'ใบตองแห้ง'ชำแหละพรรคส้มมี'โปลิตบูโร'ชี้นำความคิด แฉมีปัญหาคล้ายพรรคคอมมิวนิสต์
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2568 นายอธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง คอลัมนิสต์ และพิธีกร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Atukkit Sawangsuk" ระบุว่า "จุดแข็งของพรรคส้ม คือความแน่นเหนียวเป็นหนึ่งเดียวมีวินัย สส.ในพรรคทุกคนเคารพมติ แม้มีบางส่วนไม่เห็นด้วย เพราะ "พรรคใหญ่กว่าคน" สส. 143 คนตระหนักว่า ไม่ได้เป็น สส.มาด้วยตนเอง แต่ได้เป็นเพราะพรรค
แต่จุดอ่อนของพรรคส้ม ก็เป็นเรื่องเดียวกัน คือการที่เสียงข้างน้อยไม่สามารถแสดงออก (มันอาจเป็นทัศนคติสังคมไทยด้วย คือใครออกมาเห็นต่างก็โดนมองแง่ลบว่า พรรคแตกแล้วๆๆ)
เราจึงเห็น สส.143 คนโหวตอนุทินพร้อมเพรียงกัน แม้จำนวนหนึ่งน้ำเสียงไม่เต็มใจ เท่าที่รู้มีเสียงข้างน้อยหลายสิบคนไม่เห็นด้วย แต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร นอกจากซุบซิบระบายกันส่วนตัว ออกมาพูดข้างนอกก็กลายเป็น "พรรคแตก" ไม่พูดก็เหมือนเห็นด้วยกันไปหมด ถ้าผิดพลาดก็ลงเหวไปด้วยกัน นี่เล่าขำๆ วันหนึ่งเจอ สส.หญิง กทม.ผู้ขึ้นชื่อในความเป็นเสรีชน เธอบอกผมต่อหน้าผู้นำ "หนูคิดเหมือนพี่แหละ เลือกตั้งครั้งหน้าเราจะเหลือถึง 5% หรือเปล่าไม่รู้" (แต่เธอก็โหวต)
พรรคส้มนั้นไม่ได้มี "นายใหญ่" ไม่ได้เป็นเผด็จการ แต่มีคณะนำที่สื่อเรียกว่า "โปลิตบูโร" ปัญหาคือคณะนำนั้นมีเครดิตสูงมาก ทั้งเป็นผู้นำทางความคิดอุดมการณ์ เป็นผู้มีเครดิตสูงในด้านการวางยุทธศาสตร์ยุทธวิธีจนชนะเลือกตั้ง หรือกระทั่งการวางตัวบุคคล (ตอนเลือกตั้ง 62 มีใครคิดบ้างว่า พิธา โคตรโนเนม จะเป็นฟีเวอร์ในปี 66 นั่นมาจากการมองทะลุปรุโปร่งของโปลิตบูโร เอาพิธามาเจียระไนจนเป็น Almost Prime Minister)
อย่างไรก็ตาม ปัญหาประชาธิปไตยในพรรคส้มก็คล้ายพรรคคอมมิวนิสต์ คือโปลิตบูโรได้รับความเคารพยกย่องอย่างสูง เหมือน "จัดตั้ง" สหายนำ ที่มีเกียรติประวัติต่อสู้เสียสละมายาวนาน เชี่ยวชาญทั้งทฤษฎีปฏิบัติ คนในพรรคมีแนวโน้มเชื่อถือคล้อยตาม ถ้าผิดพลาดก็กลับตัวไม่ทัน พังไปด้วยกันหมด
ประเด็นของพรรคส้มคือ เมื่อครบ 4 เดือนแล้วพบว่าการ "ดีล" เพื่อให้เกิดยุบสภา-ประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามเป้า เป็นความผิดพลาด นอกจากต้องขอโทษประชาชนอย่างตรงไปตรงมาแล้ว
คณะนำของพรรคก็ต้องรับผิดชอบ และต้องลดอำนาจลดบทบาท ปรับโครงสร้างให้เสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วย ขึ้นมามีอำนาจตัดสินใจ หรือมีอำนาจตัดสินใจมากขึ้น
เพียงแต่ปัญหาก็คือ ในสถานการณ์ปัจจุบัน เสียงข้างน้อยไม่สามารถแสดงตัว ทั้งด้วยการที่พรรคและ สส.เองก็กลัวจะเกิดความสับสนปั่นป่วนรวนเร ต้องรักษาความเป็นหนึ่งเดียวแน่นเหนียว อีกทั้งสังคมสือโลกออนไลน์ก็เมื่อไหร่ที่มีคนประกาศว่าไม่เห็นด้วยกับการโหวตอนุทินก็ไชโยพรรคแตกแล้วๆๆ
อย่างไรก็ตามการแสดงออกไม่จำเป็นต้องประกาศว่าไม่เห็นด้วยที่โหวตไปแล้ว ทั้งคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วยควรจะยืนหยัดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล กองทัพ ศาลองค์กรอิสระ รัฐพันลึก อย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่ทำมา 6 ปี
ขอบคุณภาพจาก : cops-magazine
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี