เขมรต้องตอบรับ4ข้อตกลงGBC  ไทยยื่นคำขาด!  หากเตะถ่วงไม่ลงนาม‘สันติภาพ’  ปัดตกเงื่อนไขปล่อย18เชลยเขมร

เขมรต้องตอบรับ4ข้อตกลงGBC ไทยยื่นคำขาด! หากเตะถ่วงไม่ลงนาม‘สันติภาพ’ ปัดตกเงื่อนไขปล่อย18เชลยเขมร

วันพุธ ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เขมรต้องตอบรับ4ข้อตกลงGBC

ไทยยื่นคำขาด!

หากเตะถ่วงไม่ลงนาม‘สันติภาพ’

ปัดตกเงื่อนไขปล่อย18เชลยเขมร

‘บิ๊กเล็ก’ฮึ่มอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

“บิ๊กเล็ก”ยื่นคำขาด“เขมร”ถก“จีบีซี-เจบีซี”ไม่สำเร็จ ลงนามสันติภาพไม่เกิดขึ้น ลั่นประชุมจีบีซีรอบนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่จัดอีกให้เปลืองภาษี ฮึ่ม!ไทยทำถึงที่สุดแล้ว เขมรไม่ร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไทยไม่ได้แก้ด้วยสันติวิธีอย่างเดียว“รมช.กลาโหม”ย้ำรอ“เขมร”ตอบรับ 4 ข้อเสนอ วง‘GBC’ หากไม่รับ เป็นสิทธิ์ฝ่ายไทยปกป้องอธิปไตย นายกฯย้ำเงื่อนไข4ข้อไทยต้องบรรลุ หลังกัมพูชาประกาศพร้อมลงนามสันติภาพ ด้านครม.ถกวาระลับ มีมติยืนกรานกรอบ“จีบีซี”ดักคอถ้าเขมรทำนิ่ง ไทยไม่ลงนามแน่ เพิ่มเงื่อนไขที่5ปัดตกเงื่อนไขปล่อย18เชลยศึก ถ้าไม่ทำ4ข้อเดิม

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี)ว่า เป็นการประชุมสืบเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 กันยายนและการเลือกที่มาเลเซีย เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศไปหารือ 4 ฝ่ายที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิทที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสัปดาห์หน้า มาเลเซียจึงขอให้เราไปประชุมที่มาเลเซีย เพื่อรวมทั้งสามการประชุมไว้ด้วยกัน ส่วนความคาดหวังก็ 50:50 ที่ผ่านมารมว.ต่างประเทศได้ไปพูดคุย และได้กรอบการทำงานมาแล้วในการประชุมจีบีซีที่ต้องลงรายละเอียด


ลั่นGBCรอบนี้ไม่สำเร็จไม่จัดอีกให้เปลืองภาษี

ทั้งนี้ ในการประชุมจีบีซีเมื่อวันที่ 10 กันยายนตกลงกันว่านำ 4 ประเด็นหารือในการประชุมคณะกรรมาธิการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องย้อนกลับมาที่จีบีซีอีกครั้งเพื่อติดตามการทำงาน หากการประชุมครั้งนี้สำเร็จถือเป็นเรื่องที่ดี อยากให้ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชน หากหนทางคลี่คลายสถานการณ์นำไปสู่สันติวิธีด้วยการเจรจา ก็น่าเป็นไปในทางนั้น ยืนยันว่าเราจะไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน แต่หากไม่สำเร็จตนจะไม่ประชุมให้เปลืองภาษีอีกแล้ว

ฮึ่มเขมรไม่ร่วมมืออะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมจีบีซีครั้งนี้ต้องกำหนดไทม์ไลน์ 4 ประเด็น เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่การลงนามเป็นภาพกว้างกว้างใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ต้องกำหนด จากบทเรียนครั้งที่แล้วเราให้โอกาส อยากเรียนว่านโยบายรัฐบาลไม่ใช่จะสันติอย่างเดียว แต่เราทำตามขั้นตอนโดยยึดกติกาสากลที่สังคมโลกเขาใช้กัน แต่ถ้าเราทำถึงที่สุดแล้วกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ถามต่อว่าถ้าเขมรไม่ร่วมมือ ไม่กำหนดแผนปฏิบัติ 4 เงื่อนไข จะกระทบต่อเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิทหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลยอมรับว่า มีผล แต่เราคงไม่สนใจแล้ว เพราะเป็นเรื่องอธิปไตยของไทย เราก็มีศักดิ์ศรี และพยายามทำด้วยสันติวิธีตามกติกาสากลแล้ว แต่เขาไม่ร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ชี้ถกจีบีซีล้มลงนามสันติภาพไม่เกิด

เมื่อถามว่าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา (เจบีซี) ที่จะหารือกรณีบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว พื้นที่ที่ไม่ได้ถูกอ้างสิทธิ์แต่เป็นเขตอธิปไตยของไทยที่ถูกรุกล้ำ ต้องนำมาคุยในเวทีนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า อยากให้ความเป็นธรรมและฟังเหตุผล เวทีเจบีซีที่ไปพูดคุยกันเฉพาะพื้นที่ที่อ้างสิทธิ์ ไปดูเส้นอ้างสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย แต่พื้นที่ที่นอกเหนือจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ จีบีซีถือว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ในชั้นต้นไม่ใช่ว่าเราไปรับเส้นเขตแดนของเขมร แต่ขั้นนี้เราต้องรีบดำเนินการเอาที่ดินของคนไทยคืนมาให้คนไทย

“ดังนั้น พื้นที่ที่ทำได้คือพื้นที่ที่อยู่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ การประชุมเจบีซีครั้งนี้ดีที่สุดคือตกลงกันได้เลย ดีรองลงมาคือกำหนดเส้นที่ทางสากลเขาเรียกว่า Control actual line แต่ถ้าตกลงไม่ได้จริงๆ ก็ให้ยึดตามเส้นอ้างสิทธิ์นั้น แต่นอกเหนือเส้นอ้างสิทธิ์ต้องเป็นพื้นที่ของไทย เราต้องจัดการตรงนั้น แต่ถ้าเขาไม่ยอมคุยเลยเราก็ไม่สนใจแล้ว ของเราถือตรงไหนก็คือตรงนั้น ย้ำว่าพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์จะคุยในจีบีซี และเร่งให้เขมรกำหนดแผนอพยพคนออกจากพื้นที่ ถ้าประชุมไม่สำเร็จการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท การลงนามสันติภาพคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น รวมทั้งยืนยันว่าการประชุมจีบีซีรอบนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ไม่ประชุมให้เปลืองภาษีอีกแล้ว”รมว.กลาโหมกล่าว

ย้ำเขมรปัด4ข้อเสนอGBCไทยมีสิทธ์ป้องปท.

ด้านพล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาชายแดนไทย-เขมร ซึ่งอยู่ระหว่างประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูขา(จีบีซี)ว่า ขณะนี้รอเขมรตอบรับเงื่อนไขของไทย ทั้งในเวทีประชุมจีบีซีและประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (เจบีซี)

ผู้สื่อข่าวถามว่าเขมรต้องตอบรับข้อเสนอของฝ่ายไทยทั้ง 4 ข้อใช่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์กล่าวว่า ทุกคนกำลังรอคำตอบ และความคาดหวังคือ เขมรต้องให้ความร่วมมือ แต่ถ้าไม่ร่วมมือ เราก็มีความชอบธรรมในการปกป้องอธิปไตยถามย้ำว่า การปกป้องอธิปไตยจะเป็นไปในรูปแบบใด พล.ท.อดุลย์ไม่ตอบคำถาม

ถามถึงกรณีมีการมองว่าไทยเป็นฝ่ายตั้งรับเกินไปหรือไม่ พล.ท.อดุลย์ไม่ตอบคำถามเช่นกัน

นายกฯย้ำไทยต้องบรรลุ4เงื่อนไข

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคมได้รับรายงานการประชุมหรือยังว่า ได้รับรายงานแล้ว แนวโน้มคืบหน้าไปได้เรื่อยๆ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากัมพูชาระบุพร้อมจะลงนามสันติภาพกับไทย ที่มาเลเซีย นายกฯกล่าวว่า ในส่วนของไทยเรามีประเด็นที่เราแจ้งไปแล้วคือสิ่งที่เราต้องบรรลุเงื่อนไข 4 ข้อ

ถกลับเขมรเมิน4ข้อปัดตกส่งกลับเชลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการพิจารณาวาระลับ โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหมเสนอกรอบการประชุม 5 ข้อ ที่จะนำไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย วันที่ 23 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วย 4 ประเด็นคือ1.การถอนอาวุธหนัก 2.เก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Scam) 4.การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน และ5.ซึ่งเพิ่มเติมเข้ามาคือ หากไม่เป็นไปตาม 4 ข้อดังกล่าว ไทยจะไม่ลงนามในการประชุม GBC ครั้งนี้ โดยที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบกรอบดังกล่าว ส่วนประเด็น 18 เชลยศึก ที่เขมรยื่นเงื่อนไขในเอกสารว่าด้วยความตกลงสันติภาพระหว่างไทย - กัมพูชา นั้น ไทยมีเงื่อนไขว่า กัมพูชาต้องทำ 4 ข้อข้างต้นก่อน ถ้าไม่ทำจะไม่มีการส่งตัว 18 เชลยศึกกลับแน่นอน

‘สีหศักดิ์’เชื่อเจรจา‘เจบีซี-จีบีซี’ยังได้ผล

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ระบุหากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ไม่ได้ผลจะไม่มีการประชุมอีกแล้วว่า ตนเชื่อว่าได้ผล การประชุมจีบีซีเกี่ยวกับเรื่องที่จะลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นถ้อยแถลงตามที่คุยกัน เชื่อว่าจะทำแผนงานรายละเอียดได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลไม่เป็นไปตามที่ต้องการ กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการเช่นไร นายสีหศักดิ์ยังยืนยันว่า ทั้งสองฝ่ายพูดคุยและตกลงกันได้

ไทยชง4ข้อตกลงถกกรอบจีบีซีสมัยพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม เวลา 18.00 น. ฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ซึ่งฝ่ายไทย นำโดย พลเอก ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ได้ร่วมประชุมกับฝ่ายเลขานุการฯ ฝ่ายกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยฝ่ายไทยเสนอกรอบการประชุม GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/68 (2nd Special Session of the General Border Committee Meeting) 4 ประเด็นดังนี้ 1. ถอนอาวุธหนัก 2. เก็บกู้ทุ่นระเบิด 3. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Scam) 4. บริหารจัดการพื้นที่ ชายแดน ที่ต้องรอผลการเจรจา JBC

ทั้งนี้ 4 ประเด็นนี้ เป็นการขับเคลื่อนการปฏิบัติตามข้อตกลง ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความเห็นชอบ ในการประชุม GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเกาะกง กัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ไว้แล้ว โดยฝ่ายกัมพูชาเห็นชอบกับกรอบการประชุมดังกล่าว และวันนี้ (21 ตุลาคม) จะได้แบ่งกลุ่มย่อยเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก หารือ ประเด็นการถอนอาวุธ และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด กลุ่มที่ 2 หารือ ประเด็น การปราบปราม Cyber Scam

วอนเข้าใจแม่ทัพเติ่งให้เวลาทำงาน

ส่วนพลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์กรณี พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบันที่มีกระแสวิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนในการแก้ปัญหาชายแดนไทยเขมรว่า ตนบอกพลโท วีระยุทธ ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะบางครั้งประชาชนติดตามความเคลื่อนไหวของแม่ทัพคนก่อนมาระยะหนึ่ง พอมีแม่ทัพคนใหม่ที่พูดไม่เก่ง ซึ่งตัวท่านเองก็รู้ตัวดี แต่ยืนยันได้ว่าพลโท วีระยุทธ ทำงานรู้ทั้งหมด อยู่กับตนมาตลอดช่วงสู้รบ แต่พวกเราไม่ค่อยเห็นพลโท วีระยุทธ มีแต่ตนออกสื่อเท่านั้น จึงต้องให้เวลาทำงาน เพราะท่านเพิ่งมาไม่ถึง 1 เดือน บางครั้งคำพูดของ พลโท วีระยุทธ อาจอธิบายไปภาพกว้างทำให้ประชาชนไปตีความปัจจุบันท่านพยายามลงพื้นที่ตลอด และตนได้ให้กำลังใจไป แต่ปัญหาบางอย่างก็ต้องรอฟังนโยบายจากหน่วยเหนือด้วย ไม่ใช่ว่าทำเองคนเดียว เพราะเป็นผลกระทบด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่การทหาร

ชี้สถานการณ์ชายแดนยังตึงคุยRBCไปไร้ผล

ส่วนที่เมื่อวานนี้ พลโท บุญสิน แสดงความเห็นไม่อยากให้ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC นั้น พลโท บุญสินระบุว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาคไทย-กัมพูชา หรือ RBC ที่ผ่านมา ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่แม่ทัพยังไม่ไปประชุม เพราะสถานการณ์ยังตึงเครียดอยู่ คุยกันไปก็ไม่มีผลอะไร แต่การประชุม JBC เป็นเรื่องของรัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศ มีคณะอนุกรรมการปักปันเขตแดน กรมแผนที่ทหาร ซึ่งกระทรวงต่างประเทศคงมีแนวทางที่จะไปคุยให้ชัดเจน จึงผลักดันให้ประชุม แต่ในส่วน RBC ตนมองว่าหากสถานการณ์ยังตึงอยู่แบบนี้ คุยไปก็ไม่มีผลอะไร ต้องรอนโยบายผู้ใหญ่มือหนึ่งของกัมพูชาก่อนส่วน 4 ข้อเสนอของที่ประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC ควรมีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ตนไม่มีความเห็นคงจะเป็น 4 ข้อ แต่อยากให้ผู้นำกัมพูชาจริงใจมากกว่า

ลั่นไม่ถอยอีกแล้วใครถอยตอบปชช.เอง

ถามว่า อยากให้กัมพูชาถอนฟ้องเรื่องเคลม 3 ปราสาท 1 พื้นที่ ออกจากศาลโลกหรือไม่ พลโท บุญสิน กล่าวว่า เป็นแนวทางที่จะคุยอยู่แล้ว เพราะเรื่อง 3 ปราสาท 1 พื้นที่ ที่เขมรอ้างถึงทำให้รบกัน เราอยู่มานานแล้ว วันดีคืนดีก็มาบอกว่าเป็นของเขมร ยกกำลังมาก่อเหตุ เป็นเรื่องราวสตอรี่ ที่เด็กอมมือก็ยังรู้

“คุณต้องการให้เรารบ แล้วก็บอกว่าเรารังแก แล้วก็เอาเรื่อง 3 ปราสาทขึ้นสู่ศาลโลก แต่เรารู้ทันเพราะเราไม่รับศาลโลก กัมพูชาจึงยื่นไม่ได้ ก็เลยเป็นอย่างนี้ ต่อไปก็ต้องดูว่าจะเป็นเกมอย่างไร หากจะกลับไปดีกันก็ต้องกลับไปอยู่จุดเดิม กำลังเคยอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น อย่างจุดที่ทหารไทยอยู่ก็ต้องอยู่ตรงนั้น ไม่มีการถอยอีกแล้ว ถ้าใครถอยก็ต้องตอบคำถามพี่น้องประชาชนเองแล้วกัน”

บิ๊กเล็กเซ็นตั้งคณะทำงานศึกษาMOU43-44

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่องแต่งตั้งคณะทํางานกระทรวงกลาโหม เพื่อศึกษาบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาโดยที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทบทวนความเหมาะสมของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบก และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน ว่าสมควรคงอยู่ต่อไป ยกเลิก หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการจัดทำหลักเขตแดนทางบก และการกำหนดแนวเขตทางทางทะเลระหว่างราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรกัมพูชา โดยสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการอยู่ร่วมกันอย่างฉันท์มิตร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

“พลเอกอักษรา”นั่งประธานฯ

ข้อ 1 ให้ตั้ง “คณะทำงานกระทรวงกลาโหม ศึกษาบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอาณาจักรไทยกับรัฐบาลกัมพูชา” เรียกย่อว่า “คณะทำงานศึกษาบันทึกความเข้าใจ“ ประกอบด้วย1. พล.อ. อักษรา เกิดผลประธานคณะทำงานฯรองประธานคณะทำงานฯ2. พล.ร.อ. จุมพล ลุมพิกานนท์ ร.น.คณะทำงานฯ3. พล.อ.อ. มานัต วงษ์วาทย์คณะทำงานฯ4. พล.อ.รศ.ดร. พีรพล สงนุ้ยคณะทำงานฯ 5. พล.ร.ท. ศิริชัย เนยทอง ร.น.คณะทำงานฯ6. น.อ.ผศ. สมาน ได้รายรัมย์ ร.น.คณะทำงานฯ 7. น.ท.ศ.ดร. สราวุฒิ สุจิตจรคณะทำงานฯ8. พ.ท.ผศ.ดร. สรวิศสุภเวชย์คณะทำงานฯ9. นายทรงชัย ชัยปฏิยุทธคณะทำงานฯ10. นายภูมิพิชัย ธารดำรงค์คณะทำงานฯ11. นายภัทรพงษ์ แสงไกรคณะทำงานฯ 12.นายสุวันชัย แสงสุขเอี่ยมคณะทำงานฯ13.พล.ท.ชาคร เลขานุการฯ14.พล.ร.ท.ยอดรัก ศิลปะดุริยางค์ ร.น.ผู้ช่วยเลขานุการฯ

ข้อ 2 ให้คณะทำงานศึกษาบันทึกความเข้าใจมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้(1) ศึกษาความเป็นมา เหตุผลความจำเป็นในการจัดทำ เนื้อหาสาระของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบก และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทย และกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน รวมตลอดทั้งประเมินผลการดำเนินการที่ผ่านมาที่มีต่อการรักษาอธิบไตยของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์แห่งชาติ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละห้วงเวลาที่ผ่านมาด้วย (2) จัดทำบันทึกรายงานผลการศึกษา และข้อเสนอต่อรมว.กลาโหม ว่าบันทึกความเข้าใจแต่ละฉบับนั้นสมควรคงอยู่ต่อไป ยกเลิก หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยชี้แจงเหตุผล ข้อดี ข้อด้อย ในแต่ละแง่มุม ความสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมาย ภายในของราชอาณาจักรไทยให้ชัดเจน (3) เสนอแนวทางและวิธีการที่เหมาะสมในการเผยแพร่และสื่อสารข้อมูลรายงานผลการศึกษารวมทั้งข้อเสนอแนะต่อประชาชนทั่วไปทราบโดยวิธีการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมในการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชนแต่ละกลุ่ม (4) ปฏิบัติงานอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมาย

ข้อ 3 ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพสนับสนุนคณะทำงานศึกษาบันทึก ความเข้าใจตามที่ได้รับการร้องขอ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top