'ชนินทร์'ยืนยัน'อาชีพทนาย' อย่ากังวลกับกระแสหรือคำวิจารณ์ ต้องยืนหยัดทำหน้าที่

'ชนินทร์'ยืนยัน'อาชีพทนาย' อย่ากังวลกับกระแสหรือคำวิจารณ์ ต้องยืนหยัดทำหน้าที่

วันอาทิตย์ ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 14.32 น.

"ทนายชนินทร์"ยืนยันอาชีพทนาย อย่ากังวลกับกระแสหรือคำวิจารณ์ ต้องยืนหยัดทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความเขากระโดง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงอาชีพทนายความที่ทำหน้าที่หลายบทบาท ว่า “ทนายอาชีพ ยืนบนกฎหมาย ไม่ใช่บนการเมือง” จะบอกเพื่อนๆ ว่า ตนไม่ใช่ทนายดังอะไร เป็นเพียงทนายความโนเนมคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตทำงานบนเส้นทางสายกฎหมายมานานหลายสิบปี รับว่าความเพื่อเลี้ยงชีพและดูแลครอบครัว ทำงานไปตามที่ผู้ว่าจ้างฝากฝังมา บางคดีชนะ บางคดีแพ้ นั่นคือความจริงที่ทนายทุกคนต้องเจอ และทั้งหมดนี้คือบทเรียนที่สอนว่า ทนายความไม่ใช่คนตัดสินคดี เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม หน้าที่ของเราคือใช้ความรู้และความพยายามปกป้องสิทธิของลูกความ ภายใต้กรอบกฎหมายและจรรยาบรรณ


นายชนินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ปฏิเสธว่า เป็นทนายความครอบครัว “ชิดชอบ” และทนายความของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล มานานกว่า 20 ปี ได้รับความไว้วางใจให้ทำคดี และให้คำปรึกษามาโดยตลอด การได้รับเกียรติให้ไปทำงานในหลายหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ผ่านมาก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กรตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น ส่วนที่มีการพูดถึงว่าตนเคยเป็นประธานอนุกรรมการกฎหมาย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก็เป็นความจริง แต่ต้องชี้แจงว่า ตนได้รับหน้าที่นั้นในปี 2563 ขณะที่คดีเขากระโดงและคดีที่เกี่ยวข้องได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ปี 2560–2561 แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีเหล่านั้นแต่อย่างใด

"วันนี้ที่ผมเข้ามาทำหน้าที่ ก็ใช้เพียงพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนศาลฎีกา ซึ่งเป็นเอกสารที่ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยในคดีนั้นๆ ได้ยื่นไว้ในศาลอยู่แล้ว เพียงแต่มีข้อเท็จจริงบางประการที่ถูกละเลยหรือบกพร่องในการนำเสนอ ผมจึงถือเป็นหน้าที่ของทนายความที่จะต้องนำเสนอความจริงที่ถูกปกปิดไว้ให้ศาลได้รับทราบครบถ้วนเท่านั้น ส่วนงานคดีที่ปรากฏตามข่าว ยอมรับ พรรคพวกล้วนๆ ที่ผ่านมาผมทำคดีเพื่อค่าจ้างมามาก เพราะทนายก็ต้องทำงานเลี้ยงชีพ แต่ก็มีหลายครั้งที่เลือกทำเพื่อประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ์ ถูกอำนาจรัฐกดทับ หรือเพื่อส่วนรวมโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย เป็นเพียงการช่วยพรรคพวก เพื่อนฝูงตามวิถีของคนที่มีเพื่อนมีพี่มีน้องกัน ไม่ได้หวังผลประโยชน์อื่นใด" นายชนินทร์ กล่าว

ทนายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ในโลกการเมือง นักการเมืองและพรรคการเมืองทุกฝ่ายต่างก็มีทนายความของตัวเอง แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ฝ่ายใดที่กุมสื่อและซื้อสื่อไว้ในมือ มักใช้เป็นเครื่องมือทางอำนาจ สร้างการชี้นำ ขาดจรรยาบรรณและจริยธรรมในวิชาชีพ แม้บางสื่ออาจปฏิเสธ แต่เชื่อว่าสังคมเห็นและรู้จากการกระทำ ไม่ต้องคาดเดา เพราะสุดท้ายความจริงก็มักจะปรากฏ เงินอาจเป็นสิ่งล่อใจที่ทรงพลัง แต่ก็ไม่ควรทำให้ความจริงและความยุติธรรมถูกบิดเบือนไป

"ผมจึงอยากฝากถึงน้องๆ ทนายความรุ่นใหม่ว่า อย่ากังวลกับกระแสหรือคำวิจารณ์เกินไป ความสำเร็จของทนายไม่ได้วัดที่ชื่อเสียงหรือการเป็นข่าว แต่คือการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทิ้งลูกความเมื่อเขาต้องการ และยืนหยัดรักษาศักดิ์ศรีวิชาชีพ แม้เราจะเป็นเพียงทนายธรรมดาๆ แต่ถ้าทำด้วยหัวใจและความถูกต้อง นั่นก็คือความภูมิใจสูงสุดแล้ว ผมไม่เก่ง ไม่ดัง แต่ภูมิใจที่ได้เป็นทนายความอาชีพ และอยากให้ทุกคนที่อยู่ในเส้นทางนี้ภูมิใจเหมือนกันครับ" ทนายชนินทร์ กล่าว

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top