‘นายกฯ’ยันจะไม่ให้ใครมาบงการเบื้องหลัง ยกคำ‘ทักษิณ’โต้‘ชลน่าน’โวเห็นทางออกในทุกปัญหา เชื่อมือ‘ครม.’ทำงานเต็มที่ 4 เดือน ลั่นต้องนำ‘นโยบายฟอกไตฟรี’กลับมาใน 2 เดือน หากทำได้จะไปเป็น‘รมว.สาธารณสุข’
เมื่อเวลา 10.50 น.วันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงนพ.ชลน่านศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทยว่า ที่ตั้งคำถามต่อรัฐบาลของตนทำได้ หรือทำเป็น ทำดีหรือไม่ คำตอบคือ ทำได้ สิ่งที่ถูกเขียนในคำแถลงนโยบายเป็นสิ่งที่ได้ผ่านการกลั่นกรอง มาแล้วว่า พวกเราทุกคนต้องทำได้ เพราะวิธีการทำงานของตนนั้น ทำได้เร็ว และต้องทำเลย และทำเป็น เพราะตนคัดสรรบุคคลให้มาเป็น รัฐมนตรี ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และประชาชน ฐานะผู้มีพระคุณต่อตนและรัฐบาลปัจจุบัน
“ทำดีหรือเปล่า คนเราถ้ามาถึงตำแหน่งนายกฯ แล้ว กว่าถึงจุดนี้ได้ ใช้เวลาเป็น 10 ปี ถือโอกาสนี้ทำดีที่สุด เป็นเกียรติประวัติของประเทศ ประชาชน ที่คนที่เป็นนายกฯ ต้องรับผิดชอบใน 4 ประเด็นที่บอกไว้ต่อเนื่องถึงการขาดโอกาส ผมว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงาน เพราะรัฐบาลนี้ผมได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกคนว่าไม่มีคำว่าคนละพรรค ไม่มีขัดแข้งขัดขา หรือกังวลใดๆที่เห็นว่าพรรคไหนทำแล้วได้รับความนิยมจากประชาชนมากกว่า ผมอาจโชคดีที่สั่งสอนให้เป็นคนใจกว้าง อะไรที่เป็นเครือข่ายการทำงาน ที่ผมเกี่ยวข้อง ใครทำอะไรและประสบความสำเร็จเป็นประโยชน์ ผมจะอนุโมทนาสาธุ ชื่นชมและสนับสนุนให้ทุกคนที่ทำงานร่วมกับผมประสบความสำเร็จสูงสุด” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องขาดฝีมือ ตนให้ความเชื่อมั่นว่าทุกคนในรัฐบาล ตนคัดเลือกเองและสิ่งสำคัญ คือนอกจากเรื่องของคุณงาม ความดีที่แต่ละคนมีความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนและผลงาน ความรู้ปะสบการณ์ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาล 4 เดือนมีบุคลากรมีฝีมือ มีความสามารถ ประสบความสำเร็จ ที่กังวลว่าขาดความโปร่งใส ขอให้สบายใจ เพราะตนรับฟังทุกคำ จดทุกความกังวลพร้อมชี้แจง ความโปร่งใสต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ถูกกฎหมาย ถูกระเบียบและใจกล้าให้ทุกคนตรวจสอบได้ ยืนยันรัฐบาลต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
“ขาดอนาคตประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือเคารพเสียงส่วนใหญ่ ไม่เอาแต่ใจมาตัดสิน มีความเป็นตัวของตัวเองผมมองเห็นต่าง เพราะจากนี้ไปรัฐบาลนี้จะวางรากฐานแนวทางแบบอย่างที่ดีเป็นรัฐบาลให้อนาคตประชาธิปไตยสดใส อย่างน้อยนายกฯ คนนี้จะไม่มีใครบงการได้ คิดเอง หารือกับ ครม. และสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด เพื่อตัดสินใจทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศและประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่กล่าวหารัฐบาลเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ พูดไม่ผิด ขอให้นับวันที่ 1 ต.ค. เป็นวันแรก 31 ม.ค. ยุบสภาแน่นอน ถือเป็นพันธะระหว่างพรรคที่ลงนามในข้อตกลงกับพรรคประชาชน แต่ตนขอกระทำและทำให้สำเร็จคือเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่เข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา และครม.ของตนอีก 35 คนทำทุกอย่างเพื่อเรียกความเสียหาย ความสูญเสีย เรื่องเกียรติภูมิของประเทศ เศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจ ความปลอดภัยของประชาชนกลับมาสู่คนไทยในระยะเวลาทำงาน 4 เดือน คนมั่นใจว่าทำได้
“บางทีการทำงานนั้นทุกคนมีความรู้ความสามารถแต่ต้องไม่เปรียบกัน ที่ว่าท่านทำไม่ได้ คนอื่นทำไม่ได้ ท่านมาอยู่กระทรวงสาธารณสุข 7 เดือน ผมก็อยู่ 7 เดือน ผมมั่นใจทำอะไรเยอะมาก ทั้งโควิด เหตุการณ์วิกฤตสาธารณสุข อาจมีบทบาทมากกว่าที่ท่านดำรงตำแหน่งอยู่ ผมขอเคลมว่า ตนเคารพศรัทธากับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค แต่30บาทรักษาทุกที่ อนุทินครับ ไม่ใช่ชลน่าน เพราะผมทำมาตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุข 4 ปี ผมใช้เวลาประสานงานกับสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ ฟอกไตฟรี แต่เสียดายรัฐบาลชุดที่แล้วเอาฟอกไตฟรีทั้งหมดออกไป เหลือบางส่วนซึ่งภายใน2 เดือนนี้ รมว.สาธารณสุขจะต้องเอากลับมา หากทำไม่ได้ผมจะไปเป็นรมว.สาธารณสุขเอง” นายอนุทิน กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะที่ประเด็นผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไม่ตรงความต้องการของประชาชน ตนขอมองต่างเพราะรัฐบาลยกเลิกกาสิโน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เงินดิจิทัลให้ประชาชน เราไม่มอมเมาประชานด้วยการพนันหรือ ใช้ธุรกิจการพนันขยายตัวเศรษฐกิจ ซึ่งความเห็นต่างนั้นเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญออกจากการร่วมรัฐบาลสมัยนั้น มีความพยายามหลายเรื่อง ไปเตะความมั่นคง เสียหายประเทศ ตนตัดสินใจไม่ร่วมนโยบายนี้ถือเป็นเกียรติที่ถูกเชิญออกมา
“กรณีดึงซื้อ 1,000-2,000 รวมเป็นตัวเลขหลายล้าน ถือเป็นตัวเลขอัปมงคล มีความพยายามมีตัวเลขนี้ มาทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านหลายคนสมัยนั้นไขว้เขว แต่โชคดีที่ทุกนเห็นว่าไม่เป็นมงคล เป็นตัวเลขที่เอาไปแล้ว ไปทำให้อนาคตของประชาธิปไตยมืดมน แต่คนที่ทำเป็นคนในฝั่งรัฐบาลตอนนั้นไม่มาจากพรรคภูมิใจไทยแน่นอน ขอให้มั่นใจทีมงานพร้อมพิสูจน์ ผมและครม. ตอบแทนได้ว่านโยบายและการทำงานต้องทำหนัก ผลักดันทุกนโยบายเป็นทางออกประเทศ” นายกฯ ชี้แจง
นายอนุทิน กล่าวว่า เราเคยอยู่ด้วยกัน 20 ปีก่อน อยู่ในรัฐบาลของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อมีการประชุมครม. มีการพูดถึงปัญหา ทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องทำ ตนเป็นรัฐบาล ขณะที่นพ.ชลน่านเป็น เลขานุการรมว.สาธารณสุข ตนจำว่า นายทักษิณไม่พอใจ ครม. ที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน ตั้งแต่วันนั้นบอกกับตนเองว่าจะไม่มีวันให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น หากตนทำงานที่ไหน เมื่อมีปัญหาจะปิดไมค์แล้วบอกว่า จำไว้นะ ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออกและผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา ทั้งนี้ ตนและครม. เป็นตัวอย่างหลัก ชนะไม่ชนะไม่รู้ แต่ตนเห็นทุกทางออกในทุกปัญหา
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี