ฟังแถลงชี้แจงของ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกองทัพบก ถึงเหตุต้องเลื่อนประชุม “คณะกรรมการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา” (RBC) ในส่วนกองทัพภาคที่ 1 เพราะมีการปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่งภายในกองทัพบก โดยเฉพาะระดับแม่ทัพภาค ต้องมีการรับส่งหน้าที่ ซึ่งจะมีผลภายใน 1 ต.ค.
อีกประการ เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ ยังปฏิบัติไม่ได้ตามกรอบที่ตกลงกันไว้ อย่างที่ “บ้านหนองจาน - บ้านหนองหญ้าแก้ว” อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว คงมีความขัดแย้งเรื่องมวลชนกัมพูชา การใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์
ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยังไม่ชัดเจนเรื่องการกำหนดหัวข้อการพูดคุย อีกทั้ง การให้ข่าวสารทางฝ่ายเขมรยังบิดเบือน ส่งผลให้บรรยากาศการเจรจาไม่ราบรื่น!!!
สำหรับสถานการณ์ภาพรวมพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 หลังทหารกัมพูชายิงปืนเล็ก ที่ช่องภูผี จ.ศรีสะเกษ ยังไม่มีท่าทีจะคุกคามด้วยอาวุธจริงจัง เขมรชี้แจงว่า เป็นปืนลั่น ซึ่งก็เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ด้านยุทธวิธี อาจมองได้ว่าเป็นการตรวจเช็ค ความพร้อม การวางกำลังฝ่ายไทย ก็เป็นได้ จึงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นการยั่วยุ
ขณะที่ ผบ.ทบ.กำชับเตรียมความพร้อมไว้เสมอ ดูแลกำลังพลให้ดี อาจต้องยืนระยะยาว ก็ต้องอยู่ให้ได้ เพื่อรองรับทุกสถานการณ์ ไม่ให้ประชาชนผิดหวัง เพราะวันนี้ไม่มีหลักประกันชัดเจน สถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องพิจารณา เหตุการณ์ระดับพื้นที่ระดับบุคคล ตามที่แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุหากมีการรุกล้ำก็ให้ใช้อาวุธได้ทันที!!!
พลตรีวินธัย ย้ำด้วยว่า การกำหนดไทม์ไลน์แก้ปัญหาชายแดนไทย-เขมร ให้ยุติโดยเร็ว ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไปกว่านี้ ขึ้นอยู่กับกรอบเจรจาทวิภาคี ที่ผ่านมากองทัพบกดำเนินการตามกรอบการเจรจามาตลอด แต่ก็ลำบากใจเช่นกัน เพราะเขมรไม่ให้ความร่วมมือ เท่าที่ควร นับว่าถึงเวลาแล้วต้องดำเนินการ ยกระดับให้เข้มข้นมากขึ้น ส่วนที่มองว่าเป็นการพายเรืออยู่ในอ่าง คงไม่ใช่ เพราะฝ่ายไทยมีความคืบหน้า แต่ฝ่ายกัมพูชา ไม่ให้ความร่วมมือ
ถ้อยแถลงโฆษกกองทัพบกบ่งชัดว่า ทหารก็ไม่สบายใจ ขณะที่คนไทยทั้งประเทศตั้งคำถาม ปัญหาพิพาทไทย-เขมร จะจบได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้ ไทยยึดจุดยืนความเป็นสุภาพบุรุษ ย้ำใช้การเจรจาทวิภาคี ยุติปัญหาสองประเทศ แต่ “เขมร” ไม่เคยตอบสนอง หรือให้ความสำคัญกับผลเจรจาเวทีทวิภาคีแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเวทีกรรมการชายแดน จีบีซี-อาร์บีซี เขมรก็รับปากส่งๆไป ฉากหลังก็ยั่วยุ แสดงท่าทีปรปักษ์ ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงต่อเนื่อง ทั้งลอบโจมตี วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล บินโดรนสอดแนม ปล่อยข่าวบิดเบือน หนักเข้าก็เกณฑ์กลุ่มเปราะบาง นักเลงหัวไม้ มาก่อหวอด ป่วนชายแดนด้านจ.สระแก้วที่ “บ้านหนองจาน - บ้านหนองหญ้าแก้ว” ถ้าทหารไทยหลุดทำอะไรไปสักดอก เขมรที่จ้องอยู่จะคาบไปฟ้องโลก ดิสเครดิตไทยทันที
สอดคล้องกับ แม่ทัพภาคที่ 1 “พล.ท.อมฤต บุญสุยา” ย้ำภารกิจสำคัญเร่งด่วนของกองทัพภาคที่ 1 คือ “จัดระเบียบพื้นที่ชายแดน” ส่วนสถานการณ์พื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว การปฏิบัติให้ยึดมาตรฐานสากลจากเบาไปหาหนัก เมื่อเขมรใช้มวลชนยั่วยุ ต้องทำเป็นขั้นตอน รอบคอบ ไม่ให้เขมรเอาไปบิดเบือนได้ และไม่ให้เราตกอยู่ในเกมเขมร แต่ต้องดึงเขมรมาอยู่ในเกมของเรา!!!
ส่วนกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ขีดเส้นหลังวันที่ 10 ตุลาคม จะบังคับใช้กฎหมายกับคนเขมร แม่ทัพภาคที่ 1 บอกเลยว่า ก็เป็นไปตามที่ผู้ว่าฯสระแก้วชี้แจงคือ ให้เขมรส่งแผนการอพยพคนกลับไป หากไม่ส่ง จะรายงานหน่วยเหนือ เพื่อหาแนวทางปฎิบัติที่เหมาะสมต่อไป จะไม่คุยอะไรอีกแล้ว
เพราะก่อนหน้านั้น ที่ทหารเขมรระดมมวลชนมาป่วนชายแดน ทำร้ายทหารไทย ผู้ว่าฯสระแก้วมีหนังสือประท้วง พร้อมเสนอข้อตกลงที่ควรปฎิบัติไป ถึงเวลาผู้ว่าราชการบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย กลับไปให้ท้ายม็อบเขมร แล้วจะคุยกันรู้เรื่องอย่างไร
ยิ่งตอนนี้เหมือน “เขมร” สะกดคำว่า “แผ่ว”ไม่เป็น ทำทุกอย่างข้างต้น หนักข้อไปอีกคือ เข้ามาป่วนแถวแนวลวดหนาม ทำเป็นยิงปืนเล็ก เช็คความพร้อมทหารไทยด้านภูผี จ.ศรีสะเกษ เสริมเพิ่มเติมกำลัง อาวุธยุทโธปกรณ์ต่อเนื่อง
สถานการณ์ชายแดนจึงยังอึมครึม การเจรจาแก้ปัญหาที่มองไม่เห็นปลายทาง ถ้ายังยืดเยื้อ ก็น่าห่วงจะสุ่มเสี่ยงนำไปสู่การปะทะอีกระลอกหรือไม่
ขณะที่กระแสสังคมไทยตอนนี้แรงไม่ตก เรียกร้องให้ “ปิดด่าน” ต่อ แม้กระทั่งพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดน ก็พร้อมหนุนถ้าจะ “ปิดถาวร” หรือถ้าต้องเลิกคบค้าสมาคมด้วยก็ไม่เดือดร้อน นอกจากนั้น เสียงเรียกร้องที่ดังชัดขึ้น การเสนอให้สร้าง “รั้วกั้นชายแดน”ถาวร กระหึ่มไปทุกหย่อมหญ้า
มั่นใจได้เลยว่า ถ้ารัฐบาลกับกองทัพทุบเปรี้ยง “สร้างรั้วกั้นชายแดน” รับรองคนไทยประสานเสียงรับเซ็งแซ่ แถมยังออกมาระดมสรรพกำลัง เนรมิต “รั้วชายแดน” เกิดขึ้นมาในเวลาไม่นานแน่
ขนาดที่ประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหาร นำโดย ผบ.ทสส.และ ผบ.ทุกเหล่าทัพ เห็นชอบ “ปิดด่าน” จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือเขมรไม่เป็นภัยคุกคามไทยอีกต่อไป - เห็นควรสร้าง “รั้วชายแดน” ในพื้นที่ที่ตกลงเส้นเขตแดนกันได้แล้ว และไฟเขียวจัดการกับผู้ที่มาละเมิดอธิปไตยไทยอย่างเด็ดขาด โดยยกระดับมาตรการตอบโต้ตามสถานการณ์ ยังได้คะแนนได้ใจคนไทยไปเกินร้อย!!!
ความพยายามใช้เวทีทวิภาคีมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา น่าจะมากพอแล้ว ประชาคมโลกที่ไม่ได้แกล้งหลับ เปิดรับข้อมูลข่าวสารจากหลายสื่อทั่วโลก คงเข้าใจได้ไม่ยาก ถ้าไทยจะตัดสินใจยกระดับจัดการ “เขมรอันธพาล” ขั้นเด็ดขาด
เพราะสุดท้าย ถ้าการเจรจาทวิภาคี ที่รัฐบาลและกองทัพ ชูเป็นธงนำแก้ปัญหาชายแดนมาตลอดไม่คืบหน้า คงต้องถึงเวลา “ล้มโต๊ะ” ได้แล้วหรือไม่
สำหรับพี่น้องชายแดนไทย - เขมร ก็หาแนวทางดูแลยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจการค้า เชื่อว่าแค่ไม่คบ - ค้าขายกับเขมร ผลกระทบคงไม่หนักถึงขั้น หาตลาดสินค้าไม่ได้
ลองประเมินดูที่ผ่านมา คบเขมร “ไทย” เป็นพี่ใหญ่ใจดีที่มีแต่ให้ มีแต่จ่าย มีแต่ช่วย เขมรยังไม่สำนึกบุญคุณเลย แล้วจะยังยึดแนวทางนั้นไปเพื่ออะไร แถมต้องมานั่งระวังหลัง ไม่ให้โดนลอบกัดอีก
ก็ได้แต่ตั้งความหวังรอดู รัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะยุติบทบาทเป็นพี่ใหญ่ใจดี จัดการดัดนิสัยถาวรของ “เขมร” จังๆ ตามสถานการณ์อย่างไร แบบม้วนเดียวเข็ด!!!
- ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี