วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘อดีตผู้พิพากษา’ชี้นายกฯยุบสภาได้ จนกว่าประธานสภาบรรจุวาระยื่นซักฟอก

‘อดีตผู้พิพากษา’ชี้นายกฯยุบสภาได้ จนกว่าประธานสภาบรรจุวาระยื่นซักฟอก

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 08.51 น.

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า อำนาจยุบสภาระหว่างยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ: เมื่อกฎหมายเปิดพื้นที่ให้ตีความได้หลายทาง

ช่วงที่ผ่านมา ประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากในวงการกฎหมายรัฐธรรมนูญคือคำถามว่า


“เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีตามมาตรา 151 แล้ว นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่?”

ฝ่ายหนึ่งยืนยันว่า ห้ามทันทีตั้งแต่ยื่นญัตติ

อีกฝ่ายกลับเห็นว่า ยังไม่ห้าม จนกว่าประธานสภาจะตรวจสอบว่าญัตตินั้นสมบูรณ์แล้ว

ประเด็นนี้จึงเปิดให้เกิดการตีความได้มากกว่าหนึ่งคำตอบ

มาตรา 151: ตัวบทเขียนอะไรไว้?

รัฐธรรมนูญ มาตรา 151 วรรคหนึ่งและวรรคสอง บัญญัติแต่เพียงว่า

เมื่อมีการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี โดยมี ส.ส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาไม่ได้

ตัวบทใช้คำว่า “เมื่อมีการเสนอญัตติ” ซึ่งตีความได้สองแนวทาง คือ

“เสนอ” = ยื่นต่อประธานสภาแล้ว ถือว่ามีผลทันที

หรือ “เสนอ” = ต้องผ่านการตรวจสอบความสมบูรณ์ของญัตติตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน

กลุ่มที่หนึ่ง: ยื่นแล้วห้ามยุบทันที

แนวการตีความแนวนี้อิงตามตัวบทรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด

โดยยืนยันว่า “ยื่น = ล็อกอำนาจยุบสภาในทันที” เพราะหากรอให้ตรวจสอบรายชื่อก่อน อาจเปิดช่องให้รัฐบาลยุบสภาหนีการอภิปรายได้

เจตนารมณ์ของมาตรา 151 ต้องการป้องกันรัฐบาลหนีการตรวจสอบ

ดังนั้นการห้ามยุบสภาต้องเกิดขึ้นทันทีที่มีการยื่นญัตติ

กลุ่มที่สอง: ยื่นแล้วยังไม่ห้าม ต้องรอ “ญัตติสมบูรณ์” ก่อน

อีกกลุ่มหนึ่งมองต่างออกไป และนี่คือความเห็นที่ “ขัดแย้ง” หรือ “แตกต่าง” จากแนวแรก โดยเห็นว่า

1)การห้ามยุบสภาตามมาตรา 151 วรรคสอง ต้องตีความอย่างรอบด้าน
ไม่ใช่ว่ายื่นเมื่อไร ห้ามทันทีเสมอไป
และรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่ารัฐบาล “ไม่อาจยุบสภาในทุกกรณี”
ความเห็นนี้จึงเปิดพื้นที่ให้ตีความว่า
ช่วงระหว่างตรวจสอบญัตติอาจยังไม่ถือว่าปิดประตูการยุบสภาอย่างสมบูรณ์

2) ต้อง “อ่านมาตรา 151 ให้ครบทั้งมาตรา”
และต้องตีความ “รัฐธรรมนูญ + ข้อบังคับสภา” คู่กัน
ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 176 กำหนดให้ประธานสภาตรวจสอบญัตติ และหากมีข้อบกพร่องต้องแจ้งภายใน 7 วัน
หากยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ยังไม่ถือว่า ‘เสนอญัตติ’ จนถึงขั้นห้ามยุบสภาได้โดยอัตโนมัติ

ความเห็นของผู้เขียน

ผู้เขียนเห็นว่า การเข้าชื่อกันเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี (ซึ่งหมายความรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง) เป็นการดำเนินการภายในวงงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลไม่อาจจะทราบเรื่องการเข้าชื่อกันของ ส.ส. ได้

และ ส.ส. ที่เข้าชื่อกันเสนอญัตติมีจำนวนครบตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 151 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้หรือไม่ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ก่อให้เกิดสิทธิในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ดังนั้น ในระหว่างที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบการเข้าชื่อกันนั้นว่าถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงเป็นเพียงความประสงค์ของ ส.ส. ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการเสนอญัตติอันจะก่อให้เกิดสิทธิในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี

จนกระทั่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว นายกรัฐมนตรีจึงไม่มีอำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎรจนกว่าจะมีการถอนญัตติ หรือมีการลงมติแต่ได้คะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

วัส ติงสมิตร

นักวิชาการอิสระ

20/11/68
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top