‘ภท.’สู้ไม่ถอย
ย้ำเพิกถอน‘เขากระโดง’
ต้องเจอกันที่ศาลเท่านั้น
รับงานใครมา! “ศุภชัย” ตอก “อดีตอธิบดีกรมที่ดิน” ปมที่ดินเขากระโดง ชี้หลักฐาน ย้อนแย้งกับคำพูดปัจจุบัน ปี’55 เห็นชอบตั้งคณะกรรมการตาม ม.61 มีความเห็นไม่เพิกถอน แต่ปี’68 กลับบอกเพิกถอนได้ทันที “ทนายคดีเขากระโดง” กาง 5 ข้อ ซัด “ภูมิธรรม” ฟังข้อมูลด้านเดียวจาก “ใบสั่ง” จี้เปิดใจฟังข้อเท็จจริง-หลักฐานประวัติศาสตร์รอบด้าน ย้ำการพิสูจน์ที่ดินต้องทำที่ศาล
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย(ภท.)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีที่นายบุญเชิด คิดเห็น อดีตอธิบดีกรมที่ดินออกมากล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61ว่าที่นายบุญเชิดได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านสื่อเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า กรณีที่ดินเขากระโดง ไม่ต้องดำเนินการตามมาตรา 61แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน สามารถใช้อำนาจเพิกถอนเอกสารสิทธิได้ทันที วันเดียวก็จบซึ่งความคิดเห็นของอดีตอธิบดีคนนี้ถูกนำไปเผยแพร่อย่างมากมาย
‘ศุภชัย’ตอก‘อดีตอธิบดีกรมที่ดิน’
นายศุภชัยกล่าวอีกว่าแต่เอกสารที่นำมาแสดงให้ปรากฏนี้ เป็นหลักฐานอีกด้านหนึ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับความเห็นของอดีตอธิบดีกรมที่ดิน เพราะในกรณีเขากระโดงเดียวกันนี้ ขณะที่นายบุญเชิด คิดเห็น ตอนดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินในปี พ.ศ.2555 ได้เห็นชอบกับการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61และเห็นชอบว่าไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน และเห็นชอบด้วยว่าการรถไฟฯต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลเป็นรายๆไป หากเห็นว่ามีผู้มีเอกสารสิทธิทับซ้อนที่ดินการรถไฟฯซึ่งความเห็นชอบของอธิบดีกรมที่ดินในวันนั้น กับความเห็นของอดีตอธิบดีกรมที่ดินในวันนี้ ซึ่งเป็นคนๆเดียวกัน ในกรณีเดียวกัน กลับแตกต่างกันคนละด้านอย่างสิ้นเชิง
‘ทนายคดีเขากระโดง’ซัด‘มท.1’
นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความคดีพิพาทที่ดินเขากระโดงเปิดเผยว่าขอเรียนชี้แจงท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1)เรื่อง“พระราชประสงค์ของพระมหากษัตริย์ กับที่ดินเขากระโดง”ว่าด้วยความเคารพ ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และเอกสารราชการสมัยรัชกาลที่ 5 ยืนยันชัดเจนว่า พระองค์ไม่เคยมีพระราชประสงค์จะยกที่ดินเขากระโดงทั้งหมดให้กรมรถไฟหลวงหรือการรถไฟฯ ครอบครองอย่างเบ็ดเสร็จ จึงขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้
แจงละเอียดยิบเป็น5ประเด็น
1.พระราชดำริเมื่อ พ.ศ. 2451พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำริผ่านเจ้ากรมโยธาธิการ ตามคำขอของเจ้ากรมรถไฟ ว่าพื้นที่สองข้างทางรถไฟควรใช้เท่าที่จำเป็น ข้างละประมาณ 20 วา (ราว 40 เมตร) เขตสถานีไม่เกินข้างละ 40 วา (ราว 80 เมตร) ส่วนพื้นที่รกร้างนอกเหนือจากนี้ที่ขอข้างละ 5 เส้น (ราว 200 เมตร) พระองค์ “ไม่เห็นชอบ” และให้ยกเลิก
2.หลักฐานชัดเจนเอกสารหนังสือตอบข้อหารือของพระองค์ถึงนายแอร์ไวเลอร์ เจ้ากรมรถไฟหลวงในขณะนั้น แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ที่ดินนอกเหนือความจำเป็นไม่ได้อยู่ในพระราชประสงค์ให้ครอบครอง
3.ความแตกต่างกับพระราชกฤษฎีกาปี 2462พระราชกฤษฎีกาที่ท่านรัฐมนตรีอ้างถึง ออกในรัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2462) ไม่มีปรากฏในราชกิจจานุเบกษาว่ามีการจัดซื้อหรือเวนคืนที่ดินเขากระโดงตาม พ.ร.บ. จัดวางรางแลทางหลวง พ.ศ. 2464 แต่อย่างใด
4.กรอบกฎหมายชัดเจนพ.ร.บ.จัดวางรางแลทางหลวงฯ หมวด 2 ได้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งที่ดินของการรถไฟฯ ไว้อย่างชัดเจน ว่าต้องได้มาโดยการซื้อ เวนคืน หรือรับโอนตามขั้นตอน ไม่ใช่การอ้างครอบครองทั้งหมดเพราะเป็น “พระราชประสงค์”
ย้ำพิสูจน์ที่ดินต้องทำที่ศาล
5.ข้อเสนอแนะท่านรัฐมนตรีอาจได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน จึงควรเปิดใจรับฟังหลักฐานประวัติศาสตร์และข้อกฎหมายอย่างรอบด้าน การตัดสินใจและการสื่อสารต่อสาธารณะควรตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความเชื่อที่เกิดจาก“ใบสั่ง”หรือคำบอกเล่าฝ่ายเดียว
“การพิสูจน์สิทธิในที่ดินต้องทำในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่ครบถ้วนและหากมีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยถูกนำเข้าสู่คดีเดิม ควรใช้เป็นฐานในการพิจารณาอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นธรรม”ทนายคดีเขากระโดง กล่าว
เลือกซ่อมสส.เขต7เชียงรายเดือด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเพิกถอนสถานะการเป็น ส.ส.และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลานาน 10 ปี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทำให้พ้นจากส.ส.เชียงรายและหลุดจากอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้มอบหมายให้ กกต.ประจำ จ.เชียงราย ดำเนินการจัดการเลือกตั้งโดยกำหนดวันรับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 13-17 ส.ค.นี้ และกำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 ก.ย.2568 ต่อไป สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 7 จ.เชียงราย ประกอบด้วย อ.เชียงแสน อ.ดอยหลวง อ.เวียงแก่น อ.เชียงของ(ยกเว้น ต.บุญเรือง) และ ต.จันจว้า และ ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน
ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 นายพิเชษฐ์ ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยและได้คะแนนนำเป็นอันดับ 1 จำนวน 31,588 คะแนน รองลงมา คือ นายประหยัด เสียงดัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน(เดิมพรรคก้าวไกล) จำนวน 25,889, และน.ส.มิรันตี บุญแก้ว จากพรรคภูมิใจไทย 18,153 คะแนน
พท.จ่อส่ง‘สจ.ต้น’ลงชิงรักษาเก้าอี้
สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้มี กระแสว่า ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยแทนนายพิเชษฐ์ คือ นายวราวุฒิ ไชยวงค์ หรือ สจ.ต้น อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เขต อ.เชียงของ ลูกหม้อเก่าของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีข่าวว่าบ้านแม่จัน ให้การสนับสนุนด้วย แต่ต้องรอมติพรรคก่อน
ปชน.ต้องวัดใจลุ้น‘ประหยัด-สจ.เอ’
ส่วนคู่แข่งเก่าคือพรรคประชาชน คาดว่าจะส่ง นายประหยัด ลงแก้มือ เพราะมีบทบาทในงานมวลชนและงานของพรรคมาตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่
ทั้งนี้ มีกระแสว่าพรรคประชาชนอาจส่ง นายวสุพล จตุรคเชนทร์เดชาหรือสจ.เอปัจจุบันเป็นรองประธานสภาอบจ.เชียงราย และสจ.เขต 1 อ.เชียงของ ลงสมัครแทนได้เช่นกัน โดยมีข่าวลือว่าคนในพรรคกำลังถกเถียงกันในเรื่องนี้อย่างหนักเพราะถือว่านายประหยัดอยู่คู่กับพรรคมาโดยตลอด
‘เด็กลุงป้อม’โดดลงชิงเลือกซ่อม
ผู้สมัครที่ค่อนข้างเป็นไปได้มากที่คือ น.ส.มิรันตี บุญแก้ว ซึ่งได้ย้ายขั้วไปซบ พรรคพลังประชารัฐแล้ว และได้ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวขณะไปพบพล.อ.ประวิตร วงค์สุวรรณ หัวหน้าพรรค โดยเจ้าตัวก็ได้ประกาศจะลงสมัครรับเลือกตั้งต่อหน้าลุงป้อมอีกด้วย
ขณะที่คนอื่นๆจะได้ความชัดเจนในวันสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 13-17ส.ค.นี้ต่อไป โดยคาดว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นเพราะหมดอดีต ส.ส.ผู้ที่เคยมีชื่อชั้นสูงไปแล้ว จึงเหลือผู้สมัครใหม่และผู้ที่เคยสอบตกซึ่งต่างมีชื่อชั้นในระดับเดียวกันลงแข่งขันกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี