กองทัพไทยเปิดรายงานแฉยับเขมร
ซุกทุ่นระเบิดสังหาร
ครอบครองไว้อื้อเฉียด4พันลูก
อ้างใช้ฝึกต่อ-ไม่ยอมทำลายทิ้ง
โฆษกรัฐบาลเลิกเชิญ‘ไมเคิล’
เพิ่งรู้เป็นล็อบบี้ยิสต์/ไม่ใช่สื่อ
สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยังปกติ กองทัพคงกำลังแนวที่มั่นทั้ง 11 พื้นที่-วางรั้วลวดหนามอย่างต่อเนื่อง โฆษกรบ.บอกจบข่าว “ไมเคิล” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่สื่อทำเนียบฯ แค่แอบอ้าง เผยเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จ.สุรินทร์ ดูปฎิบัติการทหารไทยเก็บกู้ระเบิดที่เขมรฝังไว้ พร้อมพาดูชุมชน–รร.-รพ.ที่ถูกเขมรยิงพังเสียหาย ด้านทบ.โต้“เขมร”เพิกเฉยต่อพันธกรณีทุ่นระเบิด ขัดภาพลักษณ์บนเวทีโลก และละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำอีก เผยสถิติ’เขมร’ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ‘บินโดรนล้ำแดน-เสริมกำลัง-ยิงปืนยั่วยุ’เหมือนวางแผนรบ“แฉรายงานเขมรปลายปี67 มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลPMN-2 และชนิดอื่นรวมกว่า3,700ลูก อ้างใช้ฝึกต่อ-ไม่ยอมทำลาย ด้านTMACแจงยิบลักษณะระเบิดที่ตรวจพบที่ช่องอานม้า-ช่องบก เป็นของใหม่ ยันละเมิดอนุสัญญาออตตาวาร้ายแรง เอาผิดได้ตามกม.ระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ไทยคู่ฟ้า” สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา เที่ยงคืนถึงเช้านี้ พื้นที่ 7 จังหวัดประเทศไทย สถานการณ์ปกติ ไทยยังตรึงกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยต่อเนื่อง
ทัพไทยยังวางกำลังกั้นลวดหนามที่มั่น11จุด
โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด เหตุการณ์ปกติ กองทัพไทยยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 พื้นที่ และวางรั้วลวดหนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา
นายจิรายุกล่าวว่า แม้ขณะนี้ กัมพูชายังคงมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ในรูปแบบต่างๆ เช่น การสร้างข่าวปลอม จ้างอินฟูลฯ การจัดฉาก สร้างสถานการณ์ใส่ร้ายประเทศไทย การจ้างวานบุคคลสมมติ จึงขอฝากความห่วงใยไปถึงประชาชนและสื่อมวลชนที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ใช้วิจารณญาณ และตรวจสอบข้อมูลจากส่วนราชการ ก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อไป
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีนายไมเคิลอัลฟาโร ล็อบบี้ยิสต์ อเมริกัน ที่อ้างตนว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว ที่ไปรายงานทางโซเชียลมีเดียที่ชายแดนกัมพูชานั้น หากตอบรับมาไทย ยืนยันพร้อมรับรองค่าใช้จ่ายและพาไปไลฟ์สดจุดแรก ที่บริเวณทุ่งกับระเบิดทันทีหากนายไมเคิล มาจริง
“ไมเคิล’ตอบรับคำเชิญ!’จิรายุ’
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ไมเคิลอัลฟาโร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า «ผมกำลังอยู่ที่กัมพูชา แต่เพิ่งได้รับคำเชิญจากรัฐบาลไทยให้เดินทางข้ามไป เพื่อรับฟังมุมมองของฝ่ายไทยโดยตรง ในฐานะนักข่าว ภารกิจของผมคือการค้นหาความจริงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งชายแดนครั้งนี้ ทั้งสองฝ่าย และรายงานโดยตรงต่อประชาชนชาวอเมริกัน รวมถึงสังคมโลก หลังจากที่ได้พบกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยแล้ว ผมจะนำสิ่งที่ค้นพบกลับมา และรายงานต่อประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อที่ท่านจะได้ตัดสินใจอย่างรอบด้านว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร เพื่อมุ่งสู่สันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างกัมพูชากับไทย กรุณาให้ข้อมูลช่องทางการติดต่อที่ดีที่สุดเพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จริง ไมเคิลอัลฟาโร»
รบ.นัดพาสื่อระดับโลกลุยสุรินทร์
อย่างไรก็ตาม เวลา 15.15น.นายจิรายุ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า รัฐบาลเตรียมนำสำนักข่าวต่างประเทศ สื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์นี้ ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของเขมรถล่มอาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะพาไปพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนให้ชมปฎิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย
จบข่าว!ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย
ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิลอัลฟาโร ชาวสหรัฐฯ ที่ไปไลฟ์สด ชายแดนกัมพูชา -ไทย ด้วยการเซ็ตฉาก และกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯตั้งแต่คืนวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา และกล่าวหาไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรงและใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว
“สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิล ที่อ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตัวเองเป็นสื่อของรัฐบาลสหรัฐฯ จะฟ้องประธานาธิบดี ซึ่งผมเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ไทยโดนเขมรโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาลก็ เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้ พบว่านายไมเคิลไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว จริงแถมยังแอบอ้างถึง ปธน.สหรัฐฯ วันนี้ผมจึงขอบอกว่า จบข่าว ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป”
ศบ.ทก.รอผลRBC-GBCก่อนวางแผน
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาการแทนรมว.กลาโหม กล่าวว่า ปัจจุบันการที่ ศบ.ทก. มีการเคลื่อนไหวไม่มาก เนื่องจากต้องรอฟังผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(RBC) ในพื้นที่ บัญชาการกองกำลังป้องกันจันทบุรีตราด (กปช.จต.)กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 หลังจากนั้นจะมาประเมิน เพื่อเตรียมการประชุมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 8-10 กันยายน ที่จะจัดขึ้นที่เสียมราฐ กัมพูชา
พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ปัจจุบันได้ปรึกษากับที่ปรึกษาของรมช.กลาโหม ทั้ง 8 ท่าน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดฉากทัศน์ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวเพื่อให้ ศบ.ทก. กำหนดฉากทัศน์ที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการในห้วงเวลาต่อไป และเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเห็นชอบต่อไป.
ทบ.ตอกหน้าเขมรยอมรับใช้ทุ่นระเบิด
พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีพล.ท.(หญิง) มาลี โสเจียตา โฆษก กระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงอ้างแนวทางการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องนำเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)ว่า การที่กัมพูชากล่าวลักษณะนี้แสดงถึงการยอมรับว่าฝ่ายกัมพูชามีการใช้ทุ่นระเบิดคุกคามทำร้ายฝ่ายไทยจริงอย่างชัดเจน โดยกัมพูชาแสดงท่าทีที่จะมีการดำเนินการเรื่องทุ่นระเบิดนี้ ก็ต่อเมื่อข้อตกลงหยุดยิงสมบูรณ์แล้ว ซึ่งในสภาพความเป็นจริง หากฝ่ายกัมพูชายังคงใช้ทุ่นระเบิดอยู่ ข้อตกลงหยุดยิงจะมีความสมบูรณ์ได้อย่างไร โดยเฉพาะสิ่งนี้ยังเป็นอาวุธที่กัมพูชาใช้คุกคามทำร้ายฝ่ายไทยอยู่ตลอดเวลาเพียงฝ่ายเดียว โดยมีปรากฏหลักฐานเป็นที่ประจักษ์มากมาย ซึ่งพิจารณาได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับทุ่นระเบิดในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งยังดูย้อนแย้งกับบทบาทในเวทีนานาชาติที่เข้าใจว่า กัมพูชาเอาจริงเอาจังในการต่อต้านทุ่นระเบิด เพื่อมนุษยธรรม ทั้งที่กัมพูชาเป็นประเทศที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนในการดำเนินการในเรื่องทุ่นระเบิดจากนานาชาติปีละจำนวนมาก แต่กลับเพิกเฉยในสิ่งที่ควรทำ แม้จะกระทบภาพลักษณ์กัมพูชาต่อสายตานานาชาติ โดยเฉพาะภาคีสมาชิกอนุสัญญาออตตาวา และผู้ให้เงินทุนสนับสนุนกับกัมพูชา
ซัด‘เฮง รัตนา’ใส่ร้ายหวังให้ทูตฯเข้าใจผิด
พลตรี วินธัยยังกล่าวถึงกรณีนายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) ชี้แจงต่อสาธารณะว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรือPMN-2 ที่ฝ่ายไทยนำมาแสดง และกล่าวอ้างว่ากัมพูชาลอบวางนั้น ยังไม่ถูกดึงสลักนิรภัย ซึ่งทางเทคนิคระเบิดที่นำไปวางต้องดึงสลักนิรภัยออกก่อน มิฉะนั้นระเบิดจะไม่ทำงานว่า การพูดแบบนี้มีเจตนาหวังให้ผู้รับสารเข้าใจผิดว่าไทยสร้างภาพหลอกนักข่าวและนักการทูต โดยทุ่นระเบิดที่นำมาจัดแสดงให้คณะผู้แทนจากต่างประเทศได้ดู ในส่วนที่นายเฮง รัตนา ระบุยังไม่ดึงสลักนิรภัยออกนั้น ถูกตรวจพบจากการเข้าตรวจค้นและทำพื้นที่ให้ปลอดภัยโดยหน่วยทหารช่าง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 บริเวณพื้นที่ภูมะเขือ ในจุดที่ทหารกัมพูชาเคยวางกำลังอยู่ บริเวณดังกล่าวฝ่ายไทยตรวจพบทุ่นระเบิดเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็น PMN-2 ที่พบมีทั้ง 2 ลักษณะคือ ทุ่นระเบิดที่เก็บไว้ยังไม่ได้นำไปติดตั้ง จึงเห็นในภาพว่ายังมีสลักนิรภัยติดอยู่ และทุ่นระเบิดที่ติดตั้งแล้ว กรณีนี้จะไม่มีสลักนิรภัย โดยทั้งสองลักษณะได้ถูกนำมาแสดงให้คณะผู้แทนจากต่างประเทศได้ดูเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา การที่นายเฮง นำภาพมาประกอบข่าว เป็นการเลือกภาพมาเพียงบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อหวังให้เกิดความสับสน และมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับพยานหลักฐานของฝ่ายไทย แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นผล เพราะผู้แทนจากต่างประเทศได้เห็นและสัมผัสกับของจริงทั้งหมดอย่างละเอียด และครบถ้วนแล้ว
ฉะ‘ไมเคิล’ไม่ใช่สื่อ-บิดเบือนกล่าวหาไทย
ขณะที่พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริโฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง กล่าวตอบโต้ข้อกล่าวหาที่บิดเบือนเกี่ยวกับการรุกล้ำดินแดนของกองกำลังไทยว่า ตามที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยบุคคลที่ใช้ชื่อว่านาย Michael B Alfaro กล่าวอ้างว่า กองกำลังทหารไทยได้รุกล้ำดินแดนและขัดขวางการสัญจรของประชาชนกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนนั้น ต่อมาได้ «ปิดกั้น» การเข้าถึง สะท้อนเจตนาไม่บริสุทธิ์ ศบ.ทก.ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1.ความน่าเชื่อถือของผู้กล่าวหา จากการตรวจสอบ นาย Michael B Alfaro มิได้มีสถานะเป็นผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา และไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทางการ หรือสื่อมวลชนใดๆ ที่ได้รับการรับรอง บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพิ่งจัดตั้งในปีปัจจุบัน และยังมีข้อบกพร่องด้านความน่าเชื่อถือหลายประการ เนื้อหาที่เผยแพร่จึงไม่อาจถือเป็นข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสื่อสากล แต่เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคลที่ปราศจากหลักฐานรองรับ2.การบิดเบือนข้อเท็จจริงการนำเสนอที่ใช้ถ้อยคำฟันธง และกล่าวหาต่อประเทศไทยโดยตรง ไม่เพียงเป็นการละเมิดหลักการรายงานข่าว เชิงวิชาชีพ แต่ยังอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่สาธารณชนระหว่างประเทศ ศบ.ทก.เห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน และไม่สามารถยอมรับได้
โต้ลั่นไทยไม่รุกราน-ไมเคิลไม่น่าเชื่อถือ
3.จุดยืนของประเทศไทยที่ชัดเจน กองทัพไทยยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่เคยรุกล้ำดินแดนและไม่เคยทำการที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน ภารกิจของกองกำลังไทยดำเนินไปภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ความระมัดระวังสูงสุด และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนสากล ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการธำรงความสัมพันธ์ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านกับกัมพูชา แต่จะไม่ยอมให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือการบิดเบือน ที่กระทบต่อเกียรติภูมิและความมั่นคงของชาติ4.ศบ.ทก.ขอเรียกร้องต่อสื่อมวลชน และประชาคมโลกให้ตระหนักถึงความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าว และใช้ข้อมูลจากหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวสารที่บิดเบือน ถูกนำไปขยายผลจนสร้างความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น
“ศบ.ทก.ขอย้ำว่าประเทศไทยยึดมั่นหลักสากลแห่งการอยู่ร่วมกันโดยสันติ แต่จะไม่ยอมให้ข้อมูลเท็จ การบิดเบือน หรือการยั่วยุใดๆ มาบั่นทอนศักดิ์ศรีของชาติ หากมีการเผยแพร่ข้อมูลเป็นเท็จในลักษณะซ้ำซากหรือบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ ไทยจะพิจารณาดำเนินการตามกรอบกฎหมายและกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและถึงที่สุด”พลเรือตรีสุรสันต์ระบุ
ทัพไทยแฉซ้ำเขมรใช้ทุ่นระเบิดใหม่
พลตรีวิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนในสื่อออนไลน์ของฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคม ดังนี้
จากเหตุการณ์ที่กำลังพลไทย 5 นาย ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน ผลการตรวจพิสูจน์โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 “ใหม่ทั้งหมด” ที่ถูกวางแบบพร้อมใช้งาน โดยถอดอุปกรณ์ Safety และกลบพรางอย่างแนบเนียน สภาพทุ่นมีความใหม่ ตัวอักษรคมชัด เมื่อรื้อถอนพบว่าสปริง เข็มแทงชนวน และชิ้นส่วนภายในอยู่ในสภาพใหม่สมบูรณ์ ไม่ใช่ทุ่นเก่าตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง
เปิดหลักฐานไทยยึดได้อื้อบนภูมะเขือ
นอกจากนี้ บริเวณภูมะเขือยังตรวจพบทุ่นระเบิดอยู่ในสองลักษณะ โดยลักษณะแรกคือทุ่น PMN-2 ที่ยังไม่ได้ใช้งาน หางปลา (safety pin) ยังคงติดอยู่ครบถ้วน สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชามีทุ่นชนิดนี้ไว้ครอบครองเพื่อเตรียมใช้งาน ซึ่งถือว่าละเมิดอนุสัญญาออตตาวาโดยตรง และมีหลักฐานเชื่อมโยงว่าทุ่นเหล่านี้ถูกนำไปใช้งานจริงในหลายพื้นที่ รวมถึงกรณีที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีกลักษณะหนึ่งเป็นทุ่นที่รื้อถอนขึ้นจากพื้นดินในสภาพที่ถูกวางใช้งานแล้ว อยู่ในสภาพพร้อมทำงาน บางลูกมีร่องรอยของเข็มแทงชนวนที่เริ่มทำงานแต่ยังไม่สมบูรณ์ การรื้อถอนดำเนินการโดยทหารราบเพื่อรวบรวมไว้ และต่อมาส่งให้เจ้าหน้าที่ TMAC มาดำเนินการนิรภัยและทำลายตามมาตรฐานสากล โดยทุกครั้งที่ทำการนิรภัย เจ้าหน้าที่จะต้องถอดตัวจุดระเบิด Detonator (DES) และ Booster ออกเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันอันตราย
ลั่นไทยไม่เคยมีทุ่นระเบิดPMN-2
ในส่วนของความโปร่งใส ไทยดำเนินการตามอนุสัญญาออตตาวาอย่างเคร่งครัด โดยพื้นที่ช่องบกและช่องอานม้าที่เกิดเหตุ เป็นพื้นที่ที่ TMAC เคยกวาดล้างทุ่นระเบิดแล้ว 100% และมีการรายงานต่อที่ประชุมอนุสัญญาทุกปี โดยไม่เคยพบทุ่น PMN-2 แต่อย่างใด ขณะเดียวกันประเทศไทยไม่เคยมีทุ่นชนิดนี้อยู่ในครอบครอง และได้ทำลายทุ่นระเบิดคงคลังทั้งหมดตั้งแต่ปี 2546 รวมถึงครั้งสุดท้ายในปี 2562 โดยไม่มี PMN-2 อยู่ในบัญชีแม้แต่ลูกเดียว
เปิดรายงานแฉมีระเบิดเฉียด4พันลูก
ในทางกลับกัน เอกสารรายงานต่ออนุสัญญาออตตาวา ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 ระบุชัดเจนว่ากัมพูชายังคงครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 และชนิดอื่น ๆ รวมกว่า 3,700 ลูก โดยอ้างว่าเก็บไว้เพื่อการฝึกตามมาตรา 3 ของอนุสัญญาฯ แต่การลักลอบนำทุ่น PMN-2 มาวางในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ถือเป็นถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาอย่างร้ายแรง และเอาผิดได้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
“กองทัพไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเน้นย้ำว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ตรวจสอบได้จากหลักฐานทางเทคนิคและการพิสูจน์โดยตรง ยืนยันชัดเจนว่าทุ่นระเบิดที่ทำให้กำลังพลไทยได้รับบาดเจ็บ เป็นทุ่นระเบิดใหม่ชนิด PMN-2 ที่ฝ่ายกัมพูชาลักลอบนำมาวางในพื้นที่ชายแดนไทย ไม่ใช่ทุ่นเก่าตามที่มีการกล่าวอ้าง เหตุการณ์นี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและเป็นการกระทบต่ออธิปไตยของประเทศไทยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้”
แฉเขมรเตรียมรบมากกว่าหยุดยิง
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ค กองทัพบก ทันกระแส เผยสถิติกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงว่า ‘ไหน ? ความจริงใจ “สถิติกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง” ระหว่างวันที่ 7-16 สิงหาคม 2568 ข้อมูลโดยกองทัพบกสถิติกัมพูชาละเม็ดข้อตกลงหยุดยิงดังนี้ บินโดรนล้ำแดน บุรีรัมย์พบมากสุด 51 ลำ76 ครั้ง / 204 ลำ11 สิงหาคม ละเมิดสูงสุดตรวจพบ 49 ลำ ใน 3 จังหวัดการเพิ่มเติมกำลังตรวจพบการเคลื่อนย้ายรถยนต์กำลังบรรทุกทางทหารทุกวันมีการติดตั้งอาวุธยิงสนับสนุนหลายพื้นที่ เช่น เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 81 มม.10 สิงหาคม พบขบวนรถทหาร ใหญ่ที่สุด 20 คันเคลื่อนที่จากวัดตาเมือนไปช่องกร่างพบการเพิ่มอาวุธหนัก (DShK,PKM, RPG-7) การยิงปืนยั่วยุ8 สิหาคม ใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินการยั่วยุใส่แนวกำลังไทย9 สิงหาคม ได้ยินเสียงปืนจากฝั่งกัมพูชา 4 นัดการลักลอบ9 สิงหาคม ศรีสะเกษวางทุ่นระเบิด12 สิงหาคม ปราสาทตาเมือนธมและทหารไทยสูญเสียขา“กัมพูชาแสดงถึงความพยายาม เตรียมการรบ มากกว่าการรักษาสถานะหยุดยิง”
ถามโฆษกรบ.เชิญ‘ไมเคิล’มาได้อะไร
มีความเห็นจากนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ได้อะไร” เนื้อหาระบุว่า มีข่าวว่า โฆษกรัฐบาลจะเชิญนายไมเคิล อัลฟาโร มาไทย นายไมเคิลที่เขมรจ้างมาทำงานให้โกหก คนทั้งโลก อ้างเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว ทั้งที่เพิ่งเปิดบริษัทประชาสัมพันธ์เมื่อต้นปีนี้เอง
นายไมเคิลเปิดบริษัทโฆษณาชื่อ Capitol Hill & Friends ในกรุงวอชิงตัน มีพนักงานเพียง 2 คน นายไมเคิลได้โกหกและกล่าวโจมตีไทยสร้างรั้วลวดหนาม ปิดกั้นเส้นทางในเขตกัมพูชาและไม่ให้คนเขมรใช้เส้นทางและสุดท้ายได้พูดว่า don’tThai to me. คนลวงโลกอย่างนี้มีคุณค่าอย่างไรในสายตาโฆษกรัฐบาล หรือคาดหวังว่าจะได้อะไรจากคนอย่างนี้ คนที่กล้าโกหกว่าตนเองเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว คนที่กล้ากล่าวเท็จใส่ร้ายไทย คนที่พร้อมทำทุกอย่างที่ได้เงิน
ที่อยากรู้คือ เชิญนายไมเคิลมาไทยและออกค่าใช้จ่ายให้หมด ใช้เงินของใคร เงินส่วนตัวของโฆษกก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นเงินของรัฐบาล ต้องมีคำถามแน่นอน จะให้นายไมเคิลมาแก้ข้อกล่าวหา หรือให้มาประณามเขมร อ้างว่าถูกหลอกมาอย่างนั้นหรือนายไมเคิลมีคุณค่าอะไรเหลืออยู่อีกหรือ มีเครดิตอะไรหลงเหลือ พูดอะไรออกไปจะมีใครเชื่อน้ำหน้า เขมรจ้างผิดคนแล้ว ทำไมไทยต้องผิดตามด้วย
“จะฉลาดหรือโง่ดี อย่าลดตัวลงไปทำแบบ เขมรจะดีกว่าไหม อับจนปัญญาจริงๆ”
แนะพาไมเคิลไปดูซากศพเขมรเน่า
เช่นเดียวกับ น.ส.วิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า «เมื่อนายจิรายุประกาศส่งเทียบเชิญไปแล้ว และนายไมเคิล แบไต๋เปิดรับข้อเสนอ รัฐบาลก็คงจะปฏิเสธยาก ดังนั้น ถ้าต้องให้นายไมเคิลมาจริง รัฐบาลต้องตั้งข้อตกลงว่ามาแล้วต้องทำอะไรบ้างตามกิจกรรมที่เราจัดให้ ไม่ใช่ให้มารับประทานและอยู่ฟรี ฟรี อยากไปไหนก็ไปตามใจไม่ได้ เราไม่ได้ให้มาเล่น ๆ จบกิจกรรมก็ส่งขึ้นเครื่องบินกลับทันที นี่คือข้อตกลงที่ต้องทำให้ชัดเจนเข้าใจตรงกัน มิฉะนั้นก็ยกเลิก เทียบเชิญ
“ข้อตกลงที่ดิฉันคิดได้ข้อหนึ่งคือถ้ารัฐบาลจะยืนยันเดินหน้าให้นายไมเคิลมาจริง ขอเสนอให้พาไปไลฟ์สดสังเกตการณ์ทหารกู้กับระเบิด ให้ได้ประสบการณ์จริงให้เห็นกับตา จะได้ทราบว่าคนไทยทหารไทยต้องเสี่ยงชีวิตแค่ไหน ไม่ใช่พาไปเดินเล่น ตามประสาทต่างๆ ชมนกชมไม้ ชมโรงพยาบาล ชมศูนย์พักพิง ก็ยังไม่พอ ต้องพาไปดูการกู้กับระเบิดเคียงคู่พร้อมกับทหารไทย รับรองได้ยอดวิวเกินสิบล้าน รัฐบาลก็ต้องประกาศออกไปด้วยว่านี่คือ ข้อเสนอของประเทศไทยที่เขมรไม่ยอมตกลงในการประชุมจีบีซีรอบที่แล้ว คือการกู้กับระเบิด ที่เขมรฝังไว้ ในผืนแผ่นดินของประเทศไทย ไทยจึงต้องเป็นฝ่ายลงมือกู้ระเบิดแต่ฝ่ายเดียวและทหารบาดเจ็บเพราะกับระเบิดของเขมรที่ฝังไว้ แล้วพาไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บในโรงพยาบาลด้วย ถ่ายคลิปออกไปให้โลกทราบและอีกกิจกรรมหนึ่งคือ พาไปไลฟ์สดชายแดนตรงที่มีกลิ่นศพเขมรเหม็นเน่า ให้ไปดูเศษซากทหารเขมรที่หลงเหลืออยู่ ไม่มาเก็บกลับไปแบบนี้ถึงจะเป็นการแก้ข่าว ให้ประเทศไทย และคุ้มค่าที่จะให้นายไมเคิล มาเหยียบแผ่นดินไทย รับประทานและอยู่ฟรีๆ”น.ส.วิรังรองกล่าว
เสียดายงบแนะยกเลิกเชิญ-แค่ล็อบบี้ยิสต์
และว่า ที่จริง ตนเสียดายงบประมาณมาก เอางบฯไปช่วยคนไทยชายแดนที่กำลังลำบากดีกว่า เพราะเรื่องแก้ภาพพจน์ประเทศไทยทำได้หลายอย่างหลายวิธี ไม่ใช่ว่าต้องจ้างไมเคิลมาแบบเกลือจิ้มเกลือกับเขมร แต่อย่างที่เราทราบกันว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำงานไม่เป็น แล้วนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ ว่านอกจากทำงานไม่เป็นแล้วไม่ปรับปรุงด้วยรัฐบาลเชื่อเขาหรือว่าเขาจะไปบอกทรัมป์ให้ช่วยไทยแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาโดยเข้าข้างไทย ตอนนี้เราก็ทราบกันดีแล้วว่า ไมเคิลเป็นแค่ ล็อบบี้ยีสต์ ไม่ได้เป็นผู้ประกาศเป็นข่าวอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาว และไม่ได้รู้จักใกล้ชิดสนิทกับทรัมป์
น.ส.วิรังรองกล่าวต่อว่า เราจะส่งเสียงไปยังรัฐบาลได้อย่างไร ช่วยกันส่งเสียง ขอสื่อช่วยด้วย ถึงจะประกาศออกไปแล้ว ก็ยกเลิกได้ บอกไปเลยว่าประชาชน ไม่ต้องการให้มาเหยียบแผ่นดินไทย แต่ถ้าจะมาเราต้องมีข้อตกลงกันก่อน และเราต้องเป็นผู้กำหนดข้อตกลงให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ต้องไปเกรงใจ และไม่ต้องรู้สึกเสียหน้าถ้าปฏิเสธ ยกเลิกคำเชิญ เพราะถ้าเขาไม่ทำตามข้อตกลงเราก็ยกเลิกได้ ดังนั้นเราต้องมีข้อตกลง ที่เป็นประโยชน์สูงสุดคุ้มกับการลงทุนครั้งนี้ พวกเราลองช่วยกันคิดและเสนอว่าถ้าไมเคิลมาเมืองไทยเราต้องการ จะให้นายจิรายุพาเขาไปที่ไหนบ้างอีกหน่อยถ้ามีอินฟลูเอนเซอร์ หรือพวก ล็อบบี้ยีสต์เอาอย่าง รับจ้างทำคลิปด่าประเทศไทย เพื่อให้รัฐบาลไทยส่งเทียบอัญเชิญมาเที่ยวเมืองไทย ฟรีทุกอย่างแบบไมเคิล นายจิรายุคงไม่ต้องทำอะไร วันๆรับส่งฝรั่ง»
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี