ฉะไม่กล้าฟ้องศาลอาญาระหว่างปท.
ข้องใจรัฐบาล
‘ปชน.’ซัดเอี่ยวผลประโยชน์
เย้ยฟ้อง‘ฮุนเซน’แค่สัญลักษณ์
ไม่กล้าตรวจสอบ-ยึดทรัพย์
‘ภูมิธรรม’อ้ำอึ้งให้ว่าตามก.ม.
รบ.ยัน “บ้านหนองจาน” สระแก้วเป็นของไทย 100% ไทยเมตตาให้เขมรลี้ภัยสงคราม แต่ถูกบิดเบือนมาใส่ร้ายไทย ฉะใช้ปชช.ตัวเองเป็นกำแพงมนุษย์ “บิ๊กเล็ก” เผย “ในหลวง-พระราชินี”ทรงห่วงใยกำลังพลได้รับบาดเจ็บ และเรื่องพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้ทหาร-ตชด.-ทหารพราน ที่ปฏิบัติงานชายแดนไทย-เขมร กห.เร่งตรวจสอบรวบรวมรายชื่อ พร้อมส่งคลิปทหารเขมรวางทุ่นระเบิดเขตไทย ให้กระทรวงต่างประเทศฟ้องโลก-อนุกก.ออตตาวา ประสานกก.ออตตาวาญี่ปุ่นลงพื้นที่ดูทุ่นระเบิดจริง ก่อนถกคณะใหญ่ปลายปี ‘รังสิมันต์’ข้องใจรัฐบาลไม่กล้าฟ้อง ICC เอาผิด‘ฮุน เซน’ ทุบเปรี้ยงมีเอี่ยวผลประโยชน์หรือไม่ ทั้งที่ไทยมีแต้มต่อ แม้ไม่เจอคลิปทหารเขมรแอบวางทุ่นระเบิดเขตไทย เชื่อฟ้อง‘ฮุน เซน’ในประเทศแค่สัญลักษณ์ แต่ไม่เห็นยึดทรัพย์จริง ทั้งที่ใช้ไทยเป็นฐานฟอกเงิน
วันที่ 20 สิงหาคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก)แถลงถึงกรณีพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้วว่า เป็นพื้นที่ของประเทศไทย 100% โดยรัฐบาลยืนยันประเด็นสำคัญ ดังนี้
ย้ำเขมรมุ่งร้ายใช้ปชช.บังหน้าล้ำแดนไทย
1.หลาย 10 ปี ที่ผ่านมา ไทยแสดงถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการปฏิบัติตนเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร และพร้อมหารือข้อขัดแย้งผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) แต่ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตนเป็นกำแพงมนุษย์ เข้ามารุกล้ำในเขตแดนไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดในชายแดน 2.ไทยให้ความช่วยเหลือในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องมนุษยธรรมให้พื้นที่หลบภัยสงคราม กับประชาชนชาวเขมรหลายแสนคน แต่กลับบิดเบือนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของไทยที่หยิบยื่นให้ กลับนำความช่วยเหลือนี้ไปบุกรุกพื้นที่อธิปไตยของไทย สะท้อนว่าขาดความจริงใจ เห็นถึงเจตนาร้ายในการรุกล้ำพื้นที่ของประเทศไทยอย่างชัดเจน
3.การติดตั้งแนวเขตลวดหนามบริเวณเขตแดนของไทยเป็นสิทธิดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทย และป้องกันไม่ให้รุกล้ำเพิ่มเติมเข้ามาอีก รวมถึงการลักลอบวางกับระเบิดจากฝ่ายกัมพูชาอีก ทั้งนี้ การดำเนินการของไทยเป็นไปตามข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงละเว้นการสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกนอกเขตของทั้งสองประเทศ ซึ่งบริเวณดังกล่าวตามหลักเขตเป็นของประเทศไทย 100%
‘สื่อเขมร’แถ!อ้างไทยจัดฉากพบมือถือ
จากกรณีชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท. ทร.) ตรวจพบโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งใว้ในพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ภายในมีคลิปวิดีโอและภาพถ่ายทหารกัมพูชาถือทุ่นระเบิด PMN-2 โดยในคลิปได้ยินทหารพูดภาษากัมพูชา คาดเป็นการแนะนำการใช้งาน ก่อนลักลอบนำไปฝังดินนั้น ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ “Fresh News International” สื่อกัมพูชา โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า “ไร้สาระสิ้นดี! ประเทศไทยยังคงถ่ายทำฉากที่สองต่อไป ซึ่งรวมถึงภาพถ่าย และวิดีโอการวางทุ่นระเบิด เพื่อใส่ร้ายและกล่าวหากัมพูชา หลังทำวิดีโอชุดแรก เพื่อกล่าวหาและใส่ร้ายทหารกัมพูชาในการวางทุ่นระเบิด ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ ไทยจึงพยายามถ่ายทำฉากที่สอง ซึ่งรวมถึงภาพถ่าย และวิดีโอของการวางทุ่นระเบิดที่ถูกกล่าวหา
ในหลวงทรงห่วงเรื่องเหรียญกล้าหาญ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตนขอพูดถึงเรื่องเป็นขวัญกำลังใจให้กำลังพลทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารพราน ที่ปฎิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์มาตลอด กรณีที่เกิดความสูญเสียได้พระราชทานความช่วยเหลือ ล่าสุดรองราชเลขานุการในพระองค์ติดต่อมายังกระทรวงกลาโหมและมาถึงตนว่า พระองค์ทรงห่วงใย เรื่องพระราชทานเหรียญกล้าหาญว่าได้ดำเนินการอย่างไร
กห.เร่งทำเรื่องขอพระราชทานให้ทหาร-ตร.
“เรื่องนี้กระทรวงกลาโหม (กห.) เร่งรัดขอพระราชทานเหรียญให้ทหาร ตำรวจ ตระเวนชายแดน และทหารพราน ที่ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ หลักเกณฑ์จะคล้ายกับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการขอเหรียญกล้าหาญครั้งนี้ กำลังพลเข้าปฎิบัติการเป็นจำนวนมาก กระทรวงกลาโหมจะรวบรวมเสนอไปในคราวเดียวกัน เพื่อขอพระราชทาน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น ที่พระองค์ทรงห่วงใยกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่”พล.อ.ณัฐพลกล่าว และว่า สำหรับเหรียญ จะไปถึงขั้นรามาธิบดี และเหรียญทุกระดับที่สามารถให้ได้ตามความเหมาะสม มีพฤติการณ์ที่สอดคล้อง แต่เนื่องจากมีกำลังพลจำนวนมาก ตนให้แนวทางไปว่า ให้ขอไป 2 ลักษณะคือ เป็นบุคคล สำหรับบางคนที่กล้าหาญดีเด่น แต่ถ้าหน่วยใดที่ปฏิบัติการเป็นหน่วย และมีความกล้าหาญจะพระราชทานเหรียญกล้าหาญประดับบนธงชัยเฉลิมพล เป็นเกียรติยศกับกำลังพลทั้งหน่วย กำลังพิจารณาด้วยความรอบคอบ คาดว่าต้นเดือนกันยายนจะเรียบร้อย
ส่งคลิปเขมรฝั่งระเบิดให้ออตตาวาฟ้องโลก
พล.อ.ณัฐพลยังให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการของไทยกรณีพบโทรศัพท์ปริศนาที่ภูมะเขือ ซึ่งมีภาพและคลิปของทหารกัมพูชากำลังฝังทุ่นระเบิด PMN-2 มีการพูดกันเป็นภาษาเขมรว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการขณะนี้คือ ทำให้สังคมรับทราบทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวให้ชัดเจนว่า คณะกรรมการอนุสนธิสัญญาออตตาวาสำนักงานใหญ่ที่เจนีวา มีทูตไทยประจำอยู่ได้คอยติดตามขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า คณะอนุกรรมการออตตาวาขอหลักฐานมาเรื่อยๆ ดังนั้น เราพบหลักฐานเพิ่มเติม ก็จะส่งเพิ่มเติมไปทันที ส่วนคณะกรรมการปฏิบัติตามกฎออตตาวาที่ญี่ปุ่น เราพยายามติดต่อให้คณะกรรมการชุดนี้ลงมาดูก่อนถึงประชุมใหญ่ ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ตอบรับ ไทยรอว่าจะลงมาได้เมื่อใด
ย้ำนโยบายสมดุลจีน-สหรัฐแค่สังเกตการณ์
พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC จะพูดคุยกับเขมรเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิดอีก ด้วยสภาพแวดล้อมสังคมข้อมูลข่าวสาร น่าจะกดดันเขมรได้พอสมควร ยืนยันแนวทางทำงานของ GBC และศบ.ทก. จะเน้นเรื่องทวิภาคี แต่ถ้าเป็นพหุภาคี ขอให้อยู่ในกรอบอาเซียน เราต้องทำให้เวทีโลกเห็นว่าอาเซียนเราดูแลกันเองได้ ส่วนที่จีน ที่เป็นประเทศผู้สังเกตการณ์อาสาเข้ามาช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น ตนอยากให้แก้ปัญหากันเองในกรอบอาเซียนก่อน
“หลักของเราคือ เมื่อผมรับผิดชอบ GBC และศบ.ทก. ไม่ว่าประเทศใหญ่อย่างไรก็ตาม ก็ถือหลักการเดิมว่า ขอแก้ปัญหาด้วยกลไกทวิภาคีเป็นหลัก ส่วนพหุภาคีขอให้อยู่ในอาเซียน ประเทศอื่นขอให้เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์อย่างเดียว ฝ่ายความมั่นคงยึดถือนโยบายความสมดุลมาตลอด สมมุติถ้าจีนเข้ามา ต่อไปสหรัฐก็จะขอเข้ามา หรือประเทศอื่นก็จะขอเข้ามาอีก ตรงนี้คือกรอบที่เราใช้อยู่” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ลั่นใช้ความจริงสู้เฟคนิวส์เขมร
ส่วนที่กัมพูชาออกมาระบุภาพและคลิปที่ได้จากโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชานั้น เป็นการสร้างหลักฐานเท็จของฝ่ายไทยเองนั้น พล.อ.ณัฐพลยืนยัน ตราบใดที่ยึดมั่นความจริง เครดิตเป็นสิ่งที่สังคมเชื่อถือ หลักฐานที่มีชาวโลกจะเชื่อถือใคร เราหรือเขมร ตนถึงบอกว่าเราต้องไม่ไปสู้กับเฟคนิวส์ เพราะเราจะเสียเครดิตไปด้วย ตราบใดที่เรายึดหลักความจริง อาจช้าไปบ้าง ก็ต้องขออภัย แต่เพราะเราต้องตรวจสอบ เราไม่สามารถสวนได้ทันที แต่ถ้าเป็นเฟคนิวส์ เราสวนได้หมด ที่สำคัญตนเป็น ผอ.ศบ.ทก. เป็นประธาน GBC และเป็น รมช.กลาโหม จะพูดอย่างนั้นไม่ได้ ต้องตรวจสอบก่อน การใช้ความจริงสู้กับเฟคนิวส์นั่นคือเครดิตระดับประเทศ ดังนั้น หลักของศบ.ทก.คือ ยึดความจริงไปสู้กับเฟคนิวส์
ส่งหลักฐานให้ปท.ให้ทุนกู้ระเบิดเขมร
พล.อ.ณัฐพลย้ำด้วยว่า จะส่งหลักฐานใหม่ที่พบนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งให้ประเทศที่ให้เงินทุนสนับสนุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับเขมร ซึ่งเรามีชื่อประเทศที่ให้การสนับสนุนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นแต่ละประเทศ จะตัดสินอย่างไรก็ต้องรอฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน ตนมั่นใจว่าข้อมูลของเราน่าเชื่อถือ เมื่อเป็นความจริง ถึงอย่างไรก็บิดเบือนไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า RMAC มีกัมพูชาเป็นประธาน เขาจะให้ความร่วมมือหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่ากัมพูชา เป็นประธานแต่อีก 9 ประเทศสมาชิก คงไม่ถูกครอบงำได้ทั้งหมด พร้อมย้ำคำเดิมว่า เราต้องค่อยๆ เพราะการสู้ด้วยความจริงทางกฎหมาย สู้ด้วยความถูกต้อง มันก็ยาก แต่มันยั่งยืน ศบ.ทก.ชี้หลักฐานชัดเขมรแอบฝั่งทุ่นระเบิด
วันเดียวกัน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลประชุมศบ.ทก. ว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ ส่วนการพบโทรศัพท์มือถือของทหารเขมรที่มีหลักฐานสำคัญ ยืนยันว่าทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิดสังหารชนิด PMN-2 ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ มีการระบุวันเวลาและสถานที่และโลเคชั่นชัดเจน นับว่าเป็นพยานหลักฐานที่ยืนยันการละเมิดข้อตกลงการใช้ทุนระเบิดขัดต่อสัญญาระหว่างประเทศร้ายแรง ซึ่งกองทัพส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นำไปเป็นหลักฐานประกอบ เพื่อยืนยันการละเมิดข้อตกลงของทางกัมพูชาที่จะนำเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการของอนุสัญญาออตตาวาวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ที่ไทยและกัมพูชาลงนามไว้
พา8ปท.สังเกตการณ์ดูวิถียิงBM-21ถล่มไทย
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวต่อว่า ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (ไอโอที) ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ได้ฟังการชี้แจงแนวทางการยิงของเขมร โดยอาวุธจรวดบีเอ็ม 21 เข้ามาในฝั่งไทยทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงลงพื้นที่ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและตรวจพบทุ่นระเบิด และได้ให้เห็นการปฏิบัติงานของฝ่ายไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่มีการตรวจพบดังกล่าวด้วย รวมทั้งยังเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยช่วยเหลือในการส่งศพของทหารเขมรที่ยังตกค้างในพื้นที่เดิม ซึ่งกัมพูชาปฏิเสธรับศพกลับ และวันนี้ผู้สังเกตการณ์จะไปดูการควบคุมเชลยศึก 18 คน ตามอนุสัญญาเจนีวา
ฉะเขมรใช้ความช่วยเหลือทำร้ายไทย
โฆษก ศบ.ทก.ยังแถลงถึงประเด็นพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้วที่มีชาวเขมรมาประท้วงการล้อมรั่วลวดหนามของไทยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย แต่เราใช้เป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราวให้คนเขมรที่หนีภัยสู้รบจากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชาได้พักอาศัย เมื่อเหตุการณ์จบผู้อพยพส่วนใหญ่เดินทางกลับ แต่ยังมีบางส่วนอยู่ในพื้นที่และขยายเป็นชุมชนรุกล้ำแผ่นดินประเทศไทย ซึ่งเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2543 อย่างชัดเจน ไทยประท้วงหลายครั้ง ใช้เวลากว่า 10 ปีแก้ปัญหา แต่เขมรใช้ประชาชนของตัวเองเป็นกำแพงมนุษย์รุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฏหมาย ยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ประเด็นนี้โดนบิดเบือน นำความช่วยเหลือของไทยไปบุกรุกพื้นที่อธิปไตยของไทย และทำให้คนไทยที่เคยทำมาหากินในพื้นที่ต้องออกจากพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่จริงใจของเขมรและเจตนาร้ายรุกล้ำอธิปไตยของไทยชัดเจน ยืนยันการติดตั้งแนวเครื่องกีดขวางเป็นสิทธิปกป้องและคุ้มครองความปลอดภัยให้คนไทย ป้องกันการรุกรานลักลอบวางทุ่นระเบิดจากเขมร
ทูตออตตาวา-สื่อใหญ่เห็นทุ่นระเบิดชัด
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงเพิ่มเติมถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) พาคณะทูตลงพื้นที่เป็นครั้งที่ 2 หลังลงพื้นที่ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งครั้งนี้ไปดูเรื่องทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยเฉพาะ มีรมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน คณะทูตผู้แทนจากรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งสื่อไทยและต่างประเทศที่ร่วมคณะลงพื้นที่ด้วย
คณะทูต องค์การต่างๆ และสื่อมวลชนรับฟังข้อมูล เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์จากทุ่นระเบิดและอาวุธอื่นๆ ที่ฝ่ายไทยเก็บกู้ได้ เป็นการลอบวางใหม่โดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งสื่อต่างประเทศให้ความสนใจเป็นพิเศษเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ได้สัมผัสทุ่นระเบิดเอง และสอบถามเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และมีคำถามมากมาย กต.ยินดีชี้แจง เพื่อให้เขานำไปเผยแพร่สู่โลกภายนอก
ชงคลิปเข้าเวทีออตตาวา 22สค.
“การลงพื้นที่ของคณะผู้แทนจากต่างประเทศครั้งนี้ สะท้อนว่าเขมรต่างหากที่พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง กำลังเล่นละครฉากใหญ่ อ้างเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไร้หลักฐานมาตลอด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาคมระหว่างประเทศจะพิจารณาทบทวนความช่วยเหลือที่ให้เขมรเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และร่วมกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธะกรณี ในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับเขมร”นางมาระตี กล่าว
ส่วนกรณีคลิปวิดีโอทหารเขมรกำลังวางทุ่นระเบิดในไทยนั้น นางมาระตีกล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นเหตุการณ์จริง และจะนำไปเป็นหลักฐานที่ไทยฟ้องเขมรได้อย่างดีตามกรอบของอนุสัญญาออตตาวา ที่กต.กำลังเดินเรื่องอยู่ และวันที่ 22 สิงหาคม จะมีการประชุมของคณะกรรมการของกรอบอนุสัญญาออตตาวา ที่ดูแลการปฏิบัติตามอนุสัญญาเป็นการเฉพาะ ไทยจะนำเสนอข้อเท็จจริง ข้อมูล หลักฐานทั้งหมดที่ไทยเก็บมาเป็นข้อมูลชี้แจงที่มีน้ำหนัก
ยังไม่ได้เช็คธุรกิจ2พ่อลูกตระกูลฮุนในไทย
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีไทยจะฟ้องทางแพ่งและอาญากับนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะกระทบการทูตของสองประเทศในการสร้างสันติภาพหรือไม่ว่า ในขอบเขตประเทศเราฟ้องตามที่เป็นข่าว ส่วนเรื่องการต่างประเทศ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับการฟ้อง จึงให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงกลาโหมไปหารือกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาทำธุรกิจส่วนตัวอะไรในประเทศไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบเลย เดี๋ยวต้องไปเช็คดู ต้องไปเช็คหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ปัดตอบให้DSIยึดทรัพย์ต้องว่าตามกม.
ถามต่อว่า ต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบหรืออายัดทรัพย์สินหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไร ดีเอสไอจะไปอายัดได้อย่างไร ต้องว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว ทุกส่วนว่าไปตามระบบ หากเห็นว่ามีส่วนสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนและชีวิตของราษฎร ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กฎหมายในประเทศทำได้ก็ทำ กฎหมายระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องกฎหมายล้วนๆ มีเรื่องอะไรหลายอย่างที่ละเอียดอ่อน ก็ว่าไปตามนั้น ทำได้ก็ฟ้องหมด
รอตร.สอบก่อนส่งเรื่องให้อินเตอร์โพล
ถามว่า การจะฟ้องอาญาศาลไทยได้ต้องนำตัวนายฮุน เซน และนายฮุน มาเนตมาฟ้องศาลไทยเหมือนที่ตำรวจเตรียมประสานตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) เพื่อออกหมายแดงนำตัวก๊ก อาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติชาวกัมพูชามาดำเนินคดี นายภูมิธรรมกล่าวว่า ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย มีช่องทางอยู่แล้ว ก็ฟ้องได้ตามขอบเขตกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่า จะส่งเรื่องให้อินเตอร์โพล จับนานฮุน เซน และนายฮุน มาเนต หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด ขอให้ตำรวจสอบสวนก่อน ถ้าทำอะไรได้ก็จะทำตามที่ตกลงไว้
ปะทะชายแดนเดือดร้อน7จว.-7.7แสนคน
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบทุกคน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยอนุมัติเงินทดรองราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติรวมแล้วกว่า 145,000,000 บาท สิ่งที่กำลังดำเนินการได้แก่ 1.ดำเนินคดีตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อผู้ทำความผิด 2.เก็บกู้วัตถุระเบิดและตรวจสอบการใช้โดรนผิดปกติ รวมถึงจัดพื้นที่ปลอดภัยรองรับการเคลื่อนย้ายประชาชน เมื่อมั่นใจว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดอย่างเร่งด่วน ส่วนรายงานสถานการณ์ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 7 จังหวัด 45 อำเภอ 336 ตำบล 4,081 หมู่บ้านรวม 262,551 ครัวเรือน หรือกระทบประชาชน ประมาณ 779,000 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 705 หลัง ด้านงบประมาณช่วยเหลือฉุกเฉิน รัฐบาลอนุมัติการใช้จ่ายเงินทดรองราชการไว้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว 201 ล้านบาท โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ส่วนการเยียวยาผู้ประสบภัยดำเนินการแล้วรวม 17,675,559 บาท
บี้กต.เร่งทำงานเชิงรุกช้าจะเสียเชิง
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารไทยพบโทรศัพท์ของเขมรที่อัดคลิปการใช้ทุ่นระเบิดและลอบวางระเบิดในเขตไทยว่า ตอนนี้ไทยมีแต้มต่อเยอะมาก แต่อยู่ที่ว่าจะใช้หรือไม่ เรื่องละเมิดอนุสัญญาออตตาวาต่อให้ไม่มีภาพเราก็มีหลักฐานเพียงพออยู่แล้ว ในการขยายผลการละเมิดอนุสัญญาฯ แต่เท่าที่ตนดูนานาชาติยังไม่ได้ประณามกัมพูชาอย่างเป็นระบบ ยังอยู่ในขั้นนำเสนอข้อมูลให้นานาชาติ ซึ่งที่จริงเราก็นำเสนอไปพอสมควรแล้ว กระทรวงการต่างประเทศต้องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ประณามหรือตำหนิเขมรที่ละเมิดอนุสัญญาฯเรื่องนี้ ดังนั้น การมีภาพเพิ่มขึ้นมีหลักฐานชัดเจน ถือเป็นข้อมูลหนึ่ง ที่เป็นประโยชน์ต่อฝั่งเราแน่นอน และไทยต้องเร่งชี้แจงตอบโต้ที่เขมรสู้กลับว่าไทยจัดฉาก ต้องทำงานเชิงรุก กระทรวงการต่างประเทศต้องรอให้คนออกมาตำหนิครั้งหนึ่งถึงขยับทีหนึ่ง หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเราจะเสียเชิง
แนะดึงเขมรเข้าไอซีซีแก้ปัญหาได้ทั้งระบบ
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้นเราต้องพาเขมรไปศาลอาญาระหว่างประเทศ เขมรเป็นหนึ่งในภาคี เราเอาผิดได้ เรื่องนี้มีหลายมิติทั้งคอลเซ็นเตอร์ การโจมตีเป้าหมายพลเรือน ตนคิดว่าจุดนี้จะทำให้ไทยได้เปรียบ แก้ปัญหาหลายเรื่องไปพร้อมกันได้ ถ้าทำสำเร็จจะสร้างสันติภาพระยะยาวตามแนวชายแดน ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากรัฐบาลพนมเปญและรัฐบาลไทย เราไม่ควรทำให้ขยายวง ดังนั้น การใช้กลไกศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เป็นเรื่องสำคัญมาก เท่าที่ตนปรึกษานักกฎหมายระหว่างประเทศ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถฟ้องร้องได้ โดยมีรัฐบาลอำนวยความสะดวก
ฉะหน่วยงานไทยช้า-จี้เร่งยึดทรัพย์
นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงมติสมช.ให้ฟ้องเขมรศาลไทยว่า ขั้นตอนในประเทศเป็นเพียงการส่งสัญญาณ แต่ถ้าไม่ดำเนินการจริงจัง มันก็เท่านั้น ทุกคนในฝ่ายความมั่นคงทราบว่ากัมพูชาใช้ไทยเป็นฐานฟอกเงิน มีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ในไทย หากไม่ยึดทรัพย์อย่างแท้จริงก็เปล่าประโยชน์ ตนจึงคิดว่าถ้าจะดำเนินการในประเทศก็ทำ แต่ต้องยึดทรัพย์จริงๆ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องเข้าแล้ว วันนี้ปปง.ยังเงียบ จนไม่รู้ทำอะไรอยู่ ยึดไว้ก่อนได้ เรายังเห็นความล่าช้าของหน่วยงานรัฐหลายภาคส่วน เลยสงสัยว่าเขาจะมีคลิปเสียง วันนี้เราต้องเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ข้องใจไม่ฟ้องICCมีผลประโยชน์หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่รัฐบาลไม่ฟ้องศาล ICC เพราะมีผลประโยชน์กับนักการเมืองไทยหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนก็เป็นห่วงว่าที่ไทยยั้งมือ เพราะเรามีผลประโยชน์กับเขมรเยอะหรือไม่ ถ้าเยอะก็เป็นไปได้ว่าเขาเอาเรื่องนี้มาต่อรอง ซึ่งรัฐบาลต้องออกมาตอบคำถามเพื่อสร้างความมั่นใจว่าตัวเองไม่มีผลประโยชน์เรื่องนี้
“เรียนตามตรงว่าผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูลคงมีมานาน แต่วันนี้ต้องยึดผลประโยชน์ของชาติ รัฐบาลควรยึดผลประโยชน์ชาติให้มากที่สุด และใช้โอกาสนี้สร้างสันติภาพระยะยาว”นายรังสิมันต์ กล่าว
มทภ.2อัปเดตIOT8ปท.ลงพื้นที่สุรินทร์
ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 20 สิงหาคม จนถึงเวลา 14.00 น. ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ในบางพื้นที่พบการยั่วยุ และเจตนาก่อกวนด้วยการพูดคุยเสียงดัง หรือร้องตะโกนกล่าวหาว่าฝ่ายไทยพยายาม
รุกล้ำเข้าพื้นที่ “หากเข้ามาระวังเหยียบกับระเบิด” ตรวจพบโดรน 5 ลำ พบรถบรรทุกและรถยนต์หลายคันวิ่งเข้ามาในบางพื้นที่ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์
วันนี้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จาก 8 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา โดยเฉพาะการโจมตีพลเรือนและสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร และไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ถึง 3 ลูก ตั้งแต่เหตุปะทะ แรงระเบิดทำให้อาคารหลายส่วนเสียหายเกือบทั้งหมด รวมถึงแฟลตที่พักแพทย์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดหลักการสู้รบ ตามกฎหมายมนุษยธรรมสากลที่ห้ามโจมตีเป้าหมายพลเรือน
เปิดคำพูดทูตทหาร‘หลายสิ่งไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น’
โดยก่อนหน้านี้ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวเข้าตรวจสอบสถานที่ควบคุมเชลยศึก เพื่อยืนยันว่าฝ่ายไทยปฏิบัติต่อเชลยศึกเป็นไปตามหลักสากล และอนุสัญญาเจนีวา ทั้งด้านอาหาร การรักษาพยาบาล และการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังไปตรวจสอบพื้นที่จุ๊บตะโมก จุดที่ทหารพรานไทยเหยียบกับระเบิด หลังการเจรจาหยุดยิง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญชี้ให้เห็นว่าเขมรยังละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง
ทูตทหารที่ร่วมคณะกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพื่อตัดสินว่าใครถูกหรือผิด แต่ยอมรับว่าเมื่อได้เห็นสถานการณ์จริงในพื้นที่แล้ว พบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ “ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น”
คลิปเขมรวางทุ่นระเบิดหลักฐานชั้นดี
นอกจากนี้ ยังตรวจพบโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชา ตกอยู่ในพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณภูมะเขือ เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้ชาร์จแบตเตอรี่ และเปิดโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว พบคลิปการสอนวางทุ่นระเบิด ชนิด PMN-2ของทหารกัมพูชา และภาพการวางทุ่นระเบิดอีกจำนวนมาก เป็นหลักฐานยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชามีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ของฝั่งไทยจริง แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงการประชุม GBC ไทย-กัมพูชาที่มาเลเซีย และละเมิดสนธิสัญญา Ottawa อย่างชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี