‘โฆษกรัฐบาล’ ยัน ‘นายกฯ’ เดินเครื่องเต็มสูบ ปราบล้าง ‘สแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ตั้งบอร์ดใหญ่–ซีลชายแดน–ปิดบัญชีม้า–ทลายแหล่งกบดาน พร้อมผนึกกำลังนานาชาติ หวัง 4 เดือนเห็นรูปธรรม
วันที่ 17 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงมาตรการของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในการแก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติว่า นับตั้งแต่ท่านนายกรัฐมนตรีได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ท่านไม่เคยนิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และได้มอบแนวทางให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ ภายใต้คำย้ำเตือนว่า นี่เป็นปัญหาที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุด รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกทุกมิติ ทั้งด้านนโยบาย การทูต การบังคับใช้กฎหมาย และเทคโนโลยี เพื่อจัดการกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่โยงใยข้ามพรมแดน ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมเป็นกรรมการ เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์เป็นไปอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทุกหน่วยงาน
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า นายอนุทิน ยังได้กำหนดให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวประชุมนัดแรกวันที่ 20 ต.ค.นี้ เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า รัฐบาลจะจัดการให้ถึงต้นตอ ทั้งในและนอกประเทศ พร้อมสั่งการให้แต่ละหน่วยงานรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ด้านความร่วมมือต่างประเทศ นายอนุทิน ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายอี แจ มยอง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยยืนยันว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลโซลในการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ที่ใช้กัมพูชาเป็นฐานหลังจากเกิดเหตุการณ์นักศึกษาเกาหลีใต้ถูกฆาตกรรมในกัมพูชา ซึ่งจุดชนวนแรงกดดันจากประชาคมโลก นอกจากนี้ไทยยังให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ และ สปป.ลาว เช่นเดียวกัน โดยล่าสุดที่ สปป.ลาว นายกรัฐมนตรีได้นำเรื่องนี้ขึ้นเป็นประเด็นหารือสำคัญ เพื่อแสวงหาความร่วมมือในระดับภูมิภาค และวันนี้ ท่านนายกฯ ยังได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีน กระชับสัมพันธ์ 2 ประเทศ โดย 1 ในประเด็นการหารือก็คือการปราบแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ ซึ่งไทยและจีนพร้อมสนับสนุนภารกิจนี้
นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า หากย้อนกลับไป จะพบว่า ภายหลังนายอนุทินได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้รายงานผลการระงับบัญชีธนาคารต้องสงสัยนับหมื่นบัญชี ซึ่งเป็นมาตรการที่นายกรัฐมนตรีสนับสนุนมาโดยตลอด พร้อมสั่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้มงวดตรวจสอบ “บัญชีม้า” และให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือดำเนินการ “ล้างซิมม้า” โดยอัปเดตฐานข้อมูลลูกค้าทุกเดือน รวมถึงเปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งระงับหมายเลขหรือบัญชีต้องสงสัยได้ทันที ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งเดินหน้ากวาดล้างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ สามารถจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้หลายราย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้ นายกฯได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงชายแดนตรวจเข้มแนวชายแดน พร้อมคงมาตรการปิดด่านไทย–กัมพูชา เพื่อกดดันให้ทางการกัมพูชาร่วมมือกวาดล้างแก๊งอาชญากร และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานเป็นรายเดือน พร้อมเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด
“รัฐบาลทำสิ่งที่สามารถทำได้ ภายใต้ข้อจำกัดด้านความสัมพันธ์ทางการทูต ที่ทำให้ผู้นำทั้งสองประเทศยังไม่สามารถหารือโดยตรงได้ตามปกติ ดังนั้น ไทยจึงดำเนินการในส่วนที่สามารถทำได้เต็มที่ ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ผ่านการแสวงหาความร่วมมือจากนานาชาติ ไปจนถึงการไล่ปิดบัญชีม้าที่สร้างความเดือดร้อนให้คนไทย รัฐบาลไม่เคยเพิกเฉยต่อปัญหา กลับร้อนใจอย่างยิ่ง เพราะรู้ว่าทุกวันยังมีคนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรเหล่านี้ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในกรอบเวลา 4 เดือนของการทำงาน เพื่อให้ประชาชนเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี