‘โฆษก ป.ป.ช.’แจงคดีคลิปเสียง‘แพทองธาร-ฮุน เซน’ตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว หลังได้รับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เผยอาจช้าในช่วงผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ระบุแนวทางไต่สวนไม่แตกต่างจากคดีชี้มูลนักการเมืองฝ่าฝืนจริยธรรม
8 ตุลาคม 2568 ที่สำนักงาน ป.ป.ช.วันที่ 8 ต.ค.2568 นายสุรพงษ์ อินทรถถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคลิปเสียง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ นางสาวแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง ในส่วนของ ป.ป.ช. จะดำเนินการพิจารณาคดีนี้ต่ออย่างไร ว่า คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้ว ซึ่ง ป.ป.ช. ก็จะดูสำนวนคำวินิจฉัยทั้งหมด ว่าข้อเท็จจริงที่ 3 รัฐธรรมนูญวินิจฉัยมา ป.ป.ช. สามารถรับฟังความจริงเรื่องนี้อย่างไร
ทั้งนี้ ได้มีการตั้งองค์คณะไต่สวนไว้แล้ว การกระทำอาจแยกเป็น 2 ส่วน คือ ความผิดทางอาญา มีการกล่าวหาความผิดด้านความมั่นคง และ ความผิดมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของคุณสมบัติ ที่ดำเนินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ในส่วนของ ป.ป.ช. เป็นเรื่องที่นางสาวแพทองธาร จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดไป หรือตัดสิทธิ์การใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นเรื่องของช่องทางที่องค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงจะดูว่า การกระทำของนางสาวแพทองธาร ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ป.ป.ช จะต้องนำมาใช้เป็นหลักในการไต่สวนจะไปทิศทางอาญาหรือจริยธรรม ซึ่งตรงนี้เป็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ที่องค์คณะจะต้องไปดูและรับไปพิจารณา
ส่วนจะใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ โฆษกป.ป.ช. กล่าวว่า เห็นว่าเฉพาะคดีนี้ไม่อยากให้ความเห็นเท่าไหร่ แต่จากประสบการณ์การทำงานคดีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของตนเองคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลานานมาก เพราะเรื่องนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว และทีมงานเมื่อได้คดีมาแล้วจะสามารถวางแผน ได้เลยว่าคดีนี้จะเกี่ยวกับพยานบุคคลใดและเอกสารที่ใช้ หรือคำแปลที่ได้มีการถอดเทปสรุปแล้วหรือยัง ดังนั้นระยะเวลาอาจจะไม่ยาวมาก แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่จะต้องใช้ระยะเวลา คือ หลังจากที่แจ้งข้อกล่าวหา แล้วผู้ถูกกล่าวหาที่แจ้งข้อเท็จจริงกลับมาจะใช้เวลาพอสมควร หากพูดว่าต้องเสร็จภายใน 6 เดือนอาจจะกระทบต่อองค์คณะไต่สวนได้ แต่เรื่องนี้เป็นคดีสำคัญ นโยบายของประธาน ป.ป.ช. บอกว่าไม่ช้า เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ในช่วงปฏิรูปองค์กร ดังนั้นคดีใดที่สื่อมวลชนสนใจและเป็นคดีสำคัญจะมีการกำหนดกรอบเวลาการทำงานทุกเรื่อง เช่น 15 วัน 30 วัน 60 วัน จะต้องมีความคืบหน้า ดังนั้นคดีที่มีความสำคัญจึงไม่ต้องห่วง ตนเองจะตามให้อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีการชี้ขาดการฝ่าฝืนจริยธรรม ป.ป.ช.จะดำเนินการอย่างไรเมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้มาแล้ว นายสุรพงษ์ ชี้แจงว่า เรื่องของคุณสมบัติเป็นเรื่องของการดำรงตำแหน่ง ว่าจะดำรงตำแหน่งได้หรือไม่ได้ แต่เรื่องของการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมที่ ป.ป.ช. มาดูนั้น และศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมา เป็นเรื่องตัดสิทธิ์ทางการเมือง หรือที่เรียกว่าประหารชีวิตทางการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดไป และห้ามใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี ส่วนมาตรฐานทางจริยธรรม จะใช้ตัวเดียวกัน คือ มาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรม นูญ และบังคับใช้กับ สส. สว. และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีด้วย ดังนั้นถือว่าใช้ข้อกฎหมายเดียวกัน และแนวคำพิพากษาเดียวกัน ยกเว้นข้อเท็จจริงนั้นแตกต่างออกไปที่ไม่เคยมีแนวคำวินิจฉัยออกมา ซึ่งถ้ามีข้อเท็จจริงเช่นกรณีดังกล่าว ส่วนตัวเข้าใจว่าสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปแล้ว ทาง ป.ป.ช. ก็จะต้องนำมาดูอยู่แล้ว ดังนั้นแนวการวินิจฉัยจะไม่แตกต่างกันมาก ยกเว้นจะมีข้อเท็จจริงและกฎหมายที่แตกต่าง
“ถ้าไม่มีอะไรพลิกแพลงหรือเปลี่ยนแปลงไปแนวคำวินิจฉัยก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงจากที่ศาลเคยมีคำวินิจฉัยมาหลายๆคดีที่ผ่านมาที่เราชี้มูล และศาลฎีกาพิพากษามาแล้ว ผมคิดว่าสื่อมวลชนก็น่าจะตามอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคดีของ สส.จังหวัดราชบุรี หรือ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือ สส.ในสภาเสียบบัตรแทนกัน ก็ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นแนวปฏิบัติ ดังนั้นการทำงานของ ป.ป.ช. ก็ดี หรือแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาก็ดีไม่น่าจะแตกต่างกันมาก” นายสุรพงษ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี