สรุปสำนวนเดือนนี้
คดีคลิปเสียง‘ฮุนเซน-อิ๊งค์’
ตร.ไซเบอร์หารืออัยการแล้ว
ตำรวจไซเบอร์นำสำนวนคดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” สั่งไล่ล่าคนเห็นต่าง ส่งมอบให้ อสส.พิจารณา เผยหากมีการกระทำผิดจริงจะมีการออกหมายแดงประสานตำรวจสากลติดตามตัว ส่วนคดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” สนทนากับ “นายกฯอิ๊งค์” คาดสรุปสำนวนเสร็จเดือนนี้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม 2568 ที่สำนักอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.สอท.1 บช.สอท. ) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจ พร้อมคณะ นำสำนวนสอบสวนจำนวน 50 แผ่น คดี คลิปเสียงสมเด็จ ฮุน เซน สั่งไล่ล่ากลุ่มคนเห็นต่างให้กับ น.ส.ฐิติวดี สินธวณรงค์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับสำนวน
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากบก.สอท.1 ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ให้ดำเนินการในเรื่องนี้ ตนได้สั่งการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ขึ้น จากการสอบสวนเชื่อว่าเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ระบุว่า ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายในการพิจารณาสำนวนและสั่งการตั้งคณะสอบสวนต่อไป
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2566 เขตพื้นที่ สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งผู้ที่ถูกทำร้ายตรงกับชื่อในคลิปเสียงคือ นายพร พันนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ชาวกัมพูชา โดยเป็นฝ่ายตรงข้ามสมเด็จฮุนเซน ต่อมามีคนร้าย 3 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายพร พันนา จนเป็นเหตุให้ได้อันตรายแก่กายและจิตใจ จากข้อมูลขณะนี้นายพร พันนาได้ลี้ภัยไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
การกระทำของสมเด็จฮุนเซน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ในคลิปเสียง มีการสั่งให้บุคคลชื่อ นายเคลียง ฮวด ชาวกัมพูชา ทำหน้าที่ดำเนินการในประเทศไทย และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง มีคนทำร้ายและผู้ถูกทำร้ายเป็นไปตามในคลิปเสียง โดยตัวขอนายเคลียง ฮวด ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสอบสวน
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังมีการพิจารณาสำนวนแล้วหากพบว่า มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงก็จะมีการออกขอออกหมายจับ ในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ จะมีการออกหมายแดง ประสานความร่วมมือตำรวจสากล ที่มีสมาชิก 196 ประเทศ แต่จะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ ต้องอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายของประเทศไทยก่อน
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนคดีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง สมเด็จฮุนเซน กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมหารือด้วยกับทางสำนักงานอัยการสอบสวนไปแล้ว คาดว่าจะสรุปสำนวนเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคมนี้
ด้าน น.ส.ฐิติวดี กล่าวว่า ภายหลังจากรับสำนวนจากพนักงานสอบสวน ขั้นตอนต่อไปจะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา เพื่อให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งส่งสำนวนให้สำนักงานอัยการการสอบสวนพิจารณาว่า เป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ ก่อนมีความเห็นเสนอกลับไปให้อัยการสูงสุดทราบ เพื่อพิจารณาสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาสำนวนว่าคดีมีมูลพอฟ้องต่อศาลหรือไม่ เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี