วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า อำนาจยุบสภาระหว่างยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ: เมื่อกฎหมายเปิดพื้นที่ให้ตีความได้หลายทาง
ช่วงที่ผ่านมา ประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากในวงการกฎหมายรัฐธรรมนูญคือคำถามว่า
“เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีตามมาตรา 151 แล้ว นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่?”
ฝ่ายหนึ่งยืนยันว่า ห้ามทันทีตั้งแต่ยื่นญัตติ
อีกฝ่ายกลับเห็นว่า ยังไม่ห้าม จนกว่าประธานสภาจะตรวจสอบว่าญัตตินั้นสมบูรณ์แล้ว
ประเด็นนี้จึงเปิดให้เกิดการตีความได้มากกว่าหนึ่งคำตอบ
มาตรา 151: ตัวบทเขียนอะไรไว้?
รัฐธรรมนูญ มาตรา 151 วรรคหนึ่งและวรรคสอง บัญญัติแต่เพียงว่า
เมื่อมีการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี โดยมี ส.ส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาไม่ได้
ตัวบทใช้คำว่า “เมื่อมีการเสนอญัตติ” ซึ่งตีความได้สองแนวทาง คือ
“เสนอ” = ยื่นต่อประธานสภาแล้ว ถือว่ามีผลทันที
หรือ “เสนอ” = ต้องผ่านการตรวจสอบความสมบูรณ์ของญัตติตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน
กลุ่มที่หนึ่ง: ยื่นแล้วห้ามยุบทันที
แนวการตีความแนวนี้อิงตามตัวบทรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด
โดยยืนยันว่า “ยื่น = ล็อกอำนาจยุบสภาในทันที” เพราะหากรอให้ตรวจสอบรายชื่อก่อน อาจเปิดช่องให้รัฐบาลยุบสภาหนีการอภิปรายได้
เจตนารมณ์ของมาตรา 151 ต้องการป้องกันรัฐบาลหนีการตรวจสอบ
ดังนั้นการห้ามยุบสภาต้องเกิดขึ้นทันทีที่มีการยื่นญัตติ
กลุ่มที่สอง: ยื่นแล้วยังไม่ห้าม ต้องรอ “ญัตติสมบูรณ์” ก่อน
อีกกลุ่มหนึ่งมองต่างออกไป และนี่คือความเห็นที่ “ขัดแย้ง” หรือ “แตกต่าง” จากแนวแรก โดยเห็นว่า
1)การห้ามยุบสภาตามมาตรา 151 วรรคสอง ต้องตีความอย่างรอบด้าน
ไม่ใช่ว่ายื่นเมื่อไร ห้ามทันทีเสมอไป
และรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่ารัฐบาล “ไม่อาจยุบสภาในทุกกรณี”
ความเห็นนี้จึงเปิดพื้นที่ให้ตีความว่า
ช่วงระหว่างตรวจสอบญัตติอาจยังไม่ถือว่าปิดประตูการยุบสภาอย่างสมบูรณ์
2) ต้อง “อ่านมาตรา 151 ให้ครบทั้งมาตรา”
และต้องตีความ “รัฐธรรมนูญ + ข้อบังคับสภา” คู่กัน
ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 176 กำหนดให้ประธานสภาตรวจสอบญัตติ และหากมีข้อบกพร่องต้องแจ้งภายใน 7 วัน
หากยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ยังไม่ถือว่า ‘เสนอญัตติ’ จนถึงขั้นห้ามยุบสภาได้โดยอัตโนมัติ
ความเห็นของผู้เขียน
ผู้เขียนเห็นว่า การเข้าชื่อกันเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี (ซึ่งหมายความรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง) เป็นการดำเนินการภายในวงงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลไม่อาจจะทราบเรื่องการเข้าชื่อกันของ ส.ส. ได้
และ ส.ส. ที่เข้าชื่อกันเสนอญัตติมีจำนวนครบตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 151 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้หรือไม่ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ก่อให้เกิดสิทธิในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ดังนั้น ในระหว่างที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบการเข้าชื่อกันนั้นว่าถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงเป็นเพียงความประสงค์ของ ส.ส. ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการเสนอญัตติอันจะก่อให้เกิดสิทธิในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี
จนกระทั่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว นายกรัฐมนตรีจึงไม่มีอำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎรจนกว่าจะมีการถอนญัตติ หรือมีการลงมติแต่ได้คะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
วัส ติงสมิตร
นักวิชาการอิสระ
20/11/68
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี