จี้ยกเลิกMOU43
คปท.ทวงสัญญาภูมิใจไทย
เขมรยังป่วน‘บ้านหนองจาน’
คปท.รุกภูมิใจไทย จี้ยกเลิก MOU43 หลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ด้านบ้านหนองจานยังระอุกัมพูชาระดมมวลชนพระ ชาวบ้าน กดดันยั่วยุไทย
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2568 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “MOA พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอญัตติให้สภา ยกเลิกMOU43-44 วันนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ ในการจัดตั้งรัฐบาล สามารถนำเรื่อง mou43-44 เข้า ครม.และเป็นมติ ครม.ยกเลิก ได้ทันที
ภูมิใจไทยจะรักษาจุดยืนเรื่องนี้หรือไม่
ประชุม ครม.นัดแรกของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล เราจะไปยื่น moa กับรัฐบาล รัฐบาลอย่ารับปากเฉพาะพรรคการเมือง ต้องรับปากพี่น้องประชาชนด้วย “
บ้านหนองจานยังระอุ
ด้านสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียด แม้จะไม่มีการปะทะกันด้วยอาวุธ แต่กองทัพไทยยังคงตรึงกำลังอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังการรุกล้ำอธิปไตย หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไทยได้นำป้ายประกาศให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วกว่า 170 ครัวเรือนย้ายออกจากพื้นที่ ทำให้ชาวกัมพูชาไม่พอใจและมีการรวมตัวประท้วง
โดยทางฝั่งกัมพูชาในวันนี้ได้มีการระดมมวลชนในวงกว้าง ทั้งชาวบ้าน พระสงฆ์ และสื่อมวลชนมายังพื้นที่ชายแดน เพื่อกดดันฝ่ายไทย โดยมีการตั้งเต็นท์และเพิงพักชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ชุมนุมที่เดินทางมาสมทบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะปักหลักในพื้นที่นี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าทหารกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังพลเข้าสู่แนวหน้าและบางส่วนได้ปลอมตัวปะปนกับกลุ่มผู้ประท้วงพร้อมถือไม้เพื่อยั่วยุเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอีกด้วย
กองทัพส่งกำลังคุมเข้ม
อย่างไรก็ตาม กองกำลังไทยยังคงใช้ความอดทนสูงสุดและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยในทุกรูปแบบ โดยผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศได้สั่งการให้ดำเนินการทันทีหากพบทหารกัมพูชามีการถืออาวุธล้ำเข้ามา
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีแผนที่จะเข้าร่วมการประชุม GBC (General Border Committee) เพื่อหารือและหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกันในอนาคตอันใกล้นี้
เขมรอดอยากหนีเข้าไทย
ด้าน พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา ได้สั่งการให้ พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12 นำกำลังพล กองร้อยทหารพรานที่ 1206 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตำบลคลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ เข้าทำการสกัดจับ 10 แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ขณะเดินเท้าลักลอบข้ามชายแดนช่องทางธรรมชาติจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย บริเวณไร่อ้อยริมชายแดนบ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ตรวจสอบไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทย แต่อย่างใด จึงควบคุมตัวมาทำการซักถามที่กองร้อยทหารพรานที่ 1206 ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการซักถามเบื้องต้นแรงงานกัมพูชาทั้งหมดรับว่าเคยทำงานอยู่ในประเทศไทยและเดินทางกลับภูมิลำเนาบ้านเกิดในกัมพูชา ช่วงเกิดสถานการณ์ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ตามคำเรียกร้องของรัฐบาลกัมพูชา แต่อยู่ที่บ้านเกิดกลับไม่มีงานทำเงินก็ไม่มีใช้ทำให้อยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ จึงติดต่อไปยังนายจ้างเดิมเพื่อขอกลับไปทำงานก่อสร้างใน กทม.ที่เดิม จากนั้นจึงติดต่อนายหน้าชาวกัมพูชาให้พาลักลอบข้ามแดนเข้าไทยตามช่องทางธรรมชาติ โดยนายหน้าชาวเขมรเรียกเก็บเงินไปคนละ 2,000 บาท แต่ขณะที่นายหน้าพาข้ามแดน นายหน้าชาวเขมรได้ฉวยโอกาสปล่อยทิ้งไว้บริเวณริมชายแดนทำให้พวกตนต้องเดินเท้าลอบเข้าไทยเอง จนกระทั่งมาถูกทหารไทยจับกุมได้ดังกล่าว
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวชาวกัมพูชาทั้ง 10 คนไปส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ขณะเข้าจับกุมแรงงานทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตทำงานใดๆ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ประดับยศท่ามกลางสมรภูมิ
ผู้สื่อข่าวรายงานรว่าเมื่อวันที่ 5 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 (ผบ.ร.6 พัน.2) เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศให้กับกำลังพลที่ได้รับการเลื่อนยศสูงขึ้น 7 นาย ณ พื้นที่ปฏิบัติการ โดยพิธีนี้ถือเป็นพิธีที่สำคัญและสร้างความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเหล่าทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้า
ในโอกาสนี้ ผบ.ร.6 พัน.2 ได้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมให้โอวาทแก่กำลังพลที่ได้รับการเลื่อนยศให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ มีความเข้มแข็ง เสียสละ และอดทน เพื่อรักษาเกียรติของชายชาติทหาร
นอกจากนี้ เพื่อแสดงถึงความห่วงใยและเชิดชูความเสียสละของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ผบ.ร.6 พัน.2 ยังได้มอบเงินสวัสดิการพิเศษให้กับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ และเงินสวัสดิการช่วยเหลือแก่ครอบครัวของกำลังพลที่บิดาเสียชีวิต เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในยามที่เผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก
ศรีษะเกษยังผวา
ส่วนบรรยากาศตามหมู่บ้านแนวเขาพระวิหารใน อ.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังคงตึงเครียด หลังเหตุปะทะชายแดนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แม้ชาวบ้านบางส่วนจะเดินทางกลับเข้าบ้านได้แล้ว แต่ยังต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง และพร้อมที่จะหลบภัยลงหลุมหลบระเบิดอยู่เสมอ
ชาวบ้านในพื้นที่ต่างฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดใหม่ และแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ให้เร่งแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยนายวิสิทธิ์ ดวงแก้ว ชาวบ้านหนองหว้า เผยว่า ปัญหาหลักคือราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ทั้งยางพารา มันสำปะหลัง และพืชผัก รวมถึงการที่ทหารยังไม่อนุญาตให้เข้าไปกรีดยางในพื้นที่ใกล้ชายแดน ทำให้กว่า 30-40 ครอบครัวขาดรายได้ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม แม้จะมีการเยียวยาจากรัฐบาลบ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ยังมีปัญหา เรื่องที่ดินทำกิน ที่บรรพบุรุษสืบทอดมา แต่ปัจจุบันบางส่วนถูกประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ แม้จะเคยร้องเรียนหลายสมัยก็ยังไม่มีความคืบหน้า
นายหมื่น เทศธรรม ชาวบ้านบึงมะลู กล่าวว่า หวังว่ารัฐบาลใหม่จะดูแลราคาผลผลิตเกษตรให้ดีขึ้น และยังเห็นว่าควร ระงับการเปิดด่านชายแดน ไว้ก่อน หากสถานการณ์ยังไม่มั่นคง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา
นางสมวย มณี ชาวบ้านโนนดู่ กล่าวว่า ยังคงมีความหวาดวิตกจากเสียงดังที่ได้ยินอยู่เป็นระยะ แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงแล้ว แต่ภาพความรุนแรงยังฝังใจ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อให้ชายแดนกลับมาสงบสุขเหมือนในอดีต
ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา
ทางด้านชาวบ้านแนวชายแดนอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ที่อพยพหนีภัยสู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงทยอยนำเอกสารหลักฐานไปยื่นลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาจากสถานการณ์ ตามมติ ครม.ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด โดยที่ อ.บ้านกรวด มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 9 ตำบลกว่า 19,000 ครัวเรือน ขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาแล้วกว่า 7,000 ครัวเรือน
จากการสอบถามชาวบ้าน บอกว่า ดีใจที่รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาช่วงที่ต้องอพยพหนีภัยการสู้รบเพราะไม่ได้ทำมาหากิน แต่ทุกวันนี้ก็ยังใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง เพราะสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังตึงเครียด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี