‘รมช.คลัง’โร่แจงไม่เกี่ยวข้องถูกกล่าวหาร่วมทุจริต‘ธนาคารกรุงไทย’ปล่อยกู้‘บ.เอิร์ธ’เกินวงเงิน ชี้บทบาทแค่กลั่นกรองสินเชื่อ ไม่ได้อนุมัติ ขอรอ‘ป.ป.ช.’ ตัดสิน ไม่เกินต้นปี69
29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย
นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง ชี้แจงกรณีที่นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทยอภิปรายพาดพิงเกี่ยวข้องกับการทุจริตแบบมหากาพย์ทุนไทย รูปแบบคล้ายกับบริษัทสตาร์ก ในกรณีบริษัทเอ็นเนอร์ยี่เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) ที่พบการกระทำทุจริตและสร้างความเสียหาย พบว่านายวรภัค ฐานะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ว่าเอื้อให้กับบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อสูงเกินกว่าวงเงินกำหนดไม่ถูกต้องตามระเบียบและผิดวัตถุประสงค์ของการออกสินเชื่อเมื่อ 21 ก.พ. 2568 ว่า เมื่อครั้งที่ตนเป็นประธานคณะที่ปรึกษาของนายพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ในพรรคเพื่อไทยได้ยกมาพิจารณาและตรวจสอบ ซึ่งไม่พบการติดใจใดๆ
ทั้งนี้ตนรับหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย เมื่อ พ.ย. 2555 ซึ่งบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เป็นลูกค้าของธนาคารมาหลายปี ในธุรกิจสาขาศรีราชา ตอนนั้นบริษัทมียอดขายหมื่นล้านบาท และเมื่อตนครบวาระ 4 ปี เมื่อปี 2559 บริษัทมียอดขายเติบโต เป็น2หมื่นล้านบาทจากวันแรกที่เป็นลูกค้ายอดขายหลักพันบาท
นายวรภัค ชี้แจงต่อว่า บริษัทเติบโตในยอดขายและกำไรต่อเนื่อง บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมถ่านหินยังพบการเติบโตดีมาก ทั้งนี้บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ไม่เหมือนบริษัทสตาร์ก ที่ถูก กลต.ร้องเพราะตบแต่งบัญชี ซึ่งบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ไม่เคยถูกกลต.ร้องทุกข์กล่าวโทษ อย่างไรก็ดีบริษัทเอ็นเนอร์ยี่เอิร์ธมีการซื้อขายจริง มีทรัพย์สินจริง มีการออกหุ้นกู้ได้ ตามกติกาที่ผ่านกลต.ตรวจสอบแล้ว มีทรัพย์สิน มีเหมืองที่ธนาคารกรุงไทยมี
“ความเสียหายที่แท้จริงนั้น ผมครบวาระปลายปี2559 ออกจากกรรมการของธนาคารกรุงไทย บริษัทดังกล่าวเป็นเอ็นพีแอล พ.ค.ปี2560 ทั้งที่ต้นปี 2560 นั้นมีการเติบโต และมีมูลค่าซื้อขายเกือบ3 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยผิดนัดชำระ เป็นลูกค้าชั้นดีมาตลอด แต่เดือนพ.ย.2560 เป็นเอ็นพีแอล ซึ่งจากประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นเอ็นพีแอลต้องกระท่อนกระแท่นมาประมาณ 1-2 ปี โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องได้รับการประคับประตอง ทั้งนี้ตามเอกสารสำนวนใน ป.ป.ช. รายงานจากที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ธนาคารกรุงไทยจ้าง ระบุว่าบริษัทนี้ธุรกิจและอุตสาหกรรมไม่มีปัญหา แต่ปัญหาเกิดจากวิกฤตสภาพคล่องที่เจ้าหนี้รายใหญ่ดึงวงเงิน” นายวรภัค ชี้แจง
รมช.คลัง ชี้แจงด้วยว่า ตนออกไปแล้วไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีคนมาบอกว่าบริษัทนำเอกสารบีแอลปลอมมาเบิกเงิน แต่พิสูจน์แล้วไม่ได้ปลอม หากสมมติว่าตนยังเป็นกรรมการ และมีบีแอลปลอมมาเบิกเงินจริง ผมอยากจะยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า ต้องค่อยๆ ถอย ไม่ใช่ยุติความสัมพันธ์ทันทีทันใด เพราะจะทำให้เสียหายกับลูกค้าและธนาคารทั้งนี้บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ไม่เหมือนบริษัทสตาร์ก ไม่เคยถูกกลต.ร้องทุกข์กล่าวโทษช่วงเป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย ความเสียหายที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการดึงวงเงินอย่างฉบับพลัน ทำให้ขาดสภาพคล่อง” รมว.คลัง ชี้แจง
นายเลิศศักดิ์ ใช้สิทธิพาดพิง โดยย้ำว่า ที่รมช.คลัง ระบุว่าเหมืองที่ค้ำประกันเงินกู้กับธนาคารกรุงไทยมีจริง แต่ตนขอแย้งว่ามีข้อพิสูจน์แล้วว่าเหมืองไม่มีจริง เพราะบริษัทที่ตรวจสอบงบการเงิน เหมืองที่นำมาค้ำประกันเงินกู้กับธนาคารกรุงไทย ไม่มีจริง ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องให้ไปชี้มูลกับ ป.ป.ช หรือ รอ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
ทำให้ รมช.คลัง ชี้แจงว่ากรณีเหมืองไม่จริง อยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ของ ป.ป.ช. แต่กรณีที่บริษัทยื่นไฟลิ่งเพื่อขอออกหุ้นกู้นั้น ตนเป็นคณะกรรมการกลั่นกรองสินเชื่อไม่ใช่เป็นผู้อนุมัติ ทั้งนี้การอนุมัติหุ้นกู้เป็นผู้บริหารอีกชุด ไม่ใช่ตน กรณีบริษัทสตาร์กกับกรณีนี้ไม่เหมือนกัน เพราะไม่เคยถูกกลต. ร้องทุกข์กล่าวโทษว่าตบแต่งบัญชี
อย่างไรก็ดี นายเลิศศักดิ์ อภิปรายด้วยว่า การแสดงความเห็นของรัฐมนตรีตนรับฟัง กรณีที่กลต.ไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษไม่ใช่ว่าไม่มีประเด็น ทั้งนี้ขอให้รมช.คลังตอบคำชี้แจงให้ได้ เพื่อความสง่างามในการดำรงตำแหน่ง
ทำให้นายวรภัค ชี้แจงว่า “เรื่องนี้ข้อเท็จจริงสำนวนที่อยู่กับ ป.ป.ช.มีอยู่พอสมควรและจากการเรียกให้ปากคำของป.ป.ช. อีกไม่กี่เดือนจะสรุปและข้อเท็จจริงปรากฎไม่เกินสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า และทุกคนจะเห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ขอให้สส.ติดตามใกล้ชิดเพราะข้อมูลที่ได้มามาจากการบิดเบือนอีกด้านหนึ่ง”
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี