‘คนไทย’ฉลาด
'บวรศักดิ์'เชื่อไม่สับสนกาบัตร4ใบ
เตรียมนัดหารือร่วม3ฝ่าย
รวม3ร่างแก้รัฐธรรมนูญ
มั่นใจสุดท้ายพูดคุยลงตัว
“บวรศักดิ์”เผย เตรียมหารือ 3 ฝ่าย“รัฐบาล-ฝ่ายค้าน-สว.”เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญเล็งรวม 3 ร่างให้ทุกฝ่ายยอมรับ ชี้เร่งหารือปมประชามติ “พรรคการเมือง-สว.-กกต.”ร่วมตั้งคำถามให้อำนาจ“กสทช.”กำหนดประชาสัมพันธ์สื่อรัฐ เชื่อคนไทยฉลาดไม่สับสนกรณีกาบัตร 4 ใบด้าน นายกฯระบุ ยังไม่ชัดใช้บัตร 4 ใบ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าชี้“บวรศักดิ์” คาดการณ์เพื่อประหยัดงบ
เมื่อวันที่ 30กันยายน2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโฌ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวทางการทำประชามติหลังแถลงนโยบายรัฐบาล ประชาชนอาจกาบัตรเลือกตั้ง พร้อมกัน 4ใบว่า ที่ตนพูดในสภาเป็นความประสงค์ของรัฐบาลว่ารัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ข้อแรกคือรัฐบาลต้องปรึกษากับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รวมอยู่ด้วย รัฐบาลก็ต้องปรึกษาพรรคประชาชน (ปชน.) พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคภูมิใจไทย(ภท.) และพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา เพราะรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องไทม์ไลน์นั้น นายกฯ แถลงไว้ว่าจะยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค. 2569 ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งไม่เร็วกว่า 45 วัน และไม่ช้ากว่า 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กำหนดไว้แล้วว่า ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเพิ่มหมวด 15/1 เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเอาไปออกเสียงประชามติ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็บอกแล้วว่าต้องทำ 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 คือ ถามว่า จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ 2. เห็นชอบด้วยกับวิธีการและเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งมาหรือไม่ แต่กฎหมายประชามติในวันนี้บอกว่าประชามติจะทำได้ไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน นับแต่วันที่ประธานสภาส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีและความซับซ้อนก็จะเกิดขึ้นอีก เพราะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ผ่านสภาไปแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการทรงพิจารณา ซึ่งตรงนั้นเขาก็ปรับเวลาว่า ทำประชามติได้ไม่ก่อน 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน ตรงนี้แหล่ะที่ต้องทำไทม์ไลน์กันให้ดี ก็ยังพูดอะไรแน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับร่าง พ.ร.บ. ประชามติ ที่สภาแก้ไปแล้วจะพระราชทานลงมา หรือว่าจะทรงลงพระปรมาภิไธย
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่า แต่ทั้งหมดก็คือความตั้งใจของรัฐบาล และรัฐบาลก็ต้องปรึกษากับพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ กกต. ให้ประชาชนคนไทย ซึ่งคิดว่าฉลาดมาก จะไม่สับสนกับบัตร 4 ใบ จำได้ไม่ยาก ตนยกตัวอย่างเช่น ได้ปรึกษากับบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย สมาชิกวุฒิสภา และ กกต. ว่า บัตรเลือกตั้งก็ให้ใช้บัตรปกติไม่ต้องมีสี แต่ถ้าบัตรประชามติให้ใช้บัตรสีเหลือง และถ้าเห็นชอบด้วยให้กาในช่องสีเขียว ถ้าไม่เห็นชอบให้กาในช่องสีแดง ซึ่งไฟเขียวไฟแดงทุกคนก็รู้จัก ไฟแดงหยุด สต็อป ไม่ต้องทำ ไฟเขียวแปลว่าไป ส่วนเอ็มโอยู กับกัมพูชาก็อย่างเดียวกัน ใช้กระดาษอีกสีหนึ่ง เช่น สีฟ้า อาจจะบอกว่าถ้าให้ยกเลิก อาจให้กาในช่องสีเขียว หากไม่ให้ยกเลิกให้กาในช่องสีแดง
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย. สมาชิกรัฐสภาก็ให้ความเห็นว่าควรจะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อให้แสดงความเห็นกันได้เต็มที่ ตนก็จะกราบเรียนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า เราควรขอความร่วมมือจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) และให้บริษัท อสมท. และช่อง 11 จัดเวลาที่เท่าเทียมกันทุกวัน อันดับแรกคือชี้แจงให้ฟังในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่ามีเนื้อหาสาระอย่างไร และให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมีเวลาเท่ากัน ส่วนเรื่องเอ็มโอยูก็เช่นเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องชี้แจงก่อนว่าเอ็มโอยู ที่เอามาขอประชามตินั้นมีเนื้อหาอย่างไร และให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยใช้เวลาเท่ากัน ซึ่งรัฐบาลคงทำได้อย่างนี้
ส่วนสื่อโซเชียลนั้น รัฐบาลแตะต้องไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นเสรีภาพของแต่ละคน แต่ตนเชื่อว่าคนไทยฉลาด ถ้าเราอธิบายให้ฟังให้ชัดเจนและสามารถให้เขาแยกได้ว่า อันนี้เป็นเรื่อง การลงคะแนนเลือกตั้ง 2 ใบ อันนี้เป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ และอันนี้เป็นเรื่องเอ็มโอยู มันไม่มีปัญหาหรอก และที่รัฐบาลต้องคิดอย่างนี้ก็เพราะว่า กกต. บอกว่าถ้าจัดแยกกันทำได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่าทำได้ แต่ทำครั้งหนึ่ง 6 พันล้านบาท คือเลือกตั้ง 6 พันล้านบาท, แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 6 พันล้านบาท,และ เอ็มโอยูอีก 6 พันล้านบาท รวมเป็น 18,000 ล้านบาท แล้วเราจะเอาหรือ ถ้าทำหนเดียว 6 พันล้านบาท อาศัยความชัดเจนที่ กกต. ทำบัตรเลือกตั้ง และอาศัยการที่รัฐบาลชี้แจงผ่านสื่อให้ชัดเจนอาศัยการที่ให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยสามารถแสดงออกได้อย่างเท่าเทียม คนไทยฉลาดเรื่องแค่นี้เขาทำได้แน่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่บอกว่าการทำประชามติต้องหารือพรรคการเมืองทุกพรรคและ สว. มีการกำหนดเวลาไว้เบื้องต้นแล้วหรือยัง หรือต้องเร็วที่สุด นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เวลานี้มี 3 ร่าง คือ ร่างของพรรคภูมิใจไทย, ร่างของพรรคประชาชน, และร่างของพรรคเพื่อไทย ต้องหารือกันให้เร็วที่สุดเพราะต้องอาศัยทั้งพรรคที่เป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกรัฐสภา เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะผ่านวาระ 3 ได้ ต้องได้เสียง สว. หนึ่งในสาม ต้องได้เสียงของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่า 20% ก็ต้องหารือกัน
เมื่อถามว่าจะมีความชัดเจนว่าจะใช้ร่างของพรรคไหนเป็นหลักหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาฯ ตนตอบไม่ได้ เมื่อถามว่าจะสามารถรวมร่างกฎหมายเข้าด้วยกันได้หรือไม่ นายบวรศักดิ์ ตอบว่า ธรรมชาติก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ ทุกพรรคก็อยากให้ใช้ร่างของตัวเอง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องมาเจรจาพูดคุยประนีประนอมจนออกมาให้เป็นที่ยอมรับได้
เมื่อถามว่าคำถามประชามติได้คิดไว้แล้วหรือยังว่าจะเป็นอย่างไร นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องปรึกษากัน เมื่อถามย้ำว่าสำหรับเรื่องรัฐธรรมนูญจะถามคำถามเดียวหรือสองคำถาม นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญพูดชัดว่าต้องถามสามครั้ง โดยครั้งที่หนึ่งและสองสามารถรวมกันได้ ไม่ใช่แห่งเดียวในโลกที่ทำแบบนี้ อย่างฝรั่งเศสก็เคยถามประชามติเดียว 2 คำถามมาแล้ว แต่ตัวคำถามจะตั้งอย่างไรต้องหารือกัน รัฐบาลทำฝ่ายเดียวไม่ได้ จริงอยู่ว่าเป็นอำนาจของรัฐบาล แต่ต้องขอความเห็นและความยินยอมพร้อมใจของสมาชิกรัฐสภา ที่สำคัญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า มีคำถามไว้ในใจคร่าว ๆ หรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า มีแล้ว แต่ยังไม่อยากพูด
เมื่อถามอีกว่า หากได้คำถามแล้วต้องมาถามรัฐสภา หรือเป็นการหารือภายใน นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นการประชุมภายใน เพราะอำนาจตั้งคำถามอยู่ที่ กกต. กับรัฐบาลจะปรึกษากัน เพราะประชามติ คนที่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือรัฐบาล แต่คนที่ดำเนินการคือ กกต. ซึ่งรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องถามสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน, รัฐบาลและสว.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี นายบวรศักดิ์ ระบุเตรียมทำประชามติในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า โดยใช้บัตร 4 ใบ คือ บัตรเลือกสส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ ประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ และประชามติยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา ว่า เรื่องนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบ เราไม่ใช่ไม่เคยทำ ก่อนหน้านี้เคยมีการทำประชามติหลายครั้งแล้ว ทางรัฐบาลจะประสานงาน หาความร่วมมือจากทุกๆ ฝ่าย ทั้งกกต.และกระทรวงมหาดไทย ที่จะเร่งทำความเข้าใจ และทำความคุ้นเคยให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อใช้สิทธิ์ของเขาให้ถูกต้องตามบัตรลงคะแนนแต่ละใบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ประชาชนจะเกิดความสับสนเนื่องจากมีบัตรเลือกตั้งหลายใบในคราวเดียว นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นการคาดการณ์ของ นายบวรศักดิ์ เรายังต้องดูก่อนว่าการลงประชามติ ซึ่งนายบวรศักดิ์จะเน้นว่า ในเมื่อการลงประชามติ ในการจัดให้มีการลงคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ค่าใช้จ่าย 5-6 พันล้านต่อครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ แล้วเราต้องไม่ดูถูกภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนที่จะสามารถทำความเข้าใจได้ และสามารถเร่งใช้สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่าจะลงคะแนนอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี