ทบ.คาด4วันเก็บกู้ทุ่นระเบิดแล้วเสร็จ รอเวลาไล่‘เขมร’ ชี้‘หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’

ทบ.คาด4วันเก็บกู้ทุ่นระเบิดแล้วเสร็จ รอเวลาไล่‘เขมร’ ชี้‘หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’

วันอาทิตย์ ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ทบ.คาด4วันเก็บกู้ทุ่นระเบิดแล้วเสร็จ
รอเวลาไล่‘เขมร’
ชี้‘หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’
แผ่นดินไทยห้ามใครรุกราน
ซ้อมอพยพคนเตรียมทำศึก
‘วีระ’ขีดเส้น31ต.ค.พร้อมลุย

กองทัพภาค 1 เดินหน้าเร่งปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิด ย้ำบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว เป็นของไทย ขณะที่ตชด.ส่งกำลังไปช่วย 6 กองร้อย พร้อมยึดคืนพื้นที่ “กัน จอมพลัง” ขน 40 ตู้คอนเทนเนอร์ปิดแนวบ้านหนองจาน ปฏิบัติการจิตวิทยาเปิดเสียงหลอน จนเขมรกระเจิง ฝ่าย “วีระ สมความคิด” ร่วมอุ่นเครื่อง ระบุ 31 ตุลาคม หากภาครัฐไม่ผลักดันเขมรออกไป ภาคประชาชนพร้อมลุย ด้าน “กองทัพภาค 2” จับตาใกล้ชิด โดรนกัมพูชาบินว่อนเหนือปราสาทตาควาย 23 ลำ พบขบวนรถพลเรือนอำพราง ขนเสบียง ยุทธภัณฑ์เข้าชายแดน

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2568ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน บ้านหนองจาน - หนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ยังคงเป็นไปด้วยความตึงเครียดหลังจากเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2568 ที่ผ่านมาเป็นวันครบกำหนดเส้นตายที่ฝ่ายไทยประกาศให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่อพยพออกไป โดยในวันนี้ กองกำลังบูรพา ได้เผยภาพการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านหนองจาน ซึ่งเป็นภาพของทีมเก็บกู้ทุ่นระเบิดและรถแทรกเตอร์ (เกรดไถดิน) ที่เริ่มปฏิบัติงานเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา โดยใช้รถเกรดไถดินค่อยๆ ขยับเข้าใกล้พื้นที่เป้าหมายที่ยังคงมีพื้นที่อีกจำนวนมากที่ต้องดำเนินการกู้คืนหรือปรับปรุง โดยมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยืนสังเกตการณ์และคุมพื้นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง


ภาคประชาชนร่วมด้วย

ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้สรุปสถานการณ์ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ณ เวลา 15.00 น. ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้วว่าพื้นที่บ้านหนองจาน ฝ่ายไทย มีมวลชนเข้าพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งนักข่าว ประมาณ 200 คน โดยในห้วงเวลา 10.00 น. นายวีระ สมความคิด ร่วมแสดงกิจกรรมแสดงออกถึงความรักชาติหวงแหนอธิปไตยไทยร่วมกับประชาชน ได้ชี้แจงถึงจุดยืนที่จะเข้าไปผลักดันชาวกัมพูชาให้ออกในพื้นที่ โดยจะให้เวลาเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการถึง วันที่ 31 ตุลาคมนี้ และมูลนิธิกัน จอมพลัง ช่วยสู้ ได้นำตู้คอนเทนเนอร์ให้ เจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อให้ กกล.บูรพานำไปใช้ประโยชน์ทางยุทธการ พื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน, สื่อมวลชน, ทหาร และตำรวจ ฝ่าย กพช.คอยติดตามความเคลื่อนไหว และการปฏิบัติของฝ่ายไทย ประมาณ 30-40 คน สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ การปฏิบัติการที่สำคัญ กกล.บรูพา โดย ฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก

นักข่าวต่างชาติเพียบ

พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายไทยมีมวลชนจำนวนหนึ่งในพื้นที่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน และมวลชน/ผู้สื่อข่าว จำนวนประมาณ 150-200 คน บริเวณรั้วลวดหนาม และกระจายรอบหมู่บ้านเปรยจัน โดยมีทหาร, ตำรวจ และส่วนราชการ คอยอำนวยความสะดวกและเชิญชวนนักข่าวในประเทศ และต่างประเทศเข้าร่วมกิจกรรมปลุกระดมบิดเบือน ตลอดจนเรียกร้องให้ปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายกลับประเทศ สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ ปฏิบัติการที่สำคัญ หน่วยได้จัดกำลังพล และยุทโธปกรณ์ โดยจัดควบคุมและรักษาความปลอดภัยพื้นที่ เเละจัดชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด 7 ชุด พร้อมอุปกรณ์ตรวจค้นเเละรถถากถางหุ้มเกราะ D5 ดำเนินการตรวจสอบค้นหาวัตถุระเบิดที่คาดว่าตกค้างในพื้นที่ปฏิบัติการฝ่ายไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วเพิ่มเติมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 วัน เพื่อดำเนินการให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยทั้งหมด

นอกจากนี้ กกล.บูรพา โดย ฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก

ทัพภาค1จัดการเด็ดขาด

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันจะดำเนินการเด็ดขาดกับพื้นที่ที่มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ในห้วงเวลาที่ได้เปรียบโดยคำนึงถึงผลสำเร็จทางยุทธวิธีและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ยืนหยัดทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1/ผบ.ศปก.ทภ.1 มีความห่วงใยกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนในพื้นที่ จ.สระแก้ว ได้สั่งการให้หน่วยดำเนินการสำรวจและช่วยเหลือครอบครัวกำลังพลที่ได้รับผลกระทบ อาทิ มีบุพการีที่เจ็บป่วยไม่มีผู้ดูแล, ครอบครัวอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยหรือภัยพิบัติอื่นๆ เป็นต้น เพื่อลดความกังวลใจของกำลังพลในทุกมิติ ให้มีพร้อมปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ

ตชด.6กองร้อยตรึงแนวชายแดน

ทางด้าน พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งครบกำหนดเส้นตายที่ฝ่ายไทยยื่นคำขาดให้ชาวกัมพูชาอพยพออกจากพื้นที่ ทับซ้อนบริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กำชับตำรวจในพื้นที่ทั้งตำรวจภูธรภาค 2, ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมยุทธการกับกองทัพเพื่อรักษาแผ่นดินไทย รักษาอธิปไตยของชาติ โดยปฏิบัติตามกฎหมาย ยุทธวิธีตามมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกนาย

พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาหน่วยในพื้นที่ให้ดูความพร้อมของยุทโธปกรณ์ กำลังพลในการออกปฏิบัติการ และมีการข่าวที่แม่นยำ ป้องกัน ภัยคุกคามทุกรูปแบบ เตรียมความพร้อมในการดูแลประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงรองรับทุกสถานการณ์ โดยย้ำว่าตำรวจมีหน้าที่ หลักในการบังคับใช้กฎหมาย หากมีการกระทำใดที่ละเมิดกฎหมายไทย จะต้องดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด

โฆษก ตร. เปิดเผยต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้กำลังตำรวจภูธรภาค 2 เป็นตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) 6 กองร้อย หรือ 1,020 นาย สนับสนุนกำลังของกองทัพในการบังคับใช้ กฎหมายในพื้นที่ ขณะนี้มีความพร้อมและมีขวัญกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ดูแลขวัญกำลังใจของกำลังพลด้วย และในวันนี้ (11 ตุลาคม 2568) พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะเดินทางลงพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้วด้วยตัวเอง เพื่อให้ขวัญกำลังใจและควบคุมการปฏิบัติ

‘กัน จอมพลัง’จัดกิจกรรมเด็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศในช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค.2568 ที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้วว่า กัน จอมพลัง หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ อินฟลูเอนเซอร์ และนักช่วยเหลือสังคม พร้อมกับทีมงานได้เดินทางมาตรวจสอบรถตู้คอนเทนเนอร์เกือบ 40 คัน และวางแผนในการนำรถตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดลงไปยังพื้นที่บริเวณแนวชายแดน ซึ่งเส้นทางค่อนข้างแคบและจำเป็นต้องจัดระเบียบในการเข้าออก รวมถึงรถเครนที่จะใช้ในการนำตู้วางเรียง ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด ทยอยเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรีและเตรียมที่จะลำเลียงเข้าไปยังเขตรอยต่อบ้านหนองจาน แนวหลักเขตแดนที่ 46 โดยมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจ ลุ้นให้รถตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเส้นทางเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายได้อย่างเรียบร้อย นอกจากนี้ ยังมอบปัจจัยสนับสนุนในการดำเนินการของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ด้วย

กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ด้วยพลังและความร่วมมือจากพี่น้องคนไทยจึงได้สามารถจัดสรรตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 60 ตู้และทยอยลำเลียงมายังพื้นที่ได้ราบรื่น โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพภาคที่ 1 ในการลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์เข้าในพื้นที่และได้กล่าวถึงกิจกรรมรถเครื่องเสียงที่ปฏิบัติการด้านจิตวิทยากับชาวเขมรที่อาศัยรุกดินแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยวิธีการเปิดเสียง รบกวน สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวเขมร วิ่งหนี เพราะเป็นเสียง เครื่องบิน และเสียงร้องโหยหวน โดยย้ำว่า หลังจากนี้ก็จะทำต่อเนื่องไปอีก นอกจากปฏิบัติการกิจกรรมใช้รถเครื่องเสียงยังจะมีกิจกรรมให้กับชาวเขมรที่ยึดพื้นที่คนไทยได้รับรู้อีกซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้อีกหลายรายการ

‘วีระ’พร้อมลุยหลัง31ต.ค.

วันเดียวกัน นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้เดินทางมาที่บ้านหนองจาน พร้อมชาวบ้านในพื้นที่บางส่วน พร้อมแถลงจุดยืนหลังเลยกำหนดเส้นตายในการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานว่า เมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายฝ่าย ซึ่งจะเห็นถึงขั้นตอนในการปฏิบัติ จึงมีข้อตกลงร่วมกันกับชาวบ้านว่าจะให้เวลาเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้เท่านั้น หากเจ้าหน้าที่ยังไม่ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ ตนและชาวบ้านจะเข้าไปผลักดัน ชายกัมพูชาออกจากพื้นที่เอง ทั้งนี้ รัฐจะมาอ้างว่าชาวบ้านเอาแต่ใจไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่การบีบคั้น กดดันเจ้าหน้าที่ เพราะปัญหาบ้านหนองจาน ยืดเยื้อมานาน ทั้งที่มีหลักเขตชัดเจน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

เชื่อเขมรต้องถอยไปก่อน

ด้านนางสาวนงรัตน์ จันทะมา ตัวแทนชาวบ้านบ้านหนองจาน ระบุว่าเมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเข้าไปพบแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งแม่ทัพได้บอกกับชาวบ้านให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ และขอให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้แน่นอน พร้อมขอให้ชาวบ้านเป็นแนวหลัง ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย อย่างไรก็ตาม หากวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานได้ ตนและชาวบ้านก็พร้อมบุกเข้าไปผลักดันชาวกัมพูชาด้วยตนเอง แต่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถผลักดันได้สำเร็จก่อนวันที่ 31 ตุลาคนนี้แน่นอน

สำหรับบรรยากาศบริเวณบ้านหนองจาน ยังมีประชาชนทยอยเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และบางส่วนก็มาในลักษณะตั้งใจมาถ่ายรูปเช็คอินเพื่อเผยแพร่ในสื่อโซเชียลของตนเอง เราเห็นว่าเป็นการแสดงออกถึงการร่วมหวงแหนพื้นที่อธิปไตยของไทย

ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่ายังเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีมวลชนฝั่งกัมพูชาเคลื่อนไหวผิดปกติแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยก็ยังคงดูแลความเรียบร้อยตลอดแนวเช่นกัน แม้จะเลยกำหนดเส้นตายในการผลักดันชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่เมื่อวานนี้ 10 ตุลาคม แต่ขณะนี้ในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ก็ยังมีประชาชนรวมถึงสื่อมวลชนมาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถยืนยันได้ว่า ปฏิบัติการผลักดัน ชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่อธิปไตย ไทยนั้นจะเกิดขึ้นในวันใด

โดรนเขมรบินว่อนเหนือ ‘ตาควาย

สถานการณ์โดยรวม มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรนบริเวณช่องอานม้า 1 ลำ, ปราสาทพระวิหาร 3 ลำ, ภูมะเขือ 1 ลำ, พลาญหินแปดก้อน 1 ลำ, ปราสาทตาควาย 23 ลำ อีกทั้งยังตรวจพบขบวนรถยนต์ 10 คัน เป็นรถพลเรือน 9 คัน และรถทางทหาร 1 คัน มุ่งหน้าเข้าพื้นที่แนวชายแดน คาดว่าเป็นการลำเลียงยุทธภัณฑ์และเสบียง โดยใช้รถพลเรือนอำพรางรูปแบบการเคลื่อนที่

ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อม

ทูตไทยสับเขมรกลางยูเอ็น

ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ น.ส.ปรารถนา ดิษยทัต อัครราชทูตรองผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ชี้แจงต่อถ้อยแถลงผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ในเวทีการประชุมคณะกรรมการบริหารของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR ExCom) สมัยที่ 76 ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ หลังฝ่ายกัมพูชา กล่าวหาไทยละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งห้ามการย้ายถิ่นของพลเรือนโดยใช้กำลัง การทำลายทรัพย์สิน และการลงโทษหมู่ รวมทั้งกล่าวหาว่าไทยรุกล้ำทำให้ประชาชนต้องพลัดถิ่น ทำลายบ้านเรือน ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ทั้งที่อาศัยมาหลายชั่วอายุคน

ทั้งนี้ นส.ปรารถนา ได้ กล่าวชี้แจง พร้อมความเสียใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยต้องใช้สิทธิ์ในการพูดเพื่อตอบต่อถ้อยแถลงของกัมพูชา ทั้งที่เวทีพหุภาคีเช่นนี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อกล่าวหาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

น.ส.ปรารถนา กล่าวว่า ประเทศไทยขอยืนยันว่า หมู่บ้านที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างถึงนั้นตั้งอยู่ในดินแดนของไทย จากการที่ไทยตัดสินใจเปิดพรมแดนเพื่อให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศตัวเองเข้ามาพักพิงในไทย อันเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความเห็นอกเห็นใจและหลักมนุษยธรรม ซึ่งเป็นรากฐานของธรรมเนียมปฏิบัติด้านมนุษยธรรมอันยาวนานของไทย

ขณะเดียวกันจังหวัดสระแก้ว ประกาศซ้อมแผนอพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในวันอาทิตย์นี้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top