การเมืองไทยยังต้องจับตาอย่างไม่กระพริบ เรียกว่ามีความเคลื่อนไหวให้ลุ้นกันแทบทุกนาทีนับตั้งแต่ อุ๊งอิ๊งค์ - แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณี “คลิปหลุด” เสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตามคำวินิจฉัยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 ส.ค.2568 เพราะหลังจากนั้นเริ่มมีข่าว พรรคประชาชน ที่นำโดยหัวหน้าพรรค เท้ง - ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จะยกเก้าอี้ผู้นำฝ่ายบริหารให้ เสี่ยหนู - อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคประชาชนจะไม่ร่วมเป็นรัฐบาล แลกกับการที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งกระบวนการแก้ไชรัฐธรรมนูญ และต้องยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนภายใน 4 เดือน

ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ก็เดินเกมดิ้นสู้สุดฤทธิ์ ไม่ยอมให้ดีล 2 สี “ส้ม - น้ำเงิน” ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่มีการเปิดเผยจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พรรคการเมืองรุ่นแรกก่อนถูกยุบและกลายมาเป็นพรรคก้าวไกลและพรรคประชาขนตามลำดับ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2568 ว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในฐานะบุคคลที่ชาว “ค่ายสีแดง” นับถือประดุจ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” มาขอให้ช่วยบอกกับคนในพรรคประชาขน ให้สนับสนุน ชัยเกษม นิติสิริ ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ คนต่อไป

จนกระทั่งวันที่ 3 ก.ย.2568 หลังจากพรรคประชาชนประกาศหนุนนายอนุทินชัดเจน แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ยังพ่วงตำแหน่งรักษาการนายกฯ อย่าง สหายอ้วน - ภูมิธรรม เวชยชัย ทิ้งไพ่ “ยุบสภา” โดยมีรายงานการยื่นทูลเกล้าฯ ตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ในช่วงเย็นวันเดียวกันกลับมีกระแสข่าวว่า “ถูกตีกลับ” จากกรณีที่มีข้อเถียงว่า “รักษาการนายกฯ มีอำนาจยุบสภาหรือไม่?” และมีรายงานอีกว่า สภาผู้แทนราษฎร บรรจุระเบียบวาระการประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 ก.ย.2568 จึงคาดว่า “งานนี้คงได้สู้กันถึงที่สุด” แม้นายอนุทินกับพรรคภูมิใจไทยจะเป็นต่อ แต่พรรคเพื่อไทยต้องส่งนายชัยเกษมขึ้นท้าชิงอย่างแน่นอน

สำหรับประวัติของ เสี่ยหนู - อนุทิน ชาญวีรกูล เกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2509 เป็นทายาทของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้ก่อตั้งหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่อย่าง “ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)” มีดีกรี “นักเรียนนอก” จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา (Hofstra University) เมือวนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2532 นอกจากนั้นยังเป็นศิษย์เก่า คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หลักสูตร Mini MBA) ในปี 2533

นายอนุทิน เริ่มปรากฏตัวในแวดวงการเมืองเมื่อปี 2539 กับการเป็นปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ประจวบ ไชยสาส์น) และเป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในปี 2547 ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ในเวลานั้น และเคยอยู่ในกลุ่ม “บ้านเลขที่ 111” หมายถึงนักการเมือง 111 คนที่ถูก “แบน” ตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในคดียุบพรรคไทยรักไทยในปี 2550

ในปี 2555 หลังพ้นโทษแบน นายอนุทินหวนคืนสนามการเมืองอีกครั้ง รับไม้ต่อจากนายชวรัตน์ ที่ก่อนหน้านั้นได้ไปร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทยกับ ลุงเน - เนวิน ชิดชอบ และนำพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ หนุน อภิสิทธิ์ - เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ช่วงปี 2552 - 2554 โดยนายชวรัตน์เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะที่นายเนวินค่อยๆ ถอยออกจากสนามการเมือง หันหน้าไปเอาจริงเอาจังกับทำทีมฟุตบอลในบ้านเกิดอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

นายอนุทิน ลงสนามการเมืองในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ครั้งแรกในการเลือกตั้งเมื่อเดือน ก.พ.2557 ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนแรงทางการเมืองจากการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. แต่ต่อมาการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 มี.ค.2557 ตามด้วยการรัฐประหาร กองทัพที่นำโดย บิ๊กตู่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ในขณะนั้น) ยึดอำนาจการปกครองในวันที่ 22 พ.ค.2557 ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บทบาทของนักการเมืองและพรรคการเมืองถูกพักไว้ชั่วคราว

วันเวลาผ่านไปราว 5 ปี การเลือกตั้งได้กลับมาอีกครั้งในเดือน มี.ค.2562 พรรคภูมิใจไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 51 ที่นั่ง มากเป็นอันดับ 5 ร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนสถานะจากนายกฯ รัฐบาลทหาร คสช. มาเป็นนายกฯ รัฐบาลพลเรือนในนามตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ สส. 116 ที่นั่ง เมื่อรวมกับเงื่อนไขของบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่นายกฯ ต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก็ทำให้ “ลุงตู่อยู่ต่อ” พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย ส่วนพรรคเพื่อไทยแม้จะได้ที่นั่ง สส. 136 คน มากเป็นอันดับ 1 แต่เมื่อรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ที่ได้ สส. 81 ที่นั่ง อยู่ในอันดับ 3

ช่วงปี 2562 - 2566 ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทินรับตำแหน่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับผลงานที่ “ฮือฮา” อย่างมากคือ “ปลดล็อกกัญชาพ้นจากบัญชียาเสพติดให้โทษ” ซึ่งเป็นนโยบายที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงมาจนถึงปัจจุบัน ที่ด้านหนึ่งมีฝ่ายสนับสนุนคือผู้ใช้กัญชาโดยเฉพาะในทางการแพทย์ แต่อีกด้านก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานด้านเด็กและเยาวชนเนื่องจากนโยบายดังกล่าวขาดมาตรการรองรับที่รัดกุมเพียงพอจนส่งผลกระทบต่อประชากรวัยที่ถูกคาดหวังให้เป็นอนาคตของชาติ

ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกล ซึ่งมาแทนพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป ชนะเลือกตั้งได้ สส.มากที่สุด 151 ที่นั่ง แต่เนื่องจากยังติดห้วงเวลาบทเฉพาะกาลที่นายกฯ ต้องได้เสียงสนับสนุนจาก สว.บวกกับพรรคก้าวไกลไม่ยอมถอยเรื่องนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แม้พรรคการเมืองอื่นๆ รวมถึง สว.จะส่งสัญญาณขอให้ถอยเรื่องดังกล่าว โอกาสการจัดตั้งรัฐบาลจึงไปอยู่ที่พรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทยซึ่งมี สส. 141 ที่นั่ง ในครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมาเป็นพรรคอันดับ 3 กับจำนวน สส. 71 ที่นั่ง เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย หนุน เสี่ยนิด - เศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเป็นนายกฯ

เกือบ 2 ปีในการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ภายใต้นายกฯ 2 คน คือนายเศรษฐาและ น.ส.แพทองธาร นายอนุทินรับตำแหน่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทั่งเริ่มปรากฏ “รอยร้าว” ช่วงปลายเดือน พ.ค.2568 เมื่ออดีตนายกฯ ทักษิณ เปรยขึ้นมาว่า เก้าอี้ รมว.มหาดไทย ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย และเมื่อล่วงเข้าสู่เดือน มิ.ย.2568 ก็เริ่มมีข่าว นายอนุทิน ทยอยเก็บข้าวของออกจากกระทรวงมหาดไทย กระทั่งช่วงค่ำวันที่ 18 มิ.ย.2568 หรือไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดกรณีคลิปหลุดเสียงสนทนา แพทองธาร - ฮุน เซน พรรคภูมิใจไทยได้ออกแถลงการณ์ถอนตัวจาการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.2568 เป็นต้นไป อ้างรับไม่ได้กับเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ ชัยเกษม นิติสิริ เกิดเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2491 ประวัติด้านการศึกษาและการทำงานมาในทาง “นักกฎหมาย” เต็มตัว โดยจบปริญญาตรีแผนกนิติศาสตร์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 2) ในยุคที่จุฬาฯ ยังไม่ได้แยกการเรียนการสอนด้านนิติศาสตร์ออกมาจากคณะรัฐศาสตร์ และปริญญาโทนิติศาสตร์มหาบัณฑิต (L.L.M) จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) สหรัฐอเมริกา รวมถึงจบหลักสูตรเนติบัณฑิตไทยจากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา

นายชัยเกษม เริ่มรับราชการในสายงานอัยการ ในตำแหน่งอัยการผู้ช่วย จังหวัดสมุทรสาคร และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาตามลำดับ จนได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตราชการ ในตำแหน่ง “อัยการสุงสุด” เมื่อปี 2550 อีกทั้งในปี 2552 ยังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น “ศาสตราจารย์พิเศษ” สาขานิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลังเกษียณจากราชการ นายชัยเกษมเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในสายการเมือง ในตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2556 ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี มาดามปู - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “ตำแหน่งต่างตอบแทน” เนื่องจากสมัยที่ยังเป็นอัยการสูงสุด เคยมีคำสั่งไม่ฟ้องอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ฟ้องในคดี “หวยบนดิน” โครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว

นายชัยเกษม เป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงท้ายๆ ของสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองก่อนการรัฐประหาร 2557 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ในขณะนั้น) เรียกแกนนำของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ เข้าหารือที่สโมสรทหารบก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ในวันดังกล่าว นายชัยเกษม รมว.ยุติธรรม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่พ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2557 กรณีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ได้เข้าหารือในฐานะตัวแทนฝ่ายรัฐบาล

ในบรรยากาศหารืออย่างเคร่งเครียดที่สโมสรทหารบก ซึ่งถูกเปิดเผยออกมาในภายหลังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถามนายชัยเกษมว่า “จะไม่ลาออกใช่หรือไม่?” และเมื่อนายชัยเกษมยืนยันว่า “นาทีนี้ผมไม่ลาออก” พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นผมตัดสินใจยึดอำนาจ” และเข้าสู่การรัฐประหารในช่วงเย็นวันเดียวกัน

เมื่อการเลือกตั้ง สส.กลับมาอีกครั้งในปี 2562 ซึ่งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 กำหนดให้แต่ละพรรคการเมืองสามารถส่งรายชื่อตัวแทนเป็นนายกรัฐมนตรีได้สูงสุด 3 คน ในครั้งนั้น นายชัยเกษมมีรายชื่อเป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ร่วมกับ หญิงหน่อย - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย) และ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (ปัจจุบันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) และอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2566 นายชัยเกษมยังได้รับความไว้วางใจจากพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อเป็นนายกฯ ร่วมกับนายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร

และแม้จะมีคำถามเป็นระยะๆ ว่า “สุขภาพยังไหวหรือไม่?” เนื่องด้วยมีอายุมากกว่า 70 ปี แต่เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2568 ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเริ่มสั่นคลอนจากกรณีคลิปหลุด สื่อมวลชนรายงานข่าว นายชัยเกษม ออกรอบตีกอล์ฟ ส่งสัญญาณ “พร้อมเป็นนายกฯ” หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง กระทั่งล่าสุดเมื่อ น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง ก็ถึงเวลา “ไพ่ใบสุดท้าย” อย่างนายชัยเกษม ออกโรงในนามตัวแทนพรรคเพื่อไทย ลงสนามในการโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 5 ก.ย.2568

ก็ต้องมาลุ้นกันว่า ท้ายที่สุดจะมีอะไรพลิกอีกหรือไม่? กับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีคนที่ 32” ของประเทศไทย!!!

- 006