'วินธัย'โต้'มาลี'ข้อต่อข้อ! ยันใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสันติ

'วินธัย'โต้'มาลี'ข้อต่อข้อ! ยันใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสันติ

วันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 19.17 น.

'วินธัย'โต้'มาลี'ข้อต่อข้อ! ยันใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสันติ ย้ำทั้งสองประเทศต้องขับเคลื่อนร่วมกันบนพื้นฐานข้อเท็จจริง จึงจะให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมมุ่งสร้างเสถียรภาพและประโยชน์ระยะยาวแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2568 จากกรณีที่ กองทัพภาคที่ 1 มีหนังสือแจ้งไปยังฝ่ายกัมพูชาว่า จะเข้าร่วมการประชุม RBC กับ ภูมิภาคทหารที่ 5 ฝ่ายกัมพูชา ในวันที่ 10–12 ต.ค.2568 ณ เมืองปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ตามมติการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 ที่จ.เกาะกง  ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาได้จัดทำ “แผนการอพยพประชาชนกัมพูชา” ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พิพาท 3 แห่ง ได้แก่ บ้านหนองจาน, บ้านหนองหญ้าแก้ว, อ.โคกสูง จ.สระแก้ว, บ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยต้องส่งแผนการดังกล่าวให้กองทัพภาคที่ 1 ภายในวันที่ 7 ต.ค.2568 ก่อน จึงจะพิจารณาเข้าร่วมประชุมนั้น


พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกมาแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าวในหลายประเด็น ซึ่ง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงตอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวว่า : การประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภาค (RBC) ระหว่าง ภูมิภาคทหารที่ 5 กองทัพบกกัมพูชา กับกองทัพภาคที่ 1 นั้น เป็นตามมติของคณะกรรมการชายแดนร่วมทั่วไป (GBC) ที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ในการประชุมพิเศษครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2568 

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า  มั่นใจว่า กองทัพภาคที่ 1 ไม่ได้มีเจตนาจะไม่มีการประชุม หรือละเลยมติจากที่ประชุม GBC จากการประชุมพิเศษครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา   เพียงต้องการให้การประชุมทุกครั้งได้บังเกิดผลที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เน้นสามารถนำไปสู่กระบวนการแก้ปัญหา ที่เน้นผลสัมฤทธิ์ เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ไม่ใช่การรับปากเพื่อถ่วงเวลา โดยไม่มีรายละเอียดนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา

2. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวว่า: กรณีพื้นที่บ้านโจ๊กเจย และบ้านเปรยจัน กัมพูชาขอยืนยันว่าจะดำเนินการตามที่ได้ตกลงกันไว้ในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 ซึ่งมอบหมายให้คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นกลไกหลักในการประชุมและหาทางออกในประเด็นดังกล่าว 

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า : กรณีพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว มีการรุกล้ำพื้นที่ใน 2 ลักษณะ ลักษณะแรก รุกล้ำอยู่ในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ซึ่งตามข้อตกลงของทั้งสองประเทศ ที่อยู่ในเงื่อนไข ต้องอาศัยกลไก JBC  แต่สำหรับลักษณะที่สอง ล่วงล้ำอยู่ในเขตอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน ตรงนี้คือความเร่งด่วนแรกที่ฝ่ายไทยจำเป็นต้องดำเนินการ

3.  ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวว่า : ส่วนที่กล่าวถึงคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) จะมีหน้าที่เพียงประสานและคลี่คลายสถานการณ์เฉพาะหน้าในพื้นที่ เพื่อลดความตึงเครียดและแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีเท่านั้น มิได้มีอำนาจชี้ขาดเรื่องเส้นเขตแดน

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า : ซึ่งต่อกรณีนี้ ยืนยันว่าคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค(RBC)ฝ่ายไทย ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน  เพราะต่อกรณีปัญหา การรุกล้ำพื้นที่ในลักษณะที่สอง ที่รุกล้ำเข้ามาในเขตไทยที่ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้วนั้น จะมีกลไกฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการหลัก ภายใต้กฎหมายปกติของประเทศไทย

 4. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวว่า :  จากการสำรวจพบว่ามีบางจุดซึ่งประชาชนไทยได้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาจริง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหาต้องอาศัยข้อตกลงหลักการที่ทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ 

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า : ต่อกรณีนี้ฝ่ายกัมพูชา สามารถใช้ช่องทางกลไกในระดับพื้นที่ของสองฝ่าย มาช่วยแก้ปัญหาได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเท่าที่ได้รับข้อมูลมา อาจจะเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อด้านการเกษตร น่าจะแก้ไขได้ไม่ยาก ไม่เหมือน การรุกล้ำเขตแดนด้วยอาคารสิ่งปลูกสร้างแบบถาวร

5. ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวว่า : กัมพูชาจะรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เกี่ยวกับกรณีพื้นที่บ้านโจ๊กเจย และบ้านเปรยจัน รวมถึงพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้างหรือกิจกรรมของประชาชนไทยที่รุกล้ำข้ามเส้นเขตแดนบางส่วน  จึงขอผลักดันให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็ว เพื่อหาทางออกร่วมกัน

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า : ขอเรียนว่า กลไก JBC  มีส่วนสำคัญสำหรับการกำหนดเขตแดน ในพื้นที่ที่มีความสลับซับซ้อน โดยเฉพาะบนภูมิประเทศพื้นที่ลักษณะป่าภูเขา เพื่อพิสูจน์หาแนวสันปันน้ำด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน  สำหรับในกรณีปัญหาบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว นั้น มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบ สามารถลากเส้นตรง เชื่อมระหว่างหลักเขต ที่ทั้งสองฝ่ายได้มีการสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถจะพอเห็นภาพแนวสมมุติฐานอ้างอิงเขตแดน เพื่อใช้ไปประกอบในการทำงานได้

6.  ประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวว่า : ขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงในการประชุม GBC ที่ผ่านมาอย่างเคร่งครัด 

โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า : ต่อกรณีนี้ ฝ่ายไทยยืนยัน มุ่งมั่นยึดถือข้อตกลง และมติที่ประชุมของทุกเวทีระหว่างประเทศเสมอมา อีกทั้งพยายามเพิ่มเติม ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้กลไกต่างๆเหล่านี้ นำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยแท้จริง 

กองทัพบกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยมุ่งส่งเสริมกระบวนการหารือและหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ หากฝ่ายกัมพูชาตระหนักถึงข้อเท็จจริงตามที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าแนวทางแก้ไขที่ฝ่ายไทยเสนอมีความเหมาะสม สอดคล้องกับหลักสากลและกลไกทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศยึดถือร่วมกัน

แนวทางดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศในระยะยาว และหากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่นี้ได้สำเร็จ ก็เชื่อมั่นได้ว่าพื้นที่อื่น ๆ ที่ยังมีประเด็นค้างอยู่ก็จะสามารถแก้ไขได้ด้วยสันติวิธีเช่นเดียวกันในอนาคต
 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top