ไทยเอาจริง-แก้ปัญหาสแกมเมอร์ในเขมร
ปิดด่านไม่มีกำหนด
ประชุมด่วนนัดแรก20ต.ค.
‘หนู’ต่อสายคุยปธน.เกาหลี
พร้อมร่วมปราบสแกมเมอร์
โฆษกรัฐบาล ยืนยันนายกฯไม่ได้เพิกเฉยแก้ปัญหาสแกมเมอร์ นัดประชุมบอร์ดพิฆาตนัดแรก 20 ตุลาคม พร้อมปิดด่านเขมรไม่มีกำหนด ด้าน“ไชยชนก” ชงเปิดสงครามไซเบอร์เอาคืน ฝ่ายเพื่อไทยขยันจัดหลังเป็นฝ่ายค้านเสนอโมเดลแก้ไขปัญหาเพียบ
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายสแกมเมอร์ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ว่า นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ และยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน
นายสิริพงศ์ ระบุว่า ล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้ง “คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงาน ทั้งตำรวจ หน่วยข่าวความมั่นคง กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงยุติธรรม และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานด้วยตนเอง เพื่อแสดงถึงความจริงจังของรัฐบาลในการจัดการอาชญากรรมออนไลน์อย่างเด็ดขาด
“นี่คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลไม่เพิกเฉย ปัญหานี้กระทบต่อประชาชนโดยตรง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงเลือกที่จะรับผิดชอบโดยตรง ไม่ปล่อยให้เป็นเพียงหน้าที่ของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่ให้ทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ” โฆษกรัฐบาลกล่าว
ทั้งนี้ ในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกจิรภพ ภูริเดช และผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ พลตำรวจโทเขมชาติ ชูศรี เป็นกรรมการร่วม ขณะที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและกระบวนการยุติธรรมจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากหน่วยงานภาครัฐทุกด้าน เพื่อเร่งติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินคดีต่อเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ทั้งในและนอกประเทศ
นายสิริพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การปิดด่าน อย่างไม่มีกำหนด สามารถสร้างความบอบช้ำ ทางเศรษฐกิจ ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมาตรการนี้ได้ผล โดยเราจะดำเนินการปิดด่านไปจนกว่าทางกัมพูชา จะยอมรับเงื่อนไข 4 ข้อของไทย ที่รวมถึงการปราบขบวนการสแกมเมอร์ด้วย จะเห็นว่า เรานำปัญหานี้ เข้าไปอยู่ในทุกวงเจรจา ล่าสุด ที่การหารือกันที่สปป. ลาวเราก็ได้นำเรื่องนี้ขึ้นไปประชุมด้วย
โฆษกรัฐบาลย้ำว่า หลังจากตั้งคณะกรรมการดังกล่าว รัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนมาตรการปราบปรามในทุกมิติ ทั้งด้านกฎหมาย เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีไม่ได้เพียงสั่งการ แต่ลงมือทำจริง และติดตามเองทุกระยะ จะมีการประชุมนัดแรก 20 ตุลาคม 2568 นี้ ขอย้ำว่า นี่คือเรื่องของความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีของคนไทยทุกคน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้หารือทางโทรศัพท์กับ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีใต้ เกี่ยวกับประเด็นการลงทุนในประเทศไทย และการจัดการปัญหา ขบวนการสแกมเมอร์ในประเทศกับพูชา โดยทราบว่า เกาหลีใต้ยินดีและสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ไทยก็ยินดีให้ความร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อจัดการปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา
นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) กล่าวถึงการเดินหน้าปราบสแกมเมอร์หลังมีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งถูกตั้งคำถามว่ารัฐบาลนิ่งเฉย โดยยืนยันว่าไม่ได้นิ่งเฉย
เมื่อถามถึงเป้าหมายปราบเรื่องนี้ใน 4 เดือน ตั้งใจจะปราบให้หมดเลยหรือจะต้องอาศัยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนายไชยชนก กล่าวว่า มีปัจจัยหลายอย่าง มีปัจจัยด้านการต่างประเทศมาเกี่ยวข้องในกัมพูชา ซึ่งมันมีข้จำกัดระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพ หากเกิดในประเทศไทย ตำรวจมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเต็มที่ แต่หากข้ามแดนเราไป ตำรวจและทหารของไทยจะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่ตนได้สั่งการให้ศึกษาแล้ว และเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการฯ นั่นคือการศึกษากฎหมายใหม่ “Active Cyber Defence 2025” ที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่งออกมา ซึ่งมีหลายประเทศทำในลักษณะคล้ายกัน เป็นกฎหมายที่ตอบโต้ทางไซเบอร์ได้ ยกตัวอย่างมีการคุกคามเราทางไซเบอร์ เราสามารถมีทีมงานเฉพาะ หรือคณะกรรมการอนุมัติเรื่องต่อเรื่องและแฮคกลับได้ ไม่ได้ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เวียดนามก็ทำ ญี่ปุ่นก็ทำ โดยปลายเดือนนี้ตนจะลงนามความร่วมมือที่สหประชาชาติด้วย
เมื่อถามว่าที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ทวงถามว่าตรวจสอบถึงไหนแล้ว นายไชยชนก กล่าวว่า รอชม ตอนแรกคิดว่า 30 วัน แต่ตอนนี้ทราบข้อมูลว่าเร็วกว่านั้น จึงขอให้รอชมเร็วๆนี้
ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงเรียกร้องให้ รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ยกระดับมาตรการปราบปรามขบวนการกล่าวเพื่อไม่ให้ประเทศไทยส่วนหนึ่งของอาชญากรรม ดังนี้ 1.ดำเนินมาตรการ 3 ตัด คือ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดศูนย์กลางสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอาจพิจารณายกระดับจากโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศไทย จีน เมียนมา ที่สำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า 2.กลับมาเข้มงวดเรื่องการปิดเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการหลอกลวงเอาคนไทยข้ามไป และการลักลอบหนึกลับเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย 3.เร่งสานต่องานจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นเพื่อตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) ระดมความร่วมมือจากนานาประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม แก้ไขขั้นเด็ดขาดช่วยเหลือเหยื่อกลับบ้าน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า 4.เจรจากดดันเพื่อให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขข้อที่ 3 คือ การร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไข 4 ข้อเดิมตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมัยรัฐบาลน.ส.แพทองธาร เคยเสนอไว้ ผ่านการลงนามข้อตกลงสันติภาพในการประชุมอาเซียนซัมมิท วันที่ 25 ตุลาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5.ให้รัฐบาลกลับมาจริงจังเรื่องของการระงับบัญชีม้า และซิมที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้งที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่าเกี่ยวข้อง ตลอดจนการปราบปรามเว็บพนันและเว็บหลอกลวงผิดกฎหมายเพื่อป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ในประเทศ โดยในรัฐบาลชุดที่แล้วก็ได้ไช้มาตรการนี้ในการระงับบัญชีม้ากว่า 5 แสนบัญชี และป้องกันการสูญเสียได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท 6.เร่งออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.ก.) ป้องกันและปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์และพ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล
นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า 7.ให้รัฐบาลใช้ศูนย์ AOC 1441 ที่ได้ตั้งขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อเป็น One Stop Service ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงออนไลน์แบบแร่งด่วน เพื่อให้เรื่องร้องทุกข์ เรื่องระงับธุรกรรมทางการเงิน และเรื่องการประสานงานกับธนาคารและตํารวจไซเบอร์กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี