เชื่อ‘อิ๊งค์’ไปศาลเอง
เลขานายกฯโวลั่น-คุยทำเพื่อชาติ
21ส.ค.นัดไต่สวนคดีคลิปฮุนเซน
“แพทองธาร” ยังคงปิดปากนิ่งไม่ตอบจะไปเดินทางไปศาล รธน. ตามที่มีการนัดไต่สวนคดีคลิปเสียงสนทนากับ“ฮุนเซน” ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ หรือไม่ ด้าน “เลขานายกฯ” เผย มีแนวโน้ม “อิ๊งค์” จะไปชี้แจงศาลเอง ย้ำทุกอย่างทำด้วยเจตนาดี-เพื่อประเทศชาติ ขณะที่ “สมชาย” อดีตสว. ระบุ มีความผิดชัด นึกไม่ออกว่าจะรอดได้อย่างไร “สมชัย”อดีตกกต. ชี้เสี่ยงเป็นคดีอาญามั่นคง หากศาลตัดสินให้มีความผิด จะมีโทษหนัก “จตุพร” ชี้สถานการณ์การเมืองเดือนสิงหาคม 2568 ชี้ชะตาสองพ่อลูกตระกูลชิน คาดหากเกิดพลิกขั้วอำนาจ “อนุทิน”มีสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ คนต่อไป สส.พรรคเพื่อไทยอาจเทเสียงโหวตสวนมติพรรค
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางมาที่อาคารรัฐสภา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ระหว่างที่ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันสุดท้าย โดยนายกรัฐมนตรียังคงไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน
เมื่อสื่อมวลชนพยายามสอบถามว่าในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคดีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะเดินทางไปด้วยตนเองหรือไม่โดยนายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถามใดๆ นอกจากยิ้มให้ก่อนเดินขึ้นไปที่ห้องรับรองของอาคารรัฐสภา
เลขานายกฯคาด“อิ๊งค์”ไปศาลเอง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 2 ปาก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรณีคลิปเสียง ในวันที่ 21 ส.ค. ก่อนวินิจฉัยในวันที่ 29 ส.ค. นายกฯจะไปเองหรือไม่ ว่า ถึงเวลาก็รู้เอง เชื่อว่านายกฯ ตัดสินใจเอง ซึ่งแนวโน้มคงไปเอง
เมื่อถามว่า ในฐานะทีมงานของนายกรัฐมนตรีมั่นใจหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราด้วยความบริสุทธิ์ใจทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ และเจตนาดี ตนเชื่อว่า นี่เป็นเหตุผลสำคัญ
เมื่อถามว่า จะมีปัญหาหรือไม่หลังพยานเสนอไป 5 คนแต่ศาลรับให้ไต่สวนเพียงเลขา สมช.เพียงคนเดียว นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ตนว่าแล้วแต่ข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงก็เป็นอย่างนั้น
“ชูศักดิ์”ย้ำเพื่อไทยไม่มีแผนสำรอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำชี้แจงของ น.ส.แพทองธาร ต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน ว่า เป็นคำชี้แจงที่เป็นไปตามข้อเท็จจริง น.ส.แพทองธาร ไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศลดน้อยลงอะไรเลย ข้อเท็จจริงก็เป็นข้อที่รับรู้กันอยู่โดยทั่วไป
เมื่อถามว่า วันที่ 21 ส.ค. ที่ศาล รธน. เรียกไต่สวนพยาน นายกฯ ควรต้องไปเองหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ ไปก็ได้หรือมอบหมายก็ได้ เช่น ให้ทนายหรือนักกฎหมายไป
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ไปด้วยตนเอง กับมอบหมายไป อย่างไหน จะได้เปรียบมากกว่ากัน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเคลียร์หรือไม่ ชัดเจนหรือยัง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีการพูดถึงแผน 1 หรือแผน 2 หรือไม่ หาก น.ส.แพทองธาร ถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีการพูดเลย และอย่าไปคาดเดา ให้ถึงเวลาก่อน เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็แจ้งปัญหากันไป ซึ่งขณะนี้ยังมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้
“สมชาย”ชี้“อิ๊งค์”หวังรอดตามรอยพ่อ
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า #อุ๊งอิ๊ง #ต้องลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย อ่านข่าวคำชี้แจงของแพทองธาร ชินวัตร ต่อศาลรัฐธรรมนูญ แล้ว เห็นว่า เธอพยายามแก้ต่างต่อศาลว่า กระทำไปตามคำแนะนำของคนอื่น เพื่อเป็นแนวทางให้ศาลวินิจฉัยว่า “บกพร่องโดยสุจริต” แบบเดียวกับคดีที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญในอดีต ที่เคยวินิจฉัย 8:7 ให้นายทักษิณชนะคดีซุกหุ้นคนขับรถ คนใช้ 8:7 ว่า “บกพร่องโดยสุจริต”
งานนี้“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ทีมงานศรีธนญชัยทางกฎหมาย คงจะเดินทางตามรอยเดิม พร้อมกระบวนการปล่อยข่าวลือ ถุงขนมมากมาย หลายร้อย หลายพันกิโล ถึงขนาดโต๊ะพนันรับแทงไม่อั้นว่ารอด 5:4 ด้วย“บกพร่องโดยสุจริต”เหมือนกันแน่
ชี้ผิดชัด-นึกไม่ออกจะรอดได้อย่างไร
ส่วนตัวผมไม่เชื่อเช่นนั้น และยังมั่นใจว่า การที่อุ๊งอิ๊งค์ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์ส่วนตัวไปคุยปรึกษาความลับราชการแผ่นดินกับฮุนเซน และการพบปะพูดคุยกับนายฮวด รองนายกเทศมนตรี กรุงพนมเปญ ที่รร.โรสวู้ด ในกรุงเทพมหานคร ก่อนจะต่อโทรศัพท์ 3 สายคุยกับฮุนเซน นั้นเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหมวด 3 เรื่องความผิดต่อความมั่นคงนอกราชอาณาจักรไทยแน่นอน ซึ่งมีโทษจำคุก ตั้งแต่ 10 ปี จำคุกตลอดชีวิตจนถึงประหารชีวิต
ส่วนคดีที่สว.ร้องนั้น หลักฐานที่ปรากฎต่อสื่อมวลชน และชัดเจนว่า เป็นคลิปเสียงทั้งสองฝ่ายจริงนั้น เป็นการกระทำผิดตามข้อบังคับจริยธรรมข้าราชการเมือง ในหลายประเด็นอย่างชัดเจน เป็นเหตุที่ศาลจะวินิจฉัยให้อุ๊งอิ๊งค์ขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีเพราะ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ผิดจริยธรรมร้ายแรง ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก
อาจมากถึง 9:0 หรือ 8:1 หรือ 7:2 ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนมากมัดตัวขนาดนี้
ด้วยความเคารพศาลรัฐธรรมนูญมาตลอด ส่วนตัวยังนึกไม่ออกว่า จะรอดได้อย่างไรและสงสัยว่าคำวินิจฉัยว่า ไม่ผิดนั้น จะเขียนอธิบายให้เข้าใจชัดเจนอย่างไร
นำคำถอดเทปของแท้ให้อ่านกันชัดๆ
ผมจึงขอนำคำถอดเทปฉบับของแท้ที่แปลภาษากัมพูชาอย่างถูกต้องและเป็นทางการของหน่วยราชการความมั่นคงของไทย มาให้ท่านทั้งหลายในกระบวนการยุติธรรม สื่อมวลชน และประชาชนได้รับทราบ
ทุกท่านลองอ่านเปรียบเทียบคลิปเสียงอย่างละเอียด ช้าๆชัดๆ จะสามารถเข้าใจถ่องแท้ว่า ในเนื้อหาคำพูดที่ใช้สื่อสารกันจริงๆ นั้น เป็นเทคนิคการเจรจาความระหว่างประเทศ ที่มีปัญหาข้อพิพาทการสู้รบไทยกัมพูชามีชีวิตประชาชนและทหารไทย เป็นเดิมพันนั้น เป็นเรื่องแก้ตัวพอรับฟังว่า “บกพร่องโดยสุจริต”หรือ เป็นเรื่องเท็จที่อ้างเพื่อไม่ต้องการรับผิดทางกฎหมายครับ
สุดท้าย เพื่อพิสูจน์ความจริงทั้งหมดนี้ เพื่อประโยชน์ต่อคดีและประโยชน์ต่อสาธารณะ ในวันที่ 21 ส.ค.2568 ที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกไต่สวนพยาน 2 ปากคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นั้น ขอกราบเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ควรอนุญาตให้ถ่ายทอดสดผ่านสื่อในการไต่สวนบุคคลทั้ง 2 ราย ให้พี่น้องประชาชนไทยทั้งประเทศ ได้รับทราบไปพร้อมกันด้วยครับ ด้วยความเคารพต่อศาลรัฐธรรมนูญ และเชื่อมั่นในหลักนิติธรรม
“สมชัย”เตือนเสี่ยงเป็นคดีอาญามั่นคง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า...ปะไว้ก่อน คำร้อง คดีอาญา ที่อดีต สว.สมชาย แสวงการ และคณะ ร้องต่อกองปราบ กรณีคลิปเสียงแพทองธาร อาจกลายเป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าต่อเนื่องในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิด เนื่องจากเหตุผลที่ว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร”
ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร
มาตรา 120 ระบุว่า ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 121 ระบุว่า คนไทยคนใดกระทำการรบต่อประเทศหรือเข้าร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 122 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่ออุปการะแก่การดำเนินการรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
ถ้าการอุปการะนั้นเป็นการ
(1) ทำให้ป้อม ค่าย สนามบิน ยานรบ ยานพาหนะ ทางคมนาคม สิ่งที่ใช้ในการสื่อสาร ยุทธภัณฑ์ เสบียงอาหาร อู่เรือ อาคาร หรือสิ่งอื่นใดสำหรับใช้เพื่อการสงครามใช้การไม่ได้หรือตกไปอยู่ในเงื้อมมือของข้าศึก
(2) ยุยงทหารให้ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ ก่อการกำเริบ หนีราชการหรือละเมิดวินัย
(3) กระทำจารกรรม นำหรือแนะทางให้ข้าศึก หรือ
(4) กระทำโดยประการอื่นใดให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบ
ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 123 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
มาตรา 124 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้ หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
ถ้าความผิดนั้นได้กระทำในระหว่างประเทศอยู่ในการรบหรือการสงคราม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี ถ้าความผิดดังกล่าวมาในสองวรรคก่อน ได้กระทำเพื่อให้รัฐต่างประเทศได้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
“จตุพร”ฟันธง“อิ๊งค์”ไม่ไปศาล21ส.ค.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยระบุถึงสถานการณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลนัดตัดสินคดีในเดือน ส.ค.นี้ว่า มีผลออกมาเป็นบวกหรือลบก็ตาม ย่อมไม่เป็นคุณกับอำนาจของพ่อ-ลูกและพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม คดีของนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ศาล รธน.นัดไต่สวนวันที่ 21 ส.ค. และกำหนดวันวินิจฉัย 29 ส.ค. นี้ ส่วนคดี ม.112 ของทักษิณ ศาลอาญาชั้นต้นตัดสิน 22 ส.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอนว่า ศาลจะตัดสินออกมาเป็นบวกต่อทักษิณและนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ โดยตนเชื่อว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ไม่ไปไต่สวนตามที่ศาล รธน. นัด 21 ส.ค. นี้ เพราะมีปัญหาความจำและการให้ปากคำในศาลไม่สามารถอ่านคำชี้แจงจากเอกสารหรือไอแพดได้ อีกอย่างหากถูกศาลซักถามแล้วให้ปากคำไม่ตรงหรือขยายความเห็นออกไปนอกเหนือคำชี้แจงแล้ว คงเกิดปัญหาตามมา
แม้คำตัดสินเป็นบวกแต่“อิ๊งค์”ยังหนัก
ถัดจากนั้นวันที่ 22 ส.ค. ศาลอาญาชั้นต้นตัดสินทักษิณ คดี ม.112 ในฐานะตนมีประสบการณ์ขึ้นศาลมากกว่า จึงขอบอกว่า การพิจารณาคดีของศาลไม่มีอะไรแน่นอน ซึ่งสถานการณ์สามารถพลิกเปลี่ยนจากความแน่นอนแปรผันเป็นไม่แน่นอนได้เสมอ ถ้าคำตัดสินวันที่ 22 ส.ค.เป็นบวกแล้ว นายทักษิณจะเกิดแรงฮึด คิดอ่านดัน นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ คนที่สามของพรรคเพื่อไทย มาเป็นนายกฯ แล้วเดินหน้าเป็นรัฐบาลต่อไปได้ แต่ถ้าผลตัดสินเป็นลบ พรรคร่วมคงอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจกันแล้ว
“สิ่งสำคัญ ภายในวันที่ 29 ส.ค. ถ้านายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ยังไม่ลาออกจากนายกฯ แม้ศาล รธน.วินิจฉัยเป็นบวก คงโดนประชาชนชุมนุมกดดันไล่ แต่ถ้าคำตัดสินเป็นลบ พรรคร่วมคงคิดหนักเช่นกันกับการหนุนนายชัยเกษม เป็นนายกฯ และมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ”นายจตุพร ย้ำ
“อนุทิน”มีโอกาสเป็นนายกฯ
อีกทั้งกล่าวว่า เมื่อมีเลือกตั้งใหม่ คงหาเสียงลำบาก และโอกาสพรรคร่วมกอดคอจมหัวจมท้ายด้วยกันย่อมเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง ดังนั้น เสียง สส.จะผลักดันนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ ย่อมมีความเป็นได้สูงเช่นกัน หรือทักษิณยังดื้อดึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาก็ลำบากไม่แตกต่างกัน
“ถ้าพรรคเพื่อไทยยังดื้อเป็นรัฐบาลต่อ โดยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แล้ว การตัดสินใจเช่นนี้ ถือว่า พรรคเพื่อไทยจบอนาคตทางการเมืองโดยปริยายแล้ว อีกอย่างในสถานการณ์ไม่แน่นอนแบบนี้ จะตั้งรัฐบาลกันอย่างไร ภายใต้เงื่อนไขต้องอาศัยพรรคประชาชนมาโหวตให้เป็นนายกฯ”นายจตุพร ย้ำ
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อการโหวตนายกฯ เป็นเอกสิทธิ์ สส.แล้ว ให้จับตาพรรคเพื่อไทยว่า จะเกิดอาฟเตอร์ช็อกทางการเมืองหรือไม่ เพราะ สส.ย่อมเล็งเห็นผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขณะที่กระแสประชาชนนิยมพรรคเพื่อไทยแค่ 4% ย่อมไม่ง่ายเลย ดังนั้น สส.จะถอนสมอจากพรรคมาใช้เอกสิทธิ์เลือกนายกฯ โดยพิจารณาบุคคล ไม่เลือกจากพรรค ซึ่งการตัดสินเช่นนี้จะเป็น สส.เพื่อไทยมากที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี