12 ส.ค. 68 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์" ระบุว่า " 'ลุงตู่' กับการสกัดไม่ให้ MOU 44 เขมือบทรัพยากรทางทะเล?
#อัษฎางค์ยมนาค #อ่านเกมอำนาจ
(1) มีการพูดกันว่า ยุครัฐบาลลุงตู่ได้ออกกฎหมายรักษาทรัพยากรทางทะเล เพื่อสกัดไม่ให้ MOU 44 เขมือบทรัพยากรทางทะเล
คำถามคือ ช่วงรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ มีการออกกฎหมายรักษาทรัพยากรทางทะเลจริงไหม—คำตอบคือ มีอยู่จริง
พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562 (2019)
ออกในยุครัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อ รักษาอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (เช่น UNCLOS)
สิ่งที่กฎหมาย พ.ร.บ. 2562 ทำได้คือ
• เป็น “กฎหมายภายใน” ที่กำหนดกรอบอำนาจหน้าที่ของรัฐไทยในการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล
• ระบุขอบเขตการปฏิบัติของหน่วยงานรัฐ เช่น กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง ฯลฯ
• อ้างอิงหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น UNCLOS เพื่อกำหนดเขตอาณาเขตทางทะเล เขตต่อเนื่อง เขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) และไหล่ทวีป
• ใช้ประกาศ “เขตที่ไทยถือว่ามีสิทธิ” เพื่อเป็นหลักฐานเชิงนโยบายและเอกสารในเวทีโลก
กฎหมายรักษาทรัพยากรทางทะเลสามารถ “กำหนดเขตหน้าน้ำไทย” ได้ในแง่การยืนยันสิทธิฝ่ายเดียว มีผลบังคับใช้ในเขตที่ไทยประกาศสิทธิ (เช่น เขตเศรษฐกิจจำเพาะ – EEZ, ไหล่ทวีป)
แต่ไม่ได้มีผลโดยตรง “สกัด” MOU 44 ให้หมดอำนาจ เพราะ MOU 44 เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งต้องแก้ไขหรือยกเลิกโดยการเจรจาระหว่างสองประเทศ ไม่ใช่แค่ประกาศกฎหมายฝ่ายเดียว
ข้อจำกัดของกฎหมายนี้
• ถ้าเป็นพื้นที่ที่ ไม่มีข้อพิพาท → กฎหมายนี้ใช้ได้เต็มที่
• ถ้าเป็น พื้นที่ทับซ้อนหรือคู่กรณีอ้างสิทธิเช่นเดียวกัน → การออกกฎหมายภายใน ไม่ทำให้คู่กรณียอมรับ หรือเปลี่ยนสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศ
• ในพื้นที่พิพาท เช่น กรณี MOU 2544 กับกัมพูชา กฎหมายไทยสามารถใช้เป็น “หลักฐานแสดงจุดยืน” แต่ไม่ใช่เครื่องมือแก้ข้อพิพาทได้
การอ้างว่ากฎหมายนี้ “กันไม่ให้ MOU 44 เขมือบหน้าน้ำไทย” เป็นการพูดในเชิงการเมือง–สัญลักษณ์ มากกว่าผลผูกพันจริงในทางกฎหมายระหว่างประเทศ
(2) มีการกล่าวว่า ในยุครัฐบาล คสช. มาตรา 44 ให้อำนาจหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งที่มีผลเหนือกฎหมายปกติ ทำไมไม่ใช้มันยกเลิก MOU 44
ข้อเท็จจริงคือ:
• มาตรา 44 อาจใช้ประกาศให้ MOU 44 เป็นโมฆะ “ในมุมของไทย” ได้ แต่ไม่ได้ทำให้ MOU หมดผลผูกพันในเวทีระหว่างประเทศ และเสี่ยงสูงต่อผลกระทบทางการเมือง–การทูต
• การเลิกโดยฝ่ายเดียวไม่ได้ทำให้กัมพูชาสูญเสียสิทธิหรือเลิกยึด MOU ได้ กัมพูชาสามารถใช้การถอนตัวฝ่ายเดียวนี้เป็นข้อกล่าวหาไทยว่า “ละเมิดพันธกรณี” และนำไปสร้างแรงกดดันในเวทีโลกหรือใช้ต่อรองในอนาคต
• เสี่ยงเกิดการเร่งรัดการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรจากฝั่งกัมพูชาในพื้นที่พิพาท เพราะถือว่า “ไม่มีข้อตกลงยับยั้งอีกต่อไป”
• เพิ่มความเสี่ยงต่อการปะทะทางทหารหรือข้อพิพาทในศาลระหว่างประเทศ
• ในทางยุทธศาสตร์ จึงมีเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลในหลายยุค รวมทั้ง ลุงตู่ เลือก “คง MOU ไว้” แม้จะถูกวิจารณ์ เพราะถือว่ามันเป็น “กลไกคุมเกม” มากกว่าการปล่อยให้สถานการณ์เปิดโล่ง
สรุปสั้น ๆ
พ.ร.บ. 2562 ช่วยยืนยันเขตและสิทธิของไทยในเชิง “ประกาศจุดยืน” และใช้เป็นฐานปฏิบัติของหน่วยงานความมั่นคง แต่ ไม่สามารถบังคับให้กัมพูชายอมรับเขตนั้นได้ ถ้าเขายังอ้างสิทธิอยู่
มาตรา 44 อาจใช้ประกาศให้ MOU 44 เป็นโมฆะ “ในมุมของไทย” ได้ แต่ไม่ได้ทำให้กัมพูชาสูญเสียสิทธิหมดในเวทีระหว่างประเทศ กฎหมายไทยยืนยันสิทธิได้ แต่ไม่สามารถ “บังคับให้เขมรยอมรับ” ได้ในพื้นที่ที่เขาก็อ้างสิทธิเหมือนกัน"
.-008
ขอบคุณข้อมูลจาก : เอ็ดดี้ อัษฎางค์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี