เขมรเกณฑ์‘เด็ก-คนแก่’ประชิดชายแดน  ป่วน‘หนองจาน’10ต.ค.  ผบ.ฉก.อรัญฯยันกำลังพลพร้อม

เขมรเกณฑ์‘เด็ก-คนแก่’ประชิดชายแดน ป่วน‘หนองจาน’10ต.ค. ผบ.ฉก.อรัญฯยันกำลังพลพร้อม

วันจันทร์ ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เขมรเกณฑ์‘เด็ก-คนแก่’ประชิดชายแดน

ป่วน‘หนองจาน’10ต.ค.

ผบ.ฉก.อรัญฯยันกำลังพลพร้อม

กัมพูชาไม่สนเงื่อนไข‘มทภ.1’

จี้ส่งแผนอพยพคนก่อนถกRBC

อ้างเกินอำนาจ-ละเมิดข้อตกลง

มทภ.2 เผยแผนสร้าง “รั้วชายแดน”ไทย-เขมร เริ่มในพื้นที่สำคัญทางยุทธวิธี เพื่อป้องกันตัวเองให้กำลังพลปลอดภัย เพราะเมื่อทหารปลอดภัย คนจะปลอดภัย ด้าน “ผบ.ทร.” ลงพื้นที่จันทบุรี-ตราด ติดตามสถานการณ์ และสำรวจจุดเตรียมสร้างรั้วชายแดน ลั่นพร้อมป้องอธิปไตยเต็มกำลัง ส่วน ‘ผบ.ฉก.อรัญฯ’ลงพื้นที่‘หนองจาน’ทำความเข้าใจประชาชนที่มาแสดงออกเพื่อให้กำลังใจทหาร ถ้ามาแสดงออกขอให้อยู่ที่‘ถนนศรีเพ็ญ’ ห่วง 10 ต.ค.ซึ่งครบกำหนดที่เขมรบ้านหนองจานต้องอพยพ เกรงเกิดความวุ่นวาย เผย‘เขมร’เตรียมเกณฑ์‘คนแก่-เด็ก’มาประชิดรั้วลวดหนามเหมือนเคย รับคณะIOT ลงพื้นที่ขณะที่รอง ผบ.ทบ.เขมรออกแถลงการณ์ปฎิเสธส่งแผนอพยพก่อนถก RBC ตามที่มทภ.1ของไทยยื่นเงื่อนไขไปก่อนหน้านี้ โต้ลั่นเรื่องอพยพ RBC ไม่มีอำนาจพิจารณา แฉต่อ“บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” เป็นของเขมร แต่คนไทยมารุกล้ำ

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พล.ท.วีระยุทธรักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2กล่าวถึงแนวทางการสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการทางทหารกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่จ. บุรีรัมย์ว่า ไม่เพียงแค่รั้วลวดหนามอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่น เพื่อเสริมความมั่นคง เช่นติดกล้องCCTV เพื่อสอดส่องในเวลากลางคืน ส่วนรั้วจะทำตลอดแนวชายแดนหรือไม่นั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า จริงๆแล้ว รั้วในพื้นที่สำคัญทางยุทธวิธีก็วางก่อน ส่วนจะขยายอย่างไร เป็นเรื่องของอนาคตอันดับแรกเราทำในส่วนการป้องกันตัวเองก่อน ทำให้กำลังพลเราปลอดภัย ก็ต้องวาง เพราะเมื่อทหารปลอดภัย คนก็จะปลอดภัย


ผบ.ทร.ลุยจันท์-ตราดดูพื้นที่สร้างรั้วชายแดน

ด้านพล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา ลงพื้นที่ชายแดนได้รับทราบสถานการณ์ชายแดนล่าสุดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมแผนองรับ หากจำเป็นต้องใช้กำลังทหารในการปฏิบัติการปกป้องอธิปไตยของชาติ รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ในการแก้ปัญหาการรุกล้ำอธิปไตย ตลอดแนวจ.จันทบุรี และ จ.ตราด รวมถึงตรวจสอบการรื้อทำลายสิ่งปลูกสร้างกรณีบ้าน 3 หลัง บริเวณบ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ด้วยตนเองนอกจากนี้ ได้เดินทางไปหลักเขตที่ 52-58ในอ.สอยดาว และ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เพื่อดูพื้นที่และสั่งเตรียมพื้นที่เพื่อสร้างรั้วถาวรตามแนวชายแดน ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ผ่านมา และได้เยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพลของกองทัพเรือทั้งทางบกและทางทะเลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดความตึงเครียดถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือเน้นย้ำว่า กองทัพเรือพร้อมรักษาอธิปไตยอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ประชาชนในจ.จันทบุรี และ จ.ตราดดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข

IOTลงพื้นที่สายตะกู-เยี่ยม18เชลยเขมร

วันเดียวกัน คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT จำนวน 3 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์รวม 4 นาย นำโดย พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา (Pol. Col. Samsul Rizal Bin Musa) ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ลงพื้นที่ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ. บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา และดูแนวเส้นเขตแดน หลักหมุดที่ 25 โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยทหารในพื้นที่อธิบายสภาพปัญหา

คณะไอโอทีทั้งสี่นาย ได้เดินตรวจแนวเส้นเขตแดน และจุดที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบระเบิด BM21 ตกใส่ ตู้คอนเทนเนอร์สำนักงานฝั่งไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่ยังได้อธิบายแผนผังกาสิโน ฐานปฏิบัติการคอลเซนเตอร์ในฝั่งกัมพูชาซึ่งก่อสร้างใกล้หลักหมุดที่ 25 และมีการขยายการก่อสร้างประชิดชายแดนไทย ซึ่งปัจจุบันยังพบว่ามีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่

สำหรับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูนั้น เป็นจุดผ่อนปรนชั่วคราวที่อดีตไทยและกัมพูชา ใช้เป็นจุดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน แต่หลังสู้รบมีการปิดด่านมานานกว่า 2 เดือน

สำหรับภารกิจของคณะผู้ช่วยทูตทหาร นอกจากมาดูแนวเขตที่ช่องสายตะกูแล้วช่วงเช้าวันเดียวกันได้เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา 18 คน เพื่อดูสภาพความเป็นอยู่ โดยหลังเสร็จภารกิจการลงพื้นที่คณะทูตทหารจะนำข้อมูลรายงานหน่วยเหนือ เพื่อเข้าที่ประชุมทวิภาคีต่อไป

ผบ.ฉก.อรัญฯลงพื้นที่หนองจาน

ส่วนที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ (ผบ.ฉก.อรัญฯ) กองกำลังบูรพา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนที่มาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์พร้อมกล่าวให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่า จะรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ส่วนไหนที่ถูกรุกล้ำอยู่ เราก็จะเอาคืนมาให้ได้ แต่เรื่องวิธีการและช่วงเวลานั้น ไม่มีใครทราบได้ว่าจะสำเร็จเมื่อไหร่ แต่ก็ยืนยันว่าในฐานะที่เป็นคนไทยและเป็นทหารไทย ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ให้คนไทยผิดหวัง ขอให้เป็นกำลังใจ

ทำความเข้าใจปชช.หวั่น10ตค.วุ่นวาย

ทั้งนี้ วันที่ 10 ตุลาคมก็อยากขอความกรุณาจากประชาชน ถ้าจะมาก็มาได้ แต่ขอให้อยู่เพียงแค่จุดนี้ เพราะหากจะเข้าไปด้านในตรงแนวรั้วลวดหนาม เกรงจะได้รับอันตราย ซึ่งในส่วนนั้นทหารต้องรับผิดชอบ ซึ่งหากได้รับอันตราย ทหารจะไปรับผิดชอบไม่ไหว และไม่รู้เลยว่าพ้นแนวสแลนไปฝั่งกัมพูชา เขาทำอะไรไว้บ้าง ซึ่งอันตรายแน่นอน ทหารกังวลเรื่องความปลอดภัยของประชาชน อยากให้สู้อยู่ตรงนี้ดีกว่า

พ.อ.ชัยณรงค์กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ท.วรยศ เหลืองสุวรรณแม่ทัพภาคที่ 1 ก็เต็มที่อยู่แล้ว และยืนยันคำเดิมเหมือนที่แม่ทัพใหม่ท่านหนึ่งเคยพูดไว้ว่าเราทำแน่หากเมื่อไหร่เราได้เปรียบ เพราะทุกอย่างเราเตรียมการได้หมดแล้ว และเชื่อว่าทหารที่มาอยู่ที่นี่ตลอด 3 เดือนจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่

กกล.บูรพาพร้อมทวงคืนอธิปไตย

หลังจากนั้นพ.อ.ชัยณรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้ไปพูดคุยกับประชาชนและยืนยันตามที่แม่ทัพภาคที่ 1 บอก นั่นคือกองกำลังของฝั่งไทยพร้อมทำอยู่แล้ว แต่รอช่วงเวลาที่ได้เปรียบเท่านั้น ดังนั้นไม่อยากให้กำหนดเป็นวัน ไม่เช่นนั้นเราจะเสียเปรียบได้ รวมถึงกองกำลังบูรพารอสั่งการจากผู้บังคับบัญชา แต่ทุกอย่างเราเตรียมการไว้หมดแล้ว ไม่ใช่แค่เฉพาะทหาร แต่รวมถึงจังหวัด ตำรวจและ ตม. ด้วย แล้วตอนนี้ไม่ได้มีอะไรมาทำให้กระทบต่อแรงและกำลังใจเจ้าหน้าที่แน่นอน ดังนั้นไม่มีอะไรเป็นข้อจำกัดพร้อมกับสัญญาด้วยความเป็นทหารที่เป็นรั้วของชาติ ก็อยากทำหน้าที่ทวงคืนอธิปไตยไทยให้ได้คืนมาทั้งหมดและทหารตรงนี้ไม่มีใครมาแล้วไม่รู้สึกแบบนั้น ทุกคนรู้สึกไม่ต่างอะไรจากคนไทย

ส่วนความเคลื่อนไหวบริเวณบ้านหนอจาน ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาชาวกัมพูชาเข้ามาประจำจุดน้อยมาก กลางวันอยู่ที่เพิงพักแค่ประมาณ 5 คน ส่วนใหญ่เป็นทหาร ส่วนกลางคืนประมาณ 5-10 คน ส่วนที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จะอยู่ที่ประมาณ 20 คน แต่ก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมประชิดในรั้วหรือรุกล้ำ เพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่ในปัจจุบันคือคนที่มีบ้านอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ส่วนก่อนหน้านี้ที่เห็นว่ามีจำนวนมากคือมวลชนที่ถูกเกณฑ์มาจากพื้นที่อื่น ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่มวลชนหายไปเพราะหมดงบประมาณจ้าง ไม่มีการส่งเสบียงกำลัง

เขมรมาแน่พาIOT-เด็ก-คนแก่ประชิดรั้วหนองจาน

ส่วนเรื่องของวันที่ 10 ตุลาคม ตนก็ขอความร่วมมือประชาชนที่หนองแก้วและบ้านหนองจานว่าสามารถมาให้กำลังใจทหารได้ สามารถแสดงออกได้เต็มที่ แต่ขอให้อยู่ในพื้นที่แนวถนนสีเพ็ญ เพราะหากพากันเข้าไปข้างในเกรงว่าจะได้รับอันตราย และเชื่อว่าวันที่ 10 ตุลาคม เขมรคงจะพาคณะ IOT รวมถึงเด็กและคนแก่มาประชิดในรั้วบ้านหนองจานเหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรจากเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม

“อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ากองกำลังบูรพาพร้อม 24 ชั่วโมง เพียงแค่รอคำสั่ง และยังไม่สามารถกำหนดวันได้ ถึงมีวันที่กำหนดไว้แล้วก็คงตอบออกสื่อไม่ได้ อยากให้รู้เพียงแค่ว่าพร้อม”พ.อ.ชัยณรงค์ กล่าว

เขมรเมินส่งแผนอพยพคนพ้น3พื้นที่ไทย

ด้านเว็บไซต์ขแมร์ไทม์สของกัมพูชารายงานว่า กองทัพภูมิภาคที่ 5 ของกัมพูชา ส่งหนังสือปฏิเสธอย่างเป็นทางการต่อคำร้องของกองทัพภาคที่ 1 ของไทย ที่ขอให้จัดทำแผนอพยพพลเรือนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนพิพาทออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ เพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา ที่กำหนดขึ้นวันที่ 10-12 ตุลาคม ที่เมืองปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ซึ่งไทยยืนยันว่า ถ้าเขมรไม่เสนอแผนอพยพ ไทยจะไม่ร่วมประชุมดังกล่าว

โดยพลโทแอก ซอมโอน รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ออกแถลงการณ์ตอบโต้พลโทวรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ของไทย ที่ขอให้อพยพชาวกัมพูชาออกจาก 3พื้นที่คือ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2568 ณ จังหวัดบันเตียเมียนเจย

แถลงการณ์ระบุว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่จะแจ้งให้ผู้บัญชาการทราบว่า ตามเจตนารมณ์ของการประชุมพิเศษของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา กองกำลังภูมิภาคทหารที่ 5 ขอเชิญกองทัพภาคที่ 1 เข้าร่วมการประชุมพิเศษครั้งที่ 2 ของGBC ระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2568ที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 กองกำลังภูมิภาคทหารที่ 5 ได้รับจดหมายตอบกลับจากกองทัพภาคที่ 1 ระบุ หากกองกำลังภูมิภาคทหารที่ 5 ไม่จัดทำแผนอพยพประชาชนเขมรในพื้นที่รอบบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และบ้านตาพระยา อำเภอตาพระยาจังหวัดสระแก้ว รวม 3 พื้นที่ และส่งแผนอพยพนี้ไปยังกองทัพภาคที่ 1 ในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ก่อนที่กองทัพภาคที่ 1 จะตกลงเข้าร่วมประชุมหรือไม่

กรณีนี้ กองกำลังภูมิภาคทหารที่ 5 ขอชี้แจงจุดยืนดังนี้

1.ข้อเสนอให้ประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาคระหว่างเขตทหารที่ 5 และกองทัพภาคที่ 1 สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการมอบภารกิจให้ GBC ของกัมพูชาและไทย ตามที่กำหนดไว้ในการประชุมวิสามัญครั้งแรกของคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาคกัมพูชา-ไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568

ชี้ปมอพยพคนเขมรอำนาจJBC-RBCไม่เกี่ยว

2: กรณีหมู่บ้านซวงและเปรยจัน ซึ่งกองทัพที่ 1 นำเสนอนั้น ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงของ GBC ของทั้งสองประเทศ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 โดยเฉพาะข้อ 8 ของบันทึกการประชุม ที่มอบภารกิจนี้ให้คณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ JBC ซึ่งเป็นกลไกที่มีอำนาจประชุมหาข้อยุติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ระดับทหารและภูมิภาค มีหน้าที่เพียงอำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหาในพื้นที่ บรรเทาความตึงเครียด และแก้ปัญหาโดยสันติวิธี แต่ไม่มีอำนาจกำหนดเส้นแบ่งเขตแดน

กล่าวหาคนไทยละเมิดเขตแดนเขมร

3.ข้าพเจ้าขอย้ำว่า จากการสังเกตการณ์ภาคพื้นดินจริงๆ แสดงให้เห็นและชี้ชัดว่าบางพื้นที่มีการยึดครองและแสวงประโยชน์โดยพลเมืองไทยภายในอธิปไตยของกัมพูชา ประเด็นนี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความยากลำบากในการแก้ปัญหาชายแดน ซึ่งจำเป็นต้องเคารพข้อตกลงและหลักการที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ในอดีต เขมรยึดมั่นข้อตกลงระหว่างสองประเทศ กล่าวคือ รอผลประชุมของ JBC ในกรณีของหมู่บ้านซวงและหมู่บ้านเปรยจัน รวมถึงพื้นที่ที่ก่อสร้างของไทยและคนไทยดำเนินการอยู่นอกเขตชายแดนบางแห่ง เรื่องนี้ กัมพูชายังเรียกร้องให้ประชุม JBC โดยเร็วเพื่อหาทางออก

4. กองกำลังภูมิภาคทหารที่ 5 เรียกร้องให้ทั้งกัมพูชาและไทย เคารพข้อตกลงที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด ในการประชุม GBC ที่ผ่านมา กัมพูชาย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อกระบวนการหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจกระทบความปลอดภัยความเป็นอยู่ของประชาชนสองฝ่าย ระหว่างรอผลพิจารณาของ JBC ของทั้งสองประเทศ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top