร้อมกฎหมายสนับสนุนระยะยาว
การต่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน (รถไฟฟ้า, ท่าเรือ, ถนน, ดิจิทัล) ทำให้ไทยมีศักยภาพรองรับการลงทุนต่อเนื่องในทศวรรษหน้า
อย่างไรก็ดี การกระจายผลประโยชน์สู่ต่างจังหวัดยังทำได้ไม่เต็มที่
2.4 สร้างบทเรียนทางการเมืองให้สังคม
9 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้สังคมไทยเห็นทั้ง ข้อดีของความมั่นคงทางการเมือง และ ข้อจำกัดของการขาดระบบตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ
เขาเป็น “ตัวอย่างจริง” ของข้อถกเถียงว่า "เสถียรภาพโดยไร้พลวัตเชิงโครงสร้าง" อาจไม่พอให้ประเทศแข่งขันในระยะยาว
นี่คือมรดกทางการเมืองที่สังคมไทยต้องนำไปคิดต่อว่าจะผสม “เสถียรภาพ” กับ “พลวัต” ให้ลงตัวอย่างไร

3. สรุปคุณูปการแบบกระชับ
ข้อดี: คุมเสถียรภาพการเมือง, รักษาสมดุลมหาอำนาจ, วางโครงสร้างพื้นฐาน–EEC, บริหารวิกฤติใหญ่ได้ระดับหนึ่ง
ข้อจำกัด: เศรษฐกิจโตต่ำต่อเนื่อง, การปฏิรูปเชิงโครงสร้างไม่คืบ, ขาดนวัตกรรมทางนโยบาย, ระบบตรวจสอบอ่อนแอ
คุณูปการเชิงยุทธศาสตร์: เขาคือ “นายกฯ ในยุคกันชน” ...กันประเทศไม่ให้แตกภายใน และกันไม่ให้ถูกดูดเข้าเป็นเบี้ยล่างมหาอำนาจ ก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคสงครามตัวแทนเต็มรูปแบบ

○ บทสรุป

“ความจริงหนึ่งเดียว” ของลุงตู่ คือ เขาคือ “นายกรัฐมนตรีในยุคกันชน” ที่ช่วยกันประเทศไม่ให้แตกภายใน และช่วยกันไม่ให้มหาอำนาจภายนอกใช้เราเป็นเบี้ยล่างในเกมสงครามตัวแทน
เขาอาจไม่ใช่ผู้นำที่สร้างการเติบโตพุ่งทะยาน หรือปฏิรูปโครงสร้างได้สำเร็จดังฝันของใครหลายคน
แต่ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองเสี่ยงล่มสลายจากการเผชิญหน้าและการแทรกแซง ...เขาสามารถตรึงประเทศให้อยู่รอดได้ นี่คือความจริงหนึ่งเดียวที่ไม่ว่าว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้
เมื่อพ้นยุคของเขาไป เราอาจยังถกเถียงกันไม่จบว่าลุงตู่ “ดี” หรือ “เลว”
ทว่าประวัติศาสตร์จะจารึกไว้ว่า ในทศวรรษแห่งความปั่นป่วนนี้ เขาคือ ผู้นำ ที่ยืนเป็นกันชนให้ชาติไทย
และนั่นคือความจริงหนึ่งเดียวที่แม้ผู้ที่รักเขาหรือผู้ที่ชังเขาก็ปฏิเสธไม่ได้
~ สุวินัย ภรณวลัย
*****

● ข้อคิดเชิงยุทธศาสตร์สำหรับผู้นำหลังยุคลุงตู่
เพื่อเชื่อมกับภาพใหญ่ของสถานการณ์สงครามตัวแทนปัจจุบัน โดยมองทั้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์และการบริหารภายใน

1. เข้าใจภูมิรัฐศาสตร์ใหม่: โลกแบ่งขั้วแต่เชื่อมโยงกัน
โลกวันนี้ไม่ใช่สงครามเย็นแบบเก่า แต่คือ สงครามเย็น 2.0 ที่เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และข้อมูลข่าวสารเชื่อมกันอย่างแยกไม่ขาด
ผู้นำรุ่นต่อไป ต้องอ่านเกมมหาอำนาจออกว่า เมื่อใดต้องเงียบ เมื่อใดต้องขยับ และต้องรักษา “พื้นที่ต่อรอง” (Bargaining Space) ของไทยไว้ให้ได้
หลักง่าย ๆ คือ อย่าเป็นเบี้ย และอย่าเป็นม้า — ต้องเป็นผู้วางกระดานเองในภูมิภาคที่เราอยู่

2. เสถียรภาพต้องมาคู่กับพลวัต
ยุคลุงตู่สอนเราว่าเสถียรภาพสามารถยืดอายุประเทศได้ แต่ถ้าขาดพลวัต เศรษฐกิจและสังคมจะนิ่งเกินไปจนเสียจังหวะ
ผู้นำรุ่นต่อไป ต้องไม่เลือกข้างระหว่างเสถียรภาพกับการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องบูรณาการ ผสมสองสิ่งนี้ให้เดินคู่กัน — เสถียรภาพในความมั่นคง แต่พลวัตในเศรษฐกิจและนวัตกรรม

3. สร้างระบบต้านแรงกระแทก (Shock Absorber) ของชาติ
วิกฤติรอบหน้าอาจไม่ใช่การเมืองหรือโรคระบาด แต่เป็น สงครามตัวแทน, การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน, หรือภัยไซเบอร์ขนาดใหญ่
ไทยต้องมีระบบเตือนภัยและแผนสำรองระดับชาติที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่เอกสารวางตู้

4. คืนศูนย์กลางให้ภูมิภาค
ไทยเคยเป็นผู้นำอาเซียนในเชิงนโยบาย (ยุคชาติชาย–อานันท์–อภิสิทธิ์) แต่ยุคหลังเราแทบหายไปจากบทบาทนี้
ผู้นำรุ่นใหม่ ต้องทำให้ไทยกลับมาเป็น “สะพานเจรจา” ของอาเซียนและมหาอำนาจ เพื่อใช้เวทีภูมิภาคเป็นเกราะคุ้มกันผลประโยชน์ของเรา

5. สร้างทุนทางสังคมควบคู่ทุนเศรษฐกิจ
ความขัดแย้งทางการเมืองที่กินลึกทำให้ "ทุนทางสังคม" ของไทยสึกกร่อนไปมากแล้ว
การฟื้นความเชื่อใจระหว่างรัฐ–ประชาชน และระหว่างกลุ่มความคิดต่าง ๆ คือเงื่อนไขสำคัญของการอยู่รอดในสงครามตัวแทน
เศรษฐกิจฟื้นได้ใน 5–10 ปี แต่ถ้าสังคมแตกแยกแบบนี้ อาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วคน

○ สรุปสาระสำคัญ:

ผู้นำหลังยุคลุงตู่จะต้องก้าวพ้นบทบาท “กันชน” และกลายเป็น “ผู้ขับเคลื่อน”
ไม่ใช่เพียงป้องกันประเทศไม่ให้ล้ม แต่ต้องขับพาประเทศเข้าสู่ตำแหน่งที่เหนือกว่าในกระดานใหญ่ของโลก
ในยุคสงครามตัวแทน ความอยู่รอดไม่ใช่ชัยชนะ แต่ชัยชนะคือการใช้วิกฤติเป็นจังหวะสร้างพลังใหม่ให้ชาติต่างหาก

ด้วยความปรารถนาดี
~ สุวินัย ภรณวลัย

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'นก วงเฉลียง\'ถาม??? ใครพาคนไทยไปโดน M79 ยกย่อง\'ลุงตู่\'หยุดคนไทยสังหารกันเอง 'นก วงเฉลียง'ถาม??? ใครพาคนไทยไปโดน M79 ยกย่อง'ลุงตู่'หยุดคนไทยสังหารกันเอง
  • อย่าโทษ\'ลุงตู่\' \'ไทย-กัมพูชา\'ขัดแย้ง เหตุสองตระกูลหักหลังกันเอง อย่าโทษ'ลุงตู่' 'ไทย-กัมพูชา'ขัดแย้ง เหตุสองตระกูลหักหลังกันเอง
  • \'ธนกร\'สุดทน ออกโรงป้องขออย่าโทษ\'ลุงตู่\' ปมละเลยแก้ชายแดนไทยกัมพูชา 'ธนกร'สุดทน ออกโรงป้องขออย่าโทษ'ลุงตู่' ปมละเลยแก้ชายแดนไทยกัมพูชา
  • อย่าโทษ‘ลุงตู่’ ปมปัญหา‘ไทย-กัมพูชา’โยงรัฐบาลในอดีต อย่าโทษ‘ลุงตู่’ ปมปัญหา‘ไทย-กัมพูชา’โยงรัฐบาลในอดีต
  • ‘สุวินัย’เปิดข้อมูล‘RAND สหรัฐ’ เปรียบไทยไทยตกอยู่ในสถานะ‘ยูเครน 2’ไปครึ่งตัวแล้ว ‘สุวินัย’เปิดข้อมูล‘RAND สหรัฐ’ เปรียบไทยไทยตกอยู่ในสถานะ‘ยูเครน 2’ไปครึ่งตัวแล้ว
  • \'ดร.เสรี\' ตั้ง 5 คำถามเดือด! แน่หรือว่า DNA ลุงตู่ ยังอยู่ในจิตวิญญาณของพรรค 'ดร.เสรี' ตั้ง 5 คำถามเดือด! แน่หรือว่า DNA ลุงตู่ ยังอยู่ในจิตวิญญาณของพรรค
  •  

Breaking News

‘อนุทิน’ โพสต์ภาพ 'พริกขี้หนู' ชาวเน็ตแซวทั้งเผ็ดและร้อน

ชาวศรีสะเกษยังกังวล! ไม่มั่นใจสถานการณ์ชายแดน เสียงปืนใหญ่ยังหลอน ยังไม่กล้ากลับบ้าน

เกิดเหตุปะทะ‘ทหารเมียนมา-ทหารกะเหรี่ยง’ ให้ปชช.ในพื้นที่ท่าแซะเฝ้าระวัง

ชาวบ้านบุรีรัมย์กลับบ้านแล้ว! 'เนวิน'ขอบคุณทหารทุกท่าน อุทิศชีวิต เสียสละ ปกป้องแผ่นดินไทย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved