'สว.อิสระ'ตามบี้ 'สว.สีน้ำเงิน'ชะลอตั้งกมธ.ตรวจสอบคุณสมบัติ ‘ป.ป.ช.’ จนกว่าคดีฮั้วจะจบ ‘นันทนา’หวั่น ‘รมว.ยุติธรรม’ สายตรงบุรีรัมย์ จะเป่าคดีให้หายกลายเป็น‘ฝุ่นPM2.5’ แฉสถิติรายคนได้โควตานั่งกรรมาธิการฯ ‘วุฒิชาติ’มากสุด 11 ครั้ง ด้าน‘เศรณี’แฉสมุดปกดำ 21 รายชื่อร้องศาลรธน.ให้ 138 สว.เอี่ยวคดีฮั้วหยุดปฏิบัติหน้าที่ สั่งห้ามสว.มุ้งใหญ่ร่วมสังฆกรรม ‘หมอเปรม’เตือนอย่ามองแค่ 4 เดือนยุบสภาหรือไม่ให้ดูความเป็นกลาง กกต. ได้ 100 ที่นั่งอาจเหลือ 50 ก็ได้
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่รัฐสภา สว.กลุ่มอิสระ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ นายเศรณี อนิลบล สว. ร่วมกันแถลงเรื่อง สว.อิสระคัดค้านการตั้ง กมธ. ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใหม่ 2 ตำแหน่ง โดย น.ส.นันทนา กล่าวว่า ตั้งแต่สว.เสียงข้างมาก ได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้ว สว.เป็นต้นมา ตนและกลุ่มสว.อิสระ ได้พยายามเรียกร้อง ให้สว.ทุกคน ชะลอการลงมติเกี่ยวกับการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ออกไปก่อน จนกว่าคดีความเรื่องฮั้ว สว.จะเสร็จสิ้นกระบวนการ เมื่อพบว่าบริสุทธิ์ไม่มีมลทินมัวหมอง ก็กลับมาทำหน้าที่เห็นชอบองค์กรอิสระต่อไปได้ เพราะการทำหน้าที่ตรงนี้ เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เมื่อท่านเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. เท่ากับท่านเลือกผู้ไปตัดสินคดีของท่านประชาชนจะคิดอย่างไร
น.ส.นันทนา กล่าวว่า พวกเราเรียกร้องเรื่องนี้มาโดยตลอด จนขณะนี้พรรคภูมิใจไทย ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลมีการแต่งตั้ง รมว.ยุติธรรม ที่ได้ฉายาว่า สายตรงบุรีรัมย์ ก็ยิ่งสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนทั่วไป ที่จับตาดู คดีฮั้ว สว.อยู่ว่าคดีจะพลิกผัน หรือถูกเป่า ให้มลายหายไปกลายเป็นฝุ่น PM 2.5 หรือไม่ ขณะนี้ประชาชนทั่วไปทราบถึงหายนะที่จะเกิดขึ้น หากปล่อยให้มีการแต่งตั้งองค์กรอิสระอย่างต่อเนื่อง เช่นในวันนี้ ก็จะมีการแต่งตั้งกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบคุณสมบัติของ ป.ป.ช. เพิ่มอีก 2 ตำแหน่ง ซึ่งที่ผ่านมา การแต่งตั้ง กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัตินี้ ก็แต่งตั้งคนเดิมๆ วนเวียนอยู่ในกลุ่ม สว.เสียงข้างมาก ไม่เคยกระเด็นมาถึงกลุ่มสว.อิสระเลย
น.ส.นันทนา กล่าวอีกว่า จากสถิติการเป็น กมธ.ตรวจคุณสมบัติ ตลอดเวลา 1 ปี 2 เดือนที่ผ่านมา มีชื่อดังนี้ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร 11 ครั้ง นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ 8 ครั้ง นายเอนก วีระพจนา 7 ครั้ง พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา 6 ครั้ง พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร 6 ครั้ง พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ 6 ครั้ง นายอภิชาติ งามกมล 6 ครั้ง พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย 5 ครั้ง นายกมล รอดคล้าย 5 ครั้ง นี่คือตัวอย่างการตั้งกมธ.แบบวนเวียน ไม่มีการกระจายแบบเป็นธรรมไม่ยอมให้สว.อิสระเข้าไปทำหน้าที่นี้เลยเพราะเหตุใด เหตุผลง่ายๆก็คือ กระบวนการตรวจสอบและคัดเลือก เป็นความลับ ทั้งหมดการจะกล่าวหาใคร ยกย่องใคร ก็แล้วแต่กมธ. จะหยิบยกข้อมูล หรือขุดข้อมูลมา
น.ส.นันทนา กล่าวด้วยว่า เมื่อไม่มีคนนอกที่เป็นสว.อิสระ ก็ตัดสินกันได้ง่ายๆไม่ต้องมีเหตุผลอธิบาย ให้เหนื่อยยากปฏิบัติการเช่นนี้เรียกว่า “ปิดประตูตีแมว” หรือไม่ หากกระบวนการคัดเลือกองค์กรอิสระ ใช้วิธีการแบบเวียนเทียนวนอยู่กับคนกลุ่มเดิมๆ ที่รู้กันไม่สนใจความรู้ความสามารถก็จะได้แต่คนที่เป็น เครือข่าย พวกเดียวกันย่อมเป็นการดำเนินการที่ขาดประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใสแล้วเราจะคัดเลือกคนมีคุณภาพเข้ามาในองค์กรอิสระได้อย่างไร ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นในการคัดเลือกองค์กรอิสระของสว.ในปัจจุบันเจตนารมณ์ของการจัดตั้งองค์กรอิสระ ก็เพื่อให้มีองค์กร ที่เป็นอิสระจากรัฐบาล จากพรรคการเมือง เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุล แต่หาก องค์กรอิสระ ต้องกลายเป็นองค์กรในกำกับของพรรคการเมือง จะส่งผลให้การตรวจสอบ การวินิจฉัยบิดเบี้ยวไปอย่างไร
“จึงขอเรียกร้องจิตสำนึก สว.เสียงข้างมาก ให้ชะลอกิจกรรมที่เกี่ยวกับการคัดเลือกองค์กรอิสระ ออกไปก่อน จนกว่าคดีของท่านจะเป็นที่สิ้นสงสัย ดิฉันเองต่อสู้เรียกร้องเรื่องนี้มาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว ทุกครั้งที่ลุกขึ้นอภิปรายจะถูกขาประจำมาประท้วง มาบูลลี่ ไล่ดิฉันออกนอกห้องประชุมกล่าวหาว่าดิฉันเป็นโรคจิต ต่างๆนาๆ แต่ดิฉันจะไม่หยุดการต่อสู้ในเรื่องนี้เพราะนี่คือผลประโยชน์ของประชาชน ประเทศชาติดิฉันจะไม่ยอมให้มีการกินรวบองค์กรอิสระ เพราะนั่นคือหายนะของประเทศอย่างแน่นอน” น.ส.นันทนา กล่าว
ด้านนพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งพยายามกินรวบประเทศไทย กินรวบองค์กรอิสระและวางแผนเอาสว.เป็นสารตั้งต้นของการกินรวบองค์กรอิสระ โดยเฉพาะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. และ กกต.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปทางการเมือง โดยเฉพาะ กกต.ที่วุฒิสภากำลังจะมีการเลือกอีก 2 ตำแหน่ง จะเป็น กกต.สีน้ำเงินหรือไม่ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็น 4 เดือน จะยุบสภาหรือไม่ก็ตาม ผลการเลือกตั้งย่อมเป็นที่คาดหมายได้ว่าพรรคการเมืองใดจะได้คุมอำนาจในทางการเมือง เนื่องจากกรรมการที่คุมการเลือกตั้งจะมาจากการสรรหาของวุฒิสภาชุดนี้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนจับตามองและมีการรณรงค์เรื่องนี้อย่างกว้างขวางต่อไป เพราะถ้าเป็น สว.ด้วยกัน พวกตนพูดจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังเกิดมาตรการตอบโต้ทั้งด้วยกำลังหรือการประกาศกลุ่มบุคคลที่เป็นเดดล็อกที่เป็นกลุ่ม สว.อิสระว่าจะไม่คบค้าสมาคมและไม่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย แต่พวกตนก็ยืนหยัดไม่หวั่นไหว เพราะถือว่าเรารับเงินเดือนจากประชาชน ไม่ได้รับเงินเดือนจากผู้บงการทางการเมืองหรือพรรคการเมืองใด
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การแต่งตั้งคณะกรรมกรสรรหาองค์กรอิสระหรือลงมติเห็นชอบ หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบประวัติและจริยธรรมของบุคคลที่สมัครเป็นองค์กรอิสระแล้วก็ตาม ในช่วง 3 เดือนนี้ เป็นช่วงวิกฤตมาก เพราะจะเป็นช่วงที่มีการสรรหาอย่างเร่งรีบเพื่อจะให้ทันการเลือกตั้ง เพราะ กกต. 2 ที่จะเลือกต่อไปนี้ และจะมี กกต.หมดวาระในปลายปีนี้อีก 2 คน ซึ่ง กกต.ทั้งหมดมี 7 คน ลองคิดดูก่อนหน้านี้มีสรรหามาแล้ว 1 คน และกำลังสรรหาอีก 2 คน รวมทั้งใกล้หมดวาระอีก 2 คน ก็จะเป็น 5 ใน 7 ดีไม่ดีอาจหมดวาระทั้งชุดเลยก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นจุดที่พรรคการเมืองต่างๆ ที่จะลงเลือกตั้งก็มีความหวั่นไหวว่าแม้จะชนะเลือกตั้ง แต่จะได้เป็น สส. หรือไม่ เพราะต้องเผชิญกับการต่อสู้รอบที่สองคือสู้กับ กกต. สู้กับพรรคการเมืองยังไม่เท่าไร ถ้า กกต. ไม่เป็นกลาง แม้จะได้เสียงเป็น 100 ที่นั่ง อาจจะลดลงเหลือไม่ถึง 50 ก็ได้ ดังนั้นเป็นจุดที่ต้องระวัง อย่ามองแต่ว่า 4 เดือนจะยุบสภาหรือไม่
ด้าน น.ต. วุฒิพงศ์ กล่าวว่า มีการกดดันอย่างรุนแรง ซึ่งหลายคนที่จะมาร่วมแถลงในวันนี้ด้วยก็ไม่กล้ามา เพราะรู้ว่าพวกเราเสียงข้างน้อยสู้ไปอย่างไรก็แพ้ แต่พวกตนต้องการสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน เพื่อให้มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง เป็นกลางไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง หรือสีใดสีหนึ่ง แต่ขณะนี้มันไม่ใช่ เพราะมีการกลั่นแกล้งสารพัด ทั้งสอบจริยธรรมและอื่นๆ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ก็ดีเหมือนกันจะได้อยู่ว่างๆ หากพวกตนอยู่ว่างๆ ก็จะดำรงตำแหน่งไปจนครบ 5 ปี แต่จะมีความสุขหรือไม่ถ้าเห็นประเทศไทยเป็นอย่างนี้ ถ้าอยากเห็นประเทศเป็นแบบไหนตนคิดว่าประชาชนรับรู้รับทราบและกำหนดได้ ซึ่งก็ต้องดูกันต่อว่าเขาจะเอาอย่างไรกับประเทศเรา ถ้าเขาฟังและยอมรับถอยสักก้าว ประชาชนก็จะยอมรับผลการสรรหาองค์กรอิสระ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่คิดว่าพวกตนก็ทำมาตลอดและทำอย่างเต็มที่แม้ผลออกมาจะแพ้ก็ไม่เป็นไป ก็ขอแพ้อีกครั้งหนึ่ง เป็นจอมยุทธ์ที่แพ้ 100 ครั้งก็ได้ ชนะแค่ครั้งเดียวคือครั้งสุดท้ายก็เพียงพอ
ขณะที่นายเศรณี กล่าวว่า วุฒิสภาชุดนี้เป็นทั้งคนที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และมีน้ำใจในการทำงานร่วมกัน แต่กลายเป็นสภาที่วิบัติ เป็นสภากินรวบพับสนามเล่นและเห็นแก่ตัว ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่มีความเห็นตรงกันข้ามกับ สว.กลุ่มสีน้ำเงิน โดยเฉพาะ 21 คนที่เคยลงชื่อเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า สว. จำนวน 138 ที่เกี่ยวข้องกับคดีฮั้วสว. สมควรดำรงตำแหน่งอยู่หรือไม่ ทุกคนทราบหรือไม่ว่าชะตากรรมที่พวกตนได้รับคือสมุดปกดำ ซึ่งมีรายชื่อ สว.ทั้ง 21 คน ถูกแจกจ่ายไปให้กับ สว.สีน้ำเงินว่าห้ามพูดห้ามปฏิสัมพันธ์ ห้ามแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในกรรมาธิการทั้งสิ้น ซึ่งตำแหน่งในกรรมาธิการจะวนเวียนอยู่กับคน 30-40 คนเท่านั้น ไม่มีเวลากิน ไม่มีเวลานอน ประชุมกันทั้งวัน จนทำให้การประชุมไม่สัมฤทธิ์ผล และแปลว่า สว.ทั้ง 200 ทำงานไม่เป็นเลยหรือ เพราะการเป็นกรรมาธิการตามข้อบังคับ สว.จะเป็นกรรมาธิการสามัญได้คนละ 2 คณะ อนุกรรมาธิการอีก 2 คณะ
“ทราบหรือว่าไม่ว่าพวก สว.สีน้ำเงิน หนึ่งคนเป็นกรรมาธิการ 20 คณะ และไม่ได้ตั้งตรงตามความรู้ความสามารถ เช่น ผมอยู่กลุ่มที่ 6 พืชสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์และประมง แต่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการการเกษตร ทั้งๆ ที่ผมควรใช้ความรู้ความสามารถ มาทำงาน เพราะคงคิดว่าหากให้ผมไปอยู่แล้ว จะทำให้กรรมาธิการตัดสินใจลำบาก หรืออาจไปเป็นฝ่ายค้านในกรรมาธิการ แม้กระทั่งการตั้งคณะกรรมการธิการวิสามัญที่จะพิจารณากฎหมายและ พ.ร.บ.ต่างๆ เช่น พ.ร.บ.ประมง พ.ร.บ.ลำไย พ.ร.บ.โคนม ซึ่งหลักการจะให้ประธานคณะกรรมาธิการแต่ละคณะ เสนอเชื่อบุคคลที่มีความสามารถเข้ามาอยู่ในกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งหลายครั้ง สว.อิสระถูกเสนอชื่อเข้าไปอย่างถูกต้อง แต่เมื่อรายชื่อถูกส่งไปที่วิปวุฒิสภา ชื่อเหล่านี้กลับถูกตัดออกไม่ให้เข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการ ซึ่งถือว่าวิปวุฒิสภามีอำนาจมากในการก้าวก่ายการบริหารแผ่นดินของวุฒิสภา เพราะไม่เคยให้เกียรติประธานกรรมาธิการแต่ละคณะเลย วิปวุฒิสภาใหญ่มาก โดยเฉพาะคนชื่อวุฒิชาติ กัลยาณมิตร เลขาธิการวิปวุฒิฯ จนหลายคน เรียกวุฒิสภานี้ว่าคือสภาวุฒิชาติ ไม่ใช่วุฒิสภาแล้ว”นายเศรณีกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี