วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “เศรษฐกิจพอเพียงเชิงนวัตกรรม” (Sufficiency Innovation Economy):
ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยรากแห่งจารีต × ปีกแห่งนวัตกรรม
1) ประเทศไทยท่ามกลางโลกที่พัฒนาเกินพอดี
โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคที่เทคโนโลยี ทุน และอำนาจ เคลื่อนตัวรวดเร็วกว่าความสามารถของรัฐและสังคมในการปรับตัว “ความเจริญที่ไร้สมดุล” กลายเป็นต้นตอของวิกฤตระดับโลก ทั้งความเหลื่อมล้ำ การสูญเสียทรัพยากร และการขาดหลักทางจริยธรรมในการพัฒนา
ประเทศไทยยืนอยู่กลางกระแสโลกนี้ — มีศักยภาพแต่ยังไม่สามารถปลดล็อกตัวเองออกจาก สามกับดักสำคัญ
• กับดักผลิตภาพ — ผลผลิตต่ำแต่ต้นทุนสูง ระบบเศรษฐกิจยังพึ่งแรงงานราคาถูกแทนนวัตกรรม
• กับดักความเหลื่อมล้ำ — ความเจริญกระจุกในบางเมืองหรือบางกลุ่ม ผลประโยชน์ไม่ถึงประชาชนส่วนใหญ่
• กับดักการพึ่งพา — ขาดการพึ่งพาตนเองทั้งด้านทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้
ในยุคที่โลกแข่งขันด้วย นวัตกรรมและคุณค่า ไม่ใช่เพียงราคาหรือปริมาณ ประเทศไทยต้องการเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ “พอดีแต่เติบโตได้” — พอดีในทรัพยากร พอดีในสังคม และพอดีในวัฒนธรรม เป็นการเติบโตที่ไม่ละเมิดสมดุลของธรรมชาติและคุณค่าความเป็นมนุษย์
2) จารีต × ปฏิรูป: รากกับปีกของการพัฒนาไทยยุคใหม่
ความท้าทายของเราวันนี้ไม่ใช่แค่ “จะพัฒนาอย่างไร” แต่คือ “จะพัฒนาโดยไม่สูญรากได้อย่างไร”
คำตอบอยู่ที่การผสาน “จารีต” และ “ปฏิรูป” เข้าด้วยกันอย่างมีปัญญา
• จารีต คือรากแห่งภูมิปัญญาและคุณธรรม
• ปฏิรูป คือปีกแห่งนวัตกรรมและประสิทธิภาพ
หากเราทำให้ จารีตทันสมัย (Modernize Tradition) และ ความทันสมัยมีคุณธรรม (Moralize Modernity) ได้จริง ประเทศไทยจะ “เติบโตโดยไม่สูญราก แข่งขันได้โดยไม่สูญคุณธรรม”
นี่คือสมการใหม่ของการพัฒนาไทย:
จารีต (Wisdom × Virtue) × ปฏิรูป (Innovation × Efficiency)
= เศรษฐกิจพอเพียงเชิงนวัตกรรม (Sufficiency Innovation Economy – SIE)
จารีตทำให้เรามีราก ปฏิรูปทำให้เรามีปีก เมื่อรวมกัน — เราจะได้โมเดลเศรษฐกิจที่มั่นคงจากฐาน และทะยานได้ในโลกใหม่อย่างมีทิศทาง
3) เศรษฐกิจพอเพียงเชิงนวัตกรรม: พัฒนาอย่างมีขอบเขตและคุณค่า
เศรษฐกิจพอเพียงเชิงนวัตกรรม (SIE) คือระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมบนรากฐานแห่งคุณค่า
ใช้ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นเข็มทิศชี้นำทิศทาง และใช้ “Value-based Innovation” เป็นเครื่องยนต์แห่งการเติบโต
SIE ไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา แต่ยืนยันว่า “ความก้าวหน้าต้องมีหลัก” — เป็นการเติบโตที่ยั่งยืน ไม่เร่งเกินขีด ไม่ชะลอจนหยุดนิ่ง
สามเป้าหมายหลักของ SIE
1. Resilience – เศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและรับมือวิกฤตได้
2. Inclusiveness – การเติบโตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
3. Sustainability – ความยั่งยืนของทรัพยากรและคุณค่าทางสังคม
สามหลักการขับเคลื่อน
1. Sufficiency as Foundation – ดำเนินชีวิตและธุรกิจอย่างพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน
2. Innovation as Force – ใช้เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เพิ่มคุณค่า ไม่ใช่เพียงกำไร
3. Virtue as Value – สร้างนวัตกรรมที่มีจิตสำนึกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
สี่องค์ประกอบเชิงระบบ
1. People – พัฒนาเยาวชนและแรงงานให้มี “ทักษะนวัตกรรมบนฐานคุณค่า”
2. Planet – จัดการทรัพยากรอย่างรู้คุณและยั่งยืน
3. Prosperity – ขยายคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมร่วมกัน
4. Principles – บริหารจัดการด้วยคุณธรรม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบ
SIE จึงเป็นการยกระดับ “พอเพียงเชิงปัจเจก” สู่ “พอเพียงเชิงระบบ” ทำให้ความพอเพียงไม่หยุดอยู่แค่การดำรงชีวิต แต่กลายเป็นระบบนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน
โดยผสาน 3 มิติของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (พอประมาณ–มีเหตุผล–มีภูมิคุ้มกัน) เข้ากับ 3 มิติของเศรษฐกิจนวัตกรรม (Efficiency–Evidence–Resilience) เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ “เติบโตอย่างรู้ขีดจำกัด ตัดสินใจด้วยข้อมูล และปรับตัวได้ต่อวิกฤต”
4) SIE กับสามเสาหลักของโลกใหม่: SDGs, BCG, และ ESG
ในโลกที่การพัฒนาแตกแขนงเป็นหลายเสาหลัก — SDGs ให้เป้าหมาย, BCG ให้โมเดลเศรษฐกิจ, และ ESG ให้หลักธรรมาภิบาล — SIE คือ “สะพานเชื่อม” ที่ทำให้ทั้งสามระบบนี้ทำงานร่วมกันอย่างมีชีวิต
SIE × SDGs
SIE ทำให้เป้าหมายโลกเกิดขึ้นจริงในพื้นที่ เช่น
• SDG 8: สร้างงานที่มีคุณค่า ผ่านเศรษฐกิจชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น
• SDG 9: พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมและชุมชน
• SDG 12: ส่งเสริมการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน
SIE คือการ “แปลนโยบายโลกให้เป็นพลังของคนในพื้นที่”
SIE × BCG
SIE เติม “จิตวิญญาณแห่งความพอเพียง” ลงในโมเดล BCG (Bio–Circular–Green Economy)
ให้เทคโนโลยีชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียนไม่ใช่เพียงเรื่องเทคนิค แต่มีความหมายต่อชุมชนและวัฒนธรรม เช่น
• เกษตรอินทรีย์ที่ใช้ชีวมวลของชุมชน
• ระบบจัดการน้ำหมู่บ้านที่ผสานภูมิปัญญาและวิทยาศาสตร์
นี่คือการทำให้ BCG “มีหัวใจ” และ “มีราก”
SIE × ESG
ในขณะที่ ESG มักถูกมองเป็นเกณฑ์ของภาคธุรกิจ SIE ทำให้มันกลายเป็น “จิตสำนึกของระบบเศรษฐกิจฐานราก”
• E (Environment) – ชุมชนดูแลสิ่งแวดล้อมของตนเอง
• S (Social) – สร้างโอกาสและความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
• G (Governance) – บริหารอย่างโปร่งใส มีส่วนร่วม และตรวจสอบได้
SIE ทำให้ ESG ไม่ใช่แค่ Compliance แต่เป็น Commitment ที่เกิดจากภายใน
5) ยุทธศาสตร์ SIE: จากแนวคิดสู่การขับเคลื่อนจริง
SIE จะไม่เกิดผล หากยังคงอยู่ในระดับแนวคิด จำเป็นต้องแปรเป็นกลไกเชิงยุทธศาสตร์ใน 4 ระดับหลัก
1. ระดับประเทศ – ใช้ SIE เป็น กรอบเศรษฐกิจคู่ขนาน ที่เชื่อม BCG, SDGs และ ESG ภายใต้หลัก “เติบโตอย่างพอเพียง”
2. ระดับพื้นที่ – จัดตั้ง Sufficiency Innovation Zones (SIZ) เพื่อเป็นศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมชุมชน เชื่อมโยงมหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และท้องถิ่น
3. ระดับองค์กร – ปรับการบริหารด้วย ESG + Value-based Innovation เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้เติบโตอย่างรับผิดชอบ
4. ระดับประชาชน – ปลูกฝัง “Sufficiency-Innovation Mindset” ในระบบการศึกษา ส่งเสริมเยาวชนให้เป็น Change Agents ของการพัฒนาที่ยั่งยืน
6) บทสรุป: พอเพียงไม่ใช่การถอยหลัง แต่คือการก้าวไปข้างหน้าอย่างมีราก
“พอเพียง” ไม่ได้หมายถึงการชะลอความเจริญ แต่คือการทำให้ความเจริญมีทิศทาง มีขอบเขต และมีจิตสำนึก ส่วน “นวัตกรรม” ไม่ใช่เพียงเทคโนโลยีใหม่ แต่คือพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนสังคมให้ดีกว่าเดิม
เมื่อ “พอเพียง” และ “นวัตกรรม” มาบรรจบกัน เราจะได้เศรษฐกิจที่มั่นคงจากฐาน รุดหน้าอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืนอย่างมีคุณธรรม
เศรษฐกิจพอเพียงเชิงนวัตกรรม (SIE) จึงไม่ใช่เพียงปรัชญาแห่งความพอเพียงยุคใหม่ แต่คือ Blueprint ของการปฏิรูปประเทศจากภายใน —ให้เติบโตได้โดยไม่สูญราก แข่งขันได้โดยไม่สูญคุณธรรม และยืนหยัดได้ในโลกที่เปลี่ยนอย่างไร้ขีดจำกัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี