นายกฯยันต้องผลักดันเขมร  พ้นบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว

นายกฯยันต้องผลักดันเขมร พ้นบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว

วันพุธ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“บิ๊กดุลย์” ปัดตอบ เลื่อนประชุมอาร์บีซีไม่มีกำหนด โยนถาม “มทภ.1”แจง รับไม่ประชุมเพราะเขมรไม่ยอมส่งแผนอพยพ ด้านบิ๊กเล็ก เผยสมช.มอบกองทัพไทย-ผบ.ทสส.รับผิดชอบผลักดันเขมรพ้น “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” ส่วนนายกฯยันเขมรต้องทำตามมติเจบีซี 4 ข้อ “ถอนอาวุธ-ถอนกำลัง-ปราบสแกมเมอร์-บริหารชายแดน” ลั่นใครบุกรุกอาณาจักรไทยต้องออกไป ถ้าไม่ทำก็ไม่เจรจา ย้ำมอบอำนาจให้กองทัพ-กต.เต็มที่จัดการชายแดน

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ในการเลื่อนประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(อาร์บีซี) ไม่มีกำหนดว่า เดี๋ยวขอทำงานก่อน


บิ๊กดุลย์ปัดตอบเลื่อนถกRBC

ส่วนเงื่อนไขที่ไม่มีการประชุมอาร์บีซีเป็นเพราะเขมรไม่มีแผนอพยพประชาชนในบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ออกจากพื้นที่ใช่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าถ้าเขมรไม่ตอบรับเงื่อนไขการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ การประชุมอาร์บีซีจะไม่เดินหน้าต่อใช่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์ปฎิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมระบุว่า ขอประชุมครม.ก่อน

โยนมทภ.1แจงปมเลื่อนถกRBC

หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.ท.อดุลย์กล่าวถึงการประชุมอาร์บีซีว่า เป็นเรื่องของกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) จึงขอให้ไปสอบถามแม่ทัพภาคที่ 1 (มทภ.1)

เมื่อถามว่า ขณะนี้ฝ่ายต่างๆไม่ร่วมประชุม เพราะเขมรไม่เสนอแผนอพยพชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว พล.ท.อดุลย์พยักหน้ารับ พร้อมกล่าวว่า ใช่ เมื่อถามย้ำว่า หากไม่มีการประชุมจะอยู่กันแบบนี้ใช่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์กล่าวว่า ต้องไปถามมทภ.1 ดู ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาทางแก้ไขกันถามต่อว่าห่วงสถานการณ์วันที่ 10 ตุลาคมนี้จะระดมมวลชนในพื้นที่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์ ยิ้มและพยักหน้า พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ขอให้ใจเย็น

รอดูรบ.ให้ใครแจงปมMOUกับปชช.

ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงกรณีเขมรไม่อพยพคนของตัวเองออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้วว่า จากการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ผ่านมา มอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทยและผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ดูแลแล้ว ส่วนการประชุมคณะกรรมการอาร์บีซีนั้น เบื้องต้นทราบว่ากองทัพภาคที่ 1 เลื่อนออกไป ยังไม่ทราบกำหนดวันที่ชัดเจน ในส่วนกองทัพภาคที่ 2 เลื่อนออกไปเช่นเดียวกัน แต่ได้กำหนดให้ประชุมวันที่ 14 ตุลาคมส่วนการชี้แจงทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียกับประชาชนเกี่ยวกับการยกเลิกMOU ปี 2543 และ 2544นั้น ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดว่าจะให้หน่วยงานใดรับผิดชอบ ซึ่งกระทรวงกลาโหมก็ศึกษาอยู่

นายกฯย้ำเขมรต้องอพยพพ้นสระแก้ว

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์กรณีการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมได้ประชุมกันแล้วก็ดำเนินการตามที่เรามีข้อตกลงกับเขาไว้ เราก็ยังยืนยันว่า เขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ 4 ข้อคือ ถอนอาวุธ ถอนกำลัง ปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ และบริหารสถานการณ์ชายแดนให้เรียบร้อย ส่วนไหนที่เป็นพื้นที่ของราชอาณาจักรไทยก็ต้องออกก็แค่นั้น

ลั่นเขมรไม่อพยพก็ไม่เจรจา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการจับตามองเรื่องสิทธิมนุษยชนจะคืนความยุติธรรมให้คนไทยอย่างไร จะยากลำบากในการตัดสินใจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เห็นยากเลย คนไทยต้องได้รับความยุติธรรม คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอยู่แล้ว คนที่มารุกล้ำประเทศไทยถ้าเข้ามาโดยการบุกรุกก็ต้องออกไปชัดเจนแค่นั้น ไม่ใช่ว่าจะตอบมาว่าเขาไม่ทำ คือถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครเจรจา

นายกฯยังกล่าวถึงการลงพื้นที่จ.สระแก้วว่า มีโอกาสไป ซึ่งจะเป็นเวลาที่เหมาะสมก็ต้องดูด้วย

ส่วนวันที่ 10 ตุลาคม จะไม่สามารถผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เขาก็ดำเนินการอยู่ หลักการได้บอกเขาไปแล้ว

ยันกองทัพ-กต.มีอำนาจเต็มจัดการชายแดน

เมื่อถามว่า รัฐบาลมีแนวทางทำให้สังคมโลก มองเราทางบวกใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คนเป็นนายกฯ พูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะมอบหมายไปหมดแล้ว ถ้าตนไปพูดทั้งที่มอบหมายหน้าที่ไปแล้วว่า ต้องรักษาอธิปไตย รักษาชายแดน รักษาแผ่นดินเป็นเรื่องของกองทัพ ให้อำนาจเต็มไปหมดแล้ว การสนับสนุนทุกอย่างจากรัฐบาลเต็มหมดแล้ว เหมือนเรื่องการเจรจาทางการทูต จะพูดเรื่องเงื่อนไขอะไร กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการหมดแล้ว และกรณีดูแลประชาชนที่จ.สระแก้วสิทธิต่างๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ดำเนินการตามที่ตกลงไว้ ทุกคนได้รับมอบอำนาจทั้งหมดให้ไปดำเนินการจัดการ

ถามอีกว่า กรณีมีการเลื่อนการประชุมอาร์บีซีออกไปไม่มีกำหนดจะมีผลอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมันอยู่ ตนมอบให้หน่วยงานต่างๆรับผิดชอบเต็มที่ เขาต้องดำเนินการตามนั้น ตนสนับสนุนทุกอย่าง ถ้าตนไปพูดหรือสั่งหรือพูดต่างกับเขาก็ทำงานไม่ได้ เวลาเขาไปเจรจากับใคร หรือสมมุติใครมาเจรจากับตน สมัยตนยังเป็นผู้น้อยอยู่ ก็ต้องถามว่าคุณมีอำนาจแค่ไหน ถ้าเขาบอกว่าเขาไม่มีอำนาจ ตนก็บอกว่าอย่าเสียเวลากับตนไม่คุยด้วย ฉะนั้นตอนนี้ทุกคนที่ไปเจรจา หรือจะไปทำอะไรกับใคร เขาได้อำนาจไปหมดแล้ว เขาตัดสินใจก็คือตนตัดสินใจ

กต.เร่งให้ข้อมูลMOUปชช.-ยังไม่พูดถึงยกเลิก

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอ็มโอยูปี 2543 และ 2544 ว่า ในส่วนกระทรวงการต่างประเทศพยายามให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนมากที่สุด

ให้รู้ว่ารูปแบบวิธีการเป็นอย่างไร ส่วนการทำประชามติจะทำแบบไหนต้องพูดคุยกัน ขอเวลาคุยกันก่อน เพราะขณะนี้ไม่ใช่แค่นโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เป็นนโยบายรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีจะทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู แต่ยังไม่อธิบายข้อดีข้อเสียของเอ็มโอยู นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงการยกเลิก ขณะนี้คณะกรรมาธิการในสภากำลังพิจารณาอยู่ ต้องนำผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการมาประกอบการพิจารณาด้วย ทุกอย่างต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศ และถ้าจะให้ประชาชนมีส่วนตัดสินใจก็ต้องทำให้ประชาชนได้ข้อมูลมากที่สุด

ถามว่า ก่อนหน้านี้ระบุจะถามความเห็นประชาชน นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ควรต้องถามความเห็นประชาชน เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนสนใจ และมีผลต่อผลประโยชน์ประเทศ เราอยากให้เป็นสังคมประชาธิปไตย ย้ำว่าเราอยากให้ประชาชนตัดสินใจบนข้อมูลที่มากที่สุด แต่ตอนนี้ขอให้เราพิจารณากันให้รอบคอบก่อน

ยันต้องดูข้อกม.รอบคอบไม่เร่งรีบ

ถามต่อว่าได้หารือกับกองทัพหรือยังว่าเอ็มโอยูทั้งสองฉบับยังจำเป็นหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า คงไม่ใช่แค่กองทัพอย่างเดียว แต่กระทรวงการต่างประเทศต้องดูข้อกฎหมายด้วย ต้องคุยกันในแต่ละฝ่าย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราต้องตัดสินใจแบบรีบเร่ง ต้องมาคุยให้รอบคอบ

เมื่อถามถึงกรณีนอร์เวย์ให้งบสนับสนุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดแก่กัมพูชา แต่กัมพูชาไม่ได้เก็บกู้ทุ่นระเบิด นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เราก็อยากช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิด ก็เป็นผลประโยชน์ ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่การให้เงินอะไรก็ตามในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็เป็นประโยชน์ ซึ่งนอร์เวย์ก็แจ้งตนมาเหมือนกันว่าอยากให้เงินสนับสนุน

มทภ.1ตรวจความพร้อมชายแดนสระแก้ว

ด้านพล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่1/ผบ.ศปก.ทภ.1 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว รับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานที่สำคัญของหน่วยทหาร ร่วมกับตำรวจ ฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับฟังแผนการปฏิบัติ ตามแผนเผชิญเหตุและแผนการใช้กำลังบังคับใช้กฎหมาย โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่1 ชมการซักซ้อมการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วน ที่พื้นที่ภูมิประเทศจำลอง พร้อมให้กำลังใจกับกำลังพลและเจ้าหน้าที่ ที่มุ่งมั่นทำหน้าที่ดูแลปกป้องอธิปไตยของชาติ

สำหรับการลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ของแม่ทัพภาคที่ 1 ครั้งนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เยี่ยมให้กำลังใจการปฏิบัติงานของกำลังพลและเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนติดตามการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ยืนยันภารกิจปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มความสามารถ ควบคู่กับดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่อย่างดีที่สุด

‘เขมร’บินโดรนป่วนไม่เลิก-ปรับบังเกอร์

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาประจำวันที่ 7 ตุลาคม เวลา 14.00 น.สถานการณ์โดยรวมตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายเขมร พบโดรนบริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย 4 ลำ พื้นที่โดนตวล 1 ลำ พื้นที่ซำแต 3 ลำ พื้นที่ภูผี 2 ลำ พื้นที่ฐานปฏิบัติการหนองแค ร้อย.ทพ.2602 จำนวน 1 ลำ และบริเวณเหนือเนิน 350 จำนวน 6 ลำตรวจพบรถแบคโฮ รถบรรทุก 10 ล้อ ทำการปรับปรุงที่มั่นขนาดใหญ่ คาดว่าเป็นการปรังปรุงบังเกอร์สำหรับหลบภัยปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อม ในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top