ไทยไม่ทน!ลุยฟ้องประชาคมโลก
บีเขมรกู้ระเบิด
กต.สายตรงUNใช้กลไกออตตาวา
ไต่สวนกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา
พาผช.ทูตทหารอาเซียนลุยอุบลฯ
พิสูจน์พื้นที่โดนโจมตี14ส.ค.นี้
รัฐบาลยันไม่นิ่งนอนใจกรณีเขมรใช้กับระเบิดต่อทหารไทยอย่างไร้มนุษยธรรม เดินหน้าร้องประชาคมโลกกดดันกัมพูชาให้ถึงที่สุด “มาริษ”สายตรงเลขาฯUN - รมว.กต.ญี่ปุ่น ให้กลไกออตตาวาสอบสวนกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา - พร้อมขอมาเลย์-สิงคโปร์กดดันเขมรร่วมเก็บกู้ เมิน กต.กัมพูชาฟ้อง UNSC อีกรอบ ชี้หลักฐานไม่มี ขณะที่ ศบ.ทก.เตรียมนำผู้ช่วยทูตลงพื้นที่อุบลฯ 14 ส.ค. เร่งประสาน ARMAC แสดงความจริงใจเก็บกู้ทุ่นระเบิด ทบ. แจง ทภ.2 ขอบริจาคลวดหนามหีบเพลง เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล “ภูมิธรรม” ยัวะนักวิจารณ์ปากพล่อย กล่าวหาหัวใจเขมร สั่งทนายเก็บหลักฐานฟ้องให้เรียบ ยัน กต. เตรียมยื่นฟ้องยูเอ็น ซัดเขมรจงใจไม่ให้เกิดสันติภาพ
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจและห่วงใยต่อทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในเขตแดนไทย เหตุดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน ขัดอนุสัญญาออตตาวา และเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม
รบ.ร้องประชาคมโลกบี้เขมรร่วมกู้ระเบิด
นายจิรายุกล่าวต่อว่า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบ.ทก. ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลและเยียวยากำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บทุกนายอย่างเต็มที่ พร้อมย้ำว่าฝ่ายความมั่นคงไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์นี้ และจะดำเนินมาตรการทุกวิถีทาง เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของแผ่นดินไทย นอกจากนี้ รัฐบาลขอเรียกร้องประชาคมโลกร่วมกดดันรัฐบาลกัมพูชา เพื่อเร่งรัดความร่วมมือเก็บกู้กับระเบิดทันที และขอให้รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาทบทวนการให้ความช่วยเหลือที่ไม่ก่อให้เกิดผลรูปธรรม พร้อมพิจารณามาตรการอื่นที่จำเป็น เพื่อยุติการสูญเสียครั้งใหม่จากการกระทำที่ไร้ความปรานี
“มาริษ”สายตรงเลขาฯUN-รมว.กต.ญี่ปุ่น
ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการหลังกำลังพลกองร้อยทหารพราน เหยียบทุ่นระเบิดว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ตนโทรศัพท์หารือรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประธานประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ในเดือนธันวาคม ขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) ไต่สวนการกระทำของกัมพูชา ซึ่งฝ่ายเลขาธิการของอนุสัญญาออตตาวา มีหนังสือตอบกลับมาแล้ว และวันศุกร์นี้ (15 สิงหาคม) จะพูดคุยกับประเทศผู้บริจาคในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เพื่อให้เห็นการดำเนินการของกัมพูชา โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee) หรือ GBC ไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยเสนอเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่กัมพูชาปฏิเสธ พร้อมโทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ขอให้ใช้กลไกอาเซียนกดดันกัมพูชาร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด
นายมาริษยังย้ำว่า ช่วงเดินทางเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐ ตนพบเลขาธิการสหประชาชาติและรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแล้ว และได้ประท้วงท่าทีความไม่จริงใจของกัมพูชาต่อทั้งสองบุคคล ในโอกาสต่าง ๆ เสมอมา ส่วนกรณีรมว.ต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเรียนต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC และเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา กล่าวหาฝ่ายไทยละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงทวิภาคี และเงื่อนไขของการหยุดยิงที่ตกลงกันไว้อย่างต่อเนื่องนั้น นายมาริษ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาไม่มีหลักฐานใดที่แน่ชัด แต่ฝ่ายไทยมีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับการยั่วยุของกัมพูชา และการวางทุ่นระเบิด และที่สุด UNSC ก็ไม่ได้มีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้งแต่อย่างใด
กต.จ่อยื่นฟ้องUNเขมรใช้กับระเบิด
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดอีก 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจ เพราะท่านกำลังทำหน้าที่อยู่ ส่วนที่มีทหารระบุหลังจากเกิดกรณีนี้ต้องปกป้องตนเองนั้น ตนคิดว่า ตามสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศทำได้ ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทบและเป็นปัญหาที่ผิดอนุสัญญาต่างๆ โดยเฉพาะการใช้กับระเบิด ผิดอนุสัญญาออตตาวาอยู่แล้ว มีขั้นตอนว่าต้องไปดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทำได้ตามกฎหมาย วันเดียวกันนี้ ตนคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เขาเตรียมยื่นอยู่แล้ว เรื่องนี้เราต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เป็นเรื่องที่ทำได้และควรทำ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เห็นได้ชัดว่า ความประสงค์ของกัมพูชาไม่ได้มีเจตนาให้เกิดสันติภาพ
“กต.ยืนยันทำมาหลายเรื่อง ได้คุยกับเลขาฯรยูเอ็น รวมถึงคณะกรรมการของอนุสัญญาออตตาวาแล้ว เราพยายามทำเต็มที่ สิ่งสำคัญคือ การชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนและการทำให้นานาชาติรับรู้ อาจยังทำช้าไปหรือเสียงดังไม่พอ แต่รมว.ต่างประเทศยืนยันในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ ท่านเชื่อมั่นว่าต่างประเทศเข้าใจเรามากกว่าเขมร ทุกคนได้เห็นรายละเอียดต่างๆแล้ว”นายภูมิธรรมกล่าว
ติงมทภ.2โพสต์ขอรับบริจาคลวดหนาม
ถามถึงกรณี กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอรับการสนับสนุนลวดหนามหีบเพลง นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริงๆในกระบวนการหากคิดว่าไม่พอแจ้งมาที่กองทัพหรือผู้บัญชาการทหารบกได้ เป็นเรื่องที่พูดอยู่ตลอดเวลากับแม่ทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ รัฐบาลจะให้งบกลางช่วยเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนี้เสนอมา จริงๆยังไม่จำเป็นถึงขนาดขึ้นเพจเฟซบุ๊กขอให้ประชาชนมาช่วย จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ รัฐบาลไม่มีอะไรขัดขวาง อยากเรียนให้แม่ทัพภาคที่ 2 ทราบเพราะว่าถ้าขาดจริงๆบอกมา เรามีงบให้อยู่แล้ว และบอกไปแล้วว่า ตอนนี้อะไรที่สามารถเอามาจากตรงไหนได้ เอามาก่อน ตรงไหนขาดบอกมาจะใช้วิธีพิเศษที่พิจารณาให้ได้เลยเพื่อให้ได้ของ ซึ่งเรื่องนี้คิดว่าจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันได้ รัฐบาล ยืนยันอะไรที่ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กำลังพลในการรักษาอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลนี้ไม่ขัดข้อง เปิดงบกลางให้ใช้อยู่แล้ว
อ้วนยัวะ!สั่งทนายฟ้องพวกวิจารณ์เข้าข้างเขมร
นายภูมิธรรมยังชี้แจงกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างที่บอกว่าไปเข้าข้างเขมร บอกว่าระเบิดที่ลงที่โรงพยาบาล ไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้ว่า ไม่จริง และถ้าไปดูเทปทั้งหมด เขาถามว่าจะชี้แจงอย่างไรหรือไม่ ทำไมระเบิดถึงลงเฉพาะที่นี่ ก็บอกว่าเขาไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมาย หากยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมายจะไม่มีการเสียชีวิตของพลเรือนเลย เป็นการยิงด้วยระเบิด BM- 21 ที่ออกมาทีจำนวนมากกระจัดกระจายไม่ได้ไปที่เป้าหมายทางทหาร หมายความว่าพลเรือนและโรงพยาบาล คิดว่าอย่าเอาไปบิดเบือน ทำลายรัฐบาล ทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความแตกแยก
“มีนักวิจารณ์การเมืองบางคนไปพูดว่าให้ตัดขาผม จะได้รู้ว่าหัวอกเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้ผมจะฟ้อง ผมเป็นคนที่ไม่คิดจะฟ้องใคร แต่คิดว่าเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์อย่างที่ผมเคยทำในอดีต ผมเคยถูกโจมตี กระทั่งสนธิแพ้ผมในชั้นศาลฎีกา อันนี้เคยมาแล้วขอโทษมาแล้ว เรื่องนี้เหมือนกัน อย่าพูดอะไรพล่อยๆ อย่าพูดอะไรให้เกิดความแตกแยก อย่าพูดอะไรที่ทำร้ายคนอื่น อยากให้สื่อช่วยด้วยในสิ่งที่ผมพูดไป ไม่อย่างนั้นผมจะพูดในสิ่งที่ควรพูดเท่านั้น จะไม่พูดอะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว เพราะพูดไปแล้ว มีการไปทำร้ายกัน เอาไปบิดเบือน ตัดตอนบางส่วนที่พูด แล้วก็ไม่มีใครช่วยเหลือ ผมคิดว่าต้องทำให้เป็นธรรม ไม่อย่างนั้นก็ไม่เหมาะสม อันนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจผม กำลังจะให้ทนายผมฟ้องทั้งหมด ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งข้อมูลและสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ทั้งหมดเก็บไว้หมดแล้ว”นายภูมิธรรม กล่าว
นำผช.ทูตทหารลงพื้นที่อุบลฯ14สค.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงว่า สถานการณ์ทั่วไปบริเวณชายแดนอยู่ในภาวะปกติ แต่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยสังเกตเห็นกัมพูชาเสริมที่มั่นแข็งแรงในพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้หารือเรื่องการปฏิบัติของผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียน ผลจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) สมัยวิสามัญ โดยการนำผู้ช่วยทูตทหารของสมาชิกอาเซียน นำโดย ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของมาเลเซียประจำประเทศไทย ลงพื้นที่สังเกตการณ์ผลกระทบในพื้นที่ รวมถึงความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อแสดงความโปร่งใส ความจริงใจ และยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยตามหลักปฏิบัติของสากล โดยจะนำคณะผู้ช่วยทูตลงพื้นที่วันที่ 14 สิงหาคม ที่ จ.อุบลราชธานี
จี้ARMAC-เขมรจริงใจเร่งกู้ทุ่นระเบิด
สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดพล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบ.ทก. เร่งหาแนวทางประสานความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางในพื้นที่จำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ หรือความร่วมมือจากกัมพูชาเท่าที่ควร ล่าสุดเร่งประสานผ่านกระทรวงต่างประเทศ (กต.) ขอให้ศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (ARMAC) ซึ่งปัจจุบันผู้อำนวยการบริหารของศูนย์ดังกล่าวเป็นกัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายกัมพูชา และ ARMAC แสดงความจริงใจสนับสนุนภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนด้วย เนื่องจากพบว่ามีทหารกัมพูชายังลักลอบวางทุ่นระเบิดจำนวนมาก ซึ่งทุ่นระเบิดนั้นถือเป็นภัยคุกคามที่ไม่ใช่แก่กำลังพลทหาร หรือฝ่ายความมั่นคง แต่เป็นอันตรายต่อประชาชนตามแนวชายแดนทั้งไทยและกัมพูชาด้วย
นัดถกRBC16ส.ค.ที่ตราดเน้นปมกู้ระเบิด
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวต่อว่า ทางกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้หารือกับฝ่ายกัมพูชาต่อเนื่อง ล่าสุด กปช.จต.แจ้งมาว่า จะประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) วันที่ 16 สิงหาคม ที่จ.ตราด ส่วนกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ยังอยู่ในเรื่องกำหนดเวลาที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบคือ ปลายเดือนสิงหาคม แน่นอนว่า 1 ในหัวข้อที่กำหนดไว้การประชุมอาร์บีซีคือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเราต้องขอความจริงใจจากฝ่ายกัมพูชา ร่วมมือเก็บกู้ระเบิดร่วมกันด้วย
เตรียมยุติบทบาทศบ.ทก.สัปดาห์นี้
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรมออกมาระบุเตรียมยุติบทบาทศบ.ทก.ว่า ยอมรับว่าอาจจะเป็นไปตามที่นายภูมิธรรม ได้พูดไว้ ส่วนเรื่องสถานการณ์ในพื้นที่นั้น เท่าที่ตนทราบสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมได้ มีหน่วยงานที่เป็นกลไกหลักที่ดำเนินการได้อยู่แล้ว ทั้งกระทรวงมหาดไทยและกองทัพต่างๆ เป็นกลไกหลักที่บริหารจัดการตัวเองได้ และทุกหน่วยก็รู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร และยังมีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กำกับดูแลภาพรวมความมั่นคงอยู่แล้ว ก็เป็นไปได้ที่จะยุติบทบาท ศบ.ทก.เร็ววันนี้ ขณะที่วันที่ 14 สิงหาคมยังประชุม ศบ.ทก.อยู่ และเรียกประชุมสมช.วันที่ 15 สิงหาคม
กต.ยันไม่นิ่งประท้วงประณามเขมรฟ้องUN
ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศน์และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบ.ทก.หารือกรณีทุ่นระเบิด ซึ่งนับรวมเป็น 4 ครั้งที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ โดยสองเหตุการณ์ล่าสุด กต.ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา เป็นการละเมิดอธิปไตยไทย ขัดหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศตามที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้ง ยังเป็นละเมิดพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล คือ อนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ กต.ยังมีหนังสือประท้วงฝ่ายกัมพูชาต่อกรณีทั้งสองด้วยแล้ว เพื่อเรียกร้องให้กัมพูชารับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว
สำหรับเวทีระหว่างประเทศ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวามีหนังสือประท้วงถึงประธานที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่องถึงการละเมิดข้อ 1 ของอนุสัญญาออตตาวา ขณะที่เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก กำลังมีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อประท้วงอีกครั้ง และเพื่อติดตามเรื่องที่ไทยเรียกร้องขอรับความชัดเจนจากฝ่ายกัมพูชาไปแล้วตามข้อ 8 วรรคสองของอนุสัญญาออตตาวา และกำลังรอคำชี้แจงจากฝ่ายกัมพูชาผ่านเลขาธิการยูเอ็นต่อไป พร้อมกันนี้ ไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานต่างๆที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับกัมพูชาจำนวนมากหลายปี พิจารณาทบทวนความช่วยเหลือต่างๆ โดยคำนึงถึงการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดอนุสัญญาอย่างร้ายแรง
15สค.แจงรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา
“ทั้งนี้ กต.ได้ชี้แจงให้ประชาคมโลกทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้มาต่อเนื่อง และจะชี้แจงต่อไป โดยวันที่ 15 ส.ค. กต.จะเชิญรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เข้าฟังการบรรยายสรุปเพื่ออธิบายข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย โดยเหตุการณ์ 2 ครั้งที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้สะท้อนถึงความไม่จริงใจของกัมพูชาในการแก้ปัญหาและขัดต่อมาตรการหยุดยิงทั้งสองฝ่ายเพิ่งได้ตกลงกันไว้ในการประชุมจีบีซี ที่มาเลเซีย ในกรอบนี้ฝ่ายไทยได้ส่งหนังสือประท้วงไปยังคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ที่ตั้งขึ้นตามมติของกรอบจีบีซีดังกล่าวเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และไทยจะนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวลงพื้นที่เร็วๆนี้ พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า กับระเบิดในพื้นที่ที่พบเจอ ไม่ได้เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ตามที่กัมพูชากล่าวอ้างมาตลอด”นางมาระตีกล่าว และย้ำว่า ไทยเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงใจตามที่ไทยเรียกร้องมาตลอด
ทบ.แจงงบมีแต่ต้องใช้ด่วนจึงต้องขอรับบริจาค
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน
“การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าว
‘ชวน’จี้เพิ่มเงินเยียวยา‘ไฟใต้”
ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระ2-3 วันแรก นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็นในงบกลางปีนี้ ได้รับ 99,000ล้านบาท ส่วนหนึ่งถูกนำไปเยียวยาทหารและประชาชน จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ตามมติครม.วันที่ 5ส.ค.ที่ระบุว่า ทหารเสียชีวิตได้เงิน 10 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท ประชาชนเสียชีวิตได้ 8 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท เทียบกับเหตุความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เงินเยียวยาน้อยกว่า เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เหลื่อมล้ำ พื้นที่ชายแดนใต้มีระเบิด ขาขาด ไม่ต่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา
“รัฐบาลเรียกร้องความสามัคคี แต่ความสามัคคีจะเกิดขึ้น ถ้าเราไม่เลือกปฏิบัติ มติครม. 5ส.ค.ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้ดูแลความมั่นคง พื้นที่อื่นๆที่มีความเสี่ยงควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเท่ากันหรือไม่ ถ้ายังไม่คิดก็เสนอให้คิด รวมถึงคนบาดเจ็บ พิการจากเหตุการณ์ความไม่สงบ พอจะมีโอกาสใช้งบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น มาเพิ่มให้ครอบครัวผู้บาดเจ็บ พิการหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความน้อยใจ” นายชวน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี