‘อภัยโทษ’ขอบเขตของหลักเมตตาธรรมในกฎหมาย บททดสอบความรับผิดชอบของทุกฝ่าย

‘อภัยโทษ’ขอบเขตของหลักเมตตาธรรมในกฎหมาย บททดสอบความรับผิดชอบของทุกฝ่าย

วันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.34 น.

 ‘อภัยโทษ’ขอบเขตของหลักเมตตาธรรมในกฎหมาย บททดสอบความรับผิดชอบของทุกฝ่าย

5 ตุลาคม 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “อภัยโทษ: ขอบเขตของหลักเมตตาธรรมในกฎหมาย” ระบุว่า...


อภัยโทษ: ขอบเขตของหลักเมตตาธรรมในกฎหมาย

หลายคนอาจสงสัยว่า เหตุใดกฎหมายจึงให้อำนาจประมุขของรัฐหรือนายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ อภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษเด็ดขาดได้ ทั้งที่ศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว

แท้จริงแล้ว อำนาจในการอภัยโทษมีรากฐานจากแนวคิดสากลที่หลายประเทศยอมรับร่วมกัน ดังนี้

1. หลักเมตตาธรรม (Mercy Principle)

แม้กฎหมายจะเคร่งครัด แต่สังคมยอมรับว่ามนุษย์ย่อมผิดพลาดได้ การอภัยโทษจึงเป็นกลไกที่เปิดทางให้ความเมตตาผ่อนคลายความเข้มงวดของกฎหมาย

2. ช่องทางพิเศษใน Rule of Law

กฎหมายต้องมี “วาล์วนิรภัย” หรือ safety valve เพื่อแก้ไขกรณีที่กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถสะท้อนความเป็นธรรมได้ครบถ้วน เช่น สุขภาพของนักโทษ หรือสถานการณ์พิเศษของสังคม

3. หลักสิทธิมนุษยชนสากล

กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ 6 วรรค 4 กำหนดชัดว่า ผู้ต้องคำพิพากษาประหารชีวิตมีสิทธิขออภัยโทษหรือลดโทษได้

4. ความยืดหยุ่นและการถ่วงดุล

แม้ศาลมีอำนาจตัดสินโทษ แต่การอภัยโทษเป็นอำนาจพิเศษของฝ่ายบริหารหรือประมุขของรัฐ เพื่อทำให้ระบบยุติธรรมมีความยืดหยุ่นไม่แข็งทื่อเกินไป

5. ความปรองดองของสังคม

หลายประเทศใช้อภัยโทษเพื่อสร้างความสามัคคี เช่น หลังสงคราม ความขัดแย้งทางการเมือง หรือในโอกาสสำคัญของชาติ

ตัวอย่างของประเทศต่างๆ

สหรัฐอเมริกา : ประธานาธิบดีใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ

อังกฤษ : กษัตริย์ทรงใช้อำนาจตามคำแนะนำนายกรัฐมนตรี

ฝรั่งเศส : ประธานาธิบดีมีอำนาจโดยตรง

ไทย : พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจ โดยกระทำผ่านคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี

ดังนั้น อำนาจอภัยโทษจึงไม่ใช่การยกเว้นโทษ แต่คือ “หลักเมตตาธรรมและความเป็นมนุษย์” ที่ระบบกฎหมายทั่วโลกยอมรับ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยุติธรรมกับความเมตตา

อย่างไรก็ตาม ในบริบทของประเทศไทย ยังคงมีประเด็นท้าทายที่น่าคิด

ฝ่ายผู้ต้องโทษ: การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งแล้วครั้งเล่า อาจสะท้อนถึงแรงผลักดันทางจิตใจ (ตัณหา) ที่ย้อนแย้งกับพฤติกรรมที่แท้จริงของตนเอง

ฝ่ายราชการที่เกี่ยวข้อง: การเสนอเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษ หากมีลักษณะเอนเอียงไปในทางเอื้อประโยชน์แก่ผู้ร้อง ย่อมกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการอภัยโทษโดยรวม

อำนาจอภัยโทษจึงควรถูกมองทั้งในฐานะ กลไกเมตตาธรรมตามหลักสากล และ บททดสอบความรับผิดชอบของทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top