ศรส.โวชนะคดี'ถาวร'ยื่นฟ้องแน่! โบ้ยเหตุปะทะผ่านฟ้ามือที่สาม
วันเสาร์ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557, 14.35 น.
Tag :
22 ก.พ. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) แถลงผลการประชุมศรส.ว่า ตามที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาและแจ้งคำบังคับในคดีที่นายถาวร เสนเนียม เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรกับพวก มีผลให้ศรส.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลักตามกฎหมายได้ วันนี้ ผู้อำนวยการ ศรส.ได้มีหนังสือถึงพนักงานอัยการเพื่อให้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่ง รวมทั้งขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลแพ่งตามกฎหมายภายในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ ซึ่งผู้อำนวยการ ศรส.มั่นใจว่าจะชนะคดี เพราะการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้ ก็เป็นเรื่องทำนองเดียวกันกับเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี พ.ศ.2553 ในคดีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งขอให้สั่งว่าการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นไปโดยมิชอบ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอน โดยศาลแพ่งในปีนั้นได้พิพากษาให้ยกฟ้อง เพราะเห็นว่า พระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มีเจตนารมณ์ที่จะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักรหรือในบางเขตท้องที่ได้ตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์ ศรส.จึงเชื่อมั่นว่าศาลอุทธรณ์จะได้มีคำพิพากษาในเรื่องนี้ทำนองเดียวกับเมื่อปี พ.ศ.2553
นายธาริต กล่าวต่อว่า จากกรณีที่ศาลแพ่งอ้างผลของคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยไว้ว่า การชุมนุมของ กปปส.เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ จึงเป็นการชุมนุมโดยชอบนั้น ศรส.เห็นว่า การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นข้อเท็จจริงในการชุมนุมช่วงแรกของ กปปส. แต่ต่อมาเมื่อการชุมนุมต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมได้จบสิ้นแล้ว กปปส.ก็มิได้เลิกการชุมนุม กลับยกระดับเป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาล มีการปลุกระดมให้มีการล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดินหลายเรื่องเช่น มีการประกาศจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล จัดตั้งสภาประชาชนโดยไม่มีกฎหมายรองรับ จัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครรักษาการแทนตำรวจ บุกรุกและปิดยึดสถานที่ราชการ ขับไล่ข้าราชการให้เลิกปฏิบัติหน้าที่ การสั่งให้หยุดงาน การสั่งให้หยุดการเสียภาษี ตัดน้ำตัดไฟสถานที่ราชการ ตั้งกองกำลังไล่ล่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพิ่มเวทีการชุมนุมมากขึ้น ปิดการจราจรในถนนสำคัญ ๆ จนถึงประกาศปิดกรุงเทพมหานคร รวมถึงกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงด้วยการขัดขวางการเลือกตั้งทั้งในกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดในภาคใต้
ดังนั้น ศรส.จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่าการชุมนุมของ กลุ่ม กปปส. ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญภายในวันอังคารที่ 25 ก.พ.นี้ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการชุมนุมของแกนนำ กปปส.ที่กระทำแตกต่างไปจากเหตุเดิมเมื่อครั้งการชุมนุมต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม ทั้งนี้ การยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จะเป็นการยื่นในนามขององค์กรพิเศษ คือ ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. โดยผู้อำนวยการ ศรส. จะเป็นผู้ลงนามยื่น ซึ่งแตกต่างจากที่เคยมีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการยื่นในนามบุคคลหลายคน และ ศรส.มั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะได้นำเอาเหตุการณ์ที่เป็นปัจจุบันไปใช้ในการวินิจฉัยต่อไป
นายธาริต กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างกลุ่ม กปปส. กับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 5 คน และบาดเจ็บรวม 68 คน ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศเมื่อวันที่ 18 ก.พ.นั้น ศรส. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว และจะได้ชี้แจงความคืบหน้าให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะโดยด่วนต่อไป ซึ่งการสืบสวนสอบสวน จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และจะใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะมีการเผยแพร่ให้ประชาชนทราบอย่างเปิดเผย แต่เพื่อความรอบคอบจึงจำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขอให้ประชาชนรอฟังผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ เพราะจะมีความถูกต้องและสมบูรณ์ตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่วนการที่แกนนำ กปปส. ได้แถลงพร้อมแสดงภาพคลิป ภาพนิ่งต่างๆนั้น ศรส.ได้ตรวจสอบแล้ว เป็นการบิดเบือนไม่ตรงต่อความเป็นจริง จนอาจทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่าตำรวจเป็นฝ่ายก่อเหตุ ทั้ง ๆ ที่เป็นกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย