ชำแหละท่วงท่า‘เท้ง-ปชน.’บนเวทีซักฟอกนโยบาย ทำไมกระแสตีกลับ ‘เลือกตั้ง’อาจไม่ง่ายดังฝัน
2 ตุลาคม 2568 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุว่า...
ท่านผู้นำฝ่ายค้าน คุณณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในการกล่าวนำการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล หลังการแถลงของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ไม่ได้เน้นเรื่องนโยบายรัฐบาลแต่อย่างใด มุ่งแต่จะเน้นย้ำความสำคัญของการต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนฉบับเดิมซึ่งคุณณัฐพงศ์บอกว่า รัฐธรรมนูญเดิมเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำล้ายล้างกันทางการเมือง และยังกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ต้องมีกลไกในการตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบของรัฐบาล ซึ่งกลไกดังกล่าวต้องยึดโยงกับประชาชน แต่ไม่ได้ขยายความว่ากลไกดังที่ว่า เป็นกลไกแบบใด
คุณณัฐพงศ์พูดเหมือนกับว่า การที่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล ที่ถูกยุบไป และการที่คุณเศรษฐา ทวีสินและคุณแพทองธาร ชินวัตร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดหรือไม่เหมาะสมแต่อย่างใดเลย อยากทราบว่า การที่คุณเศรษฐาทูลเกล้าฯเสนอ คุณพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีทั้งๆที่รู้ว่า คุณสมบัติของคุณพิชิตมีปัญหา ซึ่งก็พอจะทราบว่านายกรัฐมนตรีของไทยทำตามคำสั่งของนักโทษคนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนั้น จะยอมให้คุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องยอมทำตามคำสั่งของนักโทษ บริหารประเทศต่อไปได้หรือ
กรณีคุณแพทองธาร ที่ถูกสมเด็จ ฮุนเซ็น ปล่อยคลิปลับสู่สาธารณะ ซึ่งพูดได้ว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศ ยกเว้นสาวกของพรรคเพื่อไทย เห็นว่า คุณแพทองธารไม่สมควรจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ถ้านายกรัฐมนตรีของประเทศอื่น เขาคงลาออกไปแล้ว แต่คุณแพทองธารไม่ยอมลาออก จนในที่สุดต้องถูกถอดถอนโดยศาลรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ คุณณัฐพงศ์ยัง วาดภาพว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดระบบการเมืองที่ การตั้งคณะรัฐมนตรี จะมาจากการพิจารณาจากความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง โดยไม่มีระบบโควต้า ก็ไม่แน่ใจว่ารัฐธรรมนูญที่ว่าจะมีหน้าตาอย่างไร แต่พอจะบอกได้ว่า หากปล่อยให้เป็นไปตามระบบการได้มาซึ่งคณะบุคคลทีจะทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ทั้งพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย นำเสนอ บอกได้เลยว่าจะไม่พ้นการเป็นการเมืองระบบรัฐสภา ซึ่งบอกได้เลยว่า ไม่มีทางจะเป็นระบบการเมืองที่สามารถขจัดระบบโควต้าการตั้งคณะรัฐมนตรีได้ ยกเว้นว่า พรรคประชาชนจะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว และยังคงรักษาหลักการที่จะไม่ใช่ระบบโควต้าอย่างเคร่งครัด
อย่างก็ตาม ขอฟันธงไว้เลยว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราอาจเกิดขึ้นได้ แต่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับจะไม่เกิดขึ้น เพราะจะสอบตกตั้งแต่การออกเสียงประชามติครั้งแรก พรรคประชาชนควรรู้ว่า กระแสความนิยมกำลังตีกลับ มีคนจำนวนมากที่เขาเลือกพรรคประชาชนเพราะเบื่อหน่ายพรรคการเมืองน้ำเน่าทั้งหลาย แต่ยิ่งนานวัน ผู้นำด้านจิตวิญญาณของพรรค ส.ส.จำนวนมากของพรรค ต่างก็แสดงธาตุแท้ออกมา ซึ่งคนเป็นจำนวนมากรับไม่ได้
พรรคประชาชน ไม่คัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างเข้มงวด เพราะหลายต่อหลายคน มีปัญหาทั้งในด้านชู้สาว บางคนเคยถูกข้อหาลักทรัพย์และเคยติดคุก หลายคนทำตัวไม่เหมาะสม บางคนเป็นที่รู้กันในชุมชนว่า ไม่ใช่เป็นคนที่เหมาะสมที่จะเป็น ส.ส.แต่ด้วยกระแสความนิยมของพรรค จึงได้รับเลือกตั้งเข้ามาอย่างง่ายดาย
นอกจากไม่คัดเลือกอย่างเข้มงวด ยังตั้งใจเลือกผู้ที่มีอคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามา หลายคนมีคดีที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตั้งแต่ก่อนเข้าพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชน แต่คนแบบนี้ก็ดูเหมือนพรรคประชาชนจะยิ่งอยากรับ เพราะมีอุดมการณ์ตรงกัน
ส.ส.พรรคประชาชนทุกคน ล้วนต่อต้านการทำรัฐประหาร และเห็นว่า การรัฐประหารแต่ละครั้ง เป็นเพราะทหารต้องการยึดอำนาจเพื่อตัวเอง โดยองค์พระมหากษัตริย์ ไม่ได้ทรงขัดขวาง ไม่แน่ว่าเป็นเพราะการอบรมบ่มเพาะ หรือเป็นการซึมซับวัฒนธรรมของพรรค หรือตัวเองมีทัศนติเช่นนั้นอยู่แล้วก็ตาม ที่น่าผิดหวังคือ ทุกคนล้วนตั้งใจที่จะมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า ทหารจะทำรัฐประหารได้ จะต้องมีเงื่อนไข และสถานการณ์ที่สุกงอม มิฉะนั้นจะทำรัฐประหารไม่ได้ ซึ่งเงื่อนไขที่สุกงอม ส่วนใหญ่เกิดจากความเลวร้ายของนักการเมืองที่เป็นที่ประจักษ์ชัด ประชาชนจึงแทนที่จะต่อต้าน บางครั้งกลับต้อนรับการรัฐประหารด้วยความยินดีเสียด้วยซ้ำ หากนักการเมืองไม่ทำสิ่งเลวร้าย การรัฐประหารจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
การแสดงจุดยืนว่า พรรคประชาชนเลือกคุณอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ให้เข้ามายุบสภา ไม่ใช่ให้มาบริหารประเทศ เป็นการตอกย้ำว่า พรรคประชาชนไม่ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศซึ่งเป็นความเดือดร้อนของประชาชน แต่มุ่งจะให้ยุบสภา และเตรียมการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อันเป็นการสนองความต้องการของพรรคประชาชนเอง ซึ่งประชาชนจำนวนมากไม่ได้ต้องการเช่นนั้น
ที่เป็นที่น่ากังขาคือ คนเป็นจำนวนมาก มีข้อสงสัยว่า พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน ได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจหรือไม่ เพราะดูเหมือนจะขานรับ สอดรับสนับสนุนกันอย่างกลมกลืน โดยเฉพาะเรื่องการให้ยกเลิกมาตรา 112 และการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ล่าสุด คุณณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ได้รับการจัดให้เป็นผู้ที่ทรงอิทธิพล 1 ใน 100 คนของโลก โดยนิตยสารไทม์ ซึ่งค่อนข้างขัดความรู้สึกว่า คุณณัฐพงศ์ ยังไม่น่าจะไปถึงระดับนั้นในขณะนี้ มีอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ที่ผลักดันให้นิตยสารไทม์จัดอันดับเช่นนั้น
ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้กระแสตีกลับพรรคประชาชน และไม่แน่ว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หลังยุบสภา พรรคประชาชนจะได้จำนวนส.ส.มาเป็นที่หนึ่ง อย่างที่มั่นใจในคะแนนนิยมกับหนักหนาหรือไม่
ต้นปีที่แล้ว ผมเคยบอกว่า มีท่านผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือทำนายว่า จะมีการปัดกวาดบ้านเมืองกันขนานใหญ่ คนไม่ดีจะถูกเปิดเผยและถูกลงโทษ จากนั้นก็เกิดขึ้นจริง มีตั้งแต่นักธุรกิจ ทนายความ พระสงฆ์ มาถึงนักการเมือง ล่าสุดท่านบอกว่า วันนี้ (2 ต.ค.68)เป็นต้นไป เมื่อดาวพฤหัสย้าย จะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา
หวังว่าจะเป็นจริงอีก เราคอยเฝ้าดูกันต่อไปนะครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี